ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์” (ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ก้าวที่ 38 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเอเฟซัส (วว2:1-7)
ก้าวที่ 39 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8-11)
ก้าวที่ 40 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:12-17)
ก้าวที่ 41 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:18-29)
ก้าวที่ 42 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1-6)
ก้าวที่ 43 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:7-13)
ก้าวที่ 44 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว3:14-22)
ก้าวที่ 45 เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
ก้าวที่ 46 เรียนรู้จาก: การรับรู้ของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร
ก้าวที่ 47 เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
ก้าวที่ 48 เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร
ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะ
คริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ก้าวที่ 45 เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
ตอนที่ 8 เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
1.คริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส (วว2:1)
2.คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8)
3.คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:12)
4.คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:18)
5.คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1)
6.คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:7)
7.คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว3:14)
โดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ (6 มิ.ย. 2020)
เบื้องหลังของการเรียนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์ กับคริสตจักรทั้ง 7 จากพระธรรม วว2:1-3:22 มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่าพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นผู้ใดและพระองค์จะทำอะไร ทำอย่างไร สำหรับคริสตจักรทั้ง 7 เพราะสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นย่อมต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคริสตจักรของพระองค์อย่างแน่นอน และสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือสถานการณ์ของคริสตจักรที่กำลังเผชิญอยู่ในเวลานั้นๆ เช่นกัน
โดยอ.ยอห์นได้รับการสำแดงจากพระเยซูคริสต์ ให้เขียนเรื่องนี้ไว้ในหนังสือม้วน และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด (วว1:11) ตรัสว่า “สิ่งที่ท่านเห็นนั้นจงเขียนไว้ในหนังสือม้วน และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด คือคริสตจักรที่เมือง(1)เอเฟซัส เมือง(2)สเมอร์นา เมือง(3)เปอร์กามัม เมือง(4)ธิยาทิรา เมือง(5)ซาร์ดิส เมือง(6)ฟีลาเดลเฟียและเมือง(7)เลาดีเซีย”
เนื้อหาสำหรับตอนที่ 8 นี้เน้นความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักรทั้ง 7 โดยท่านสามารถเรียนรู้เพื่อสำรวจตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินชีวิตของท่านกับพระเยซูคริสต์เป็นไปตามพระทัยพระเจ้าหรือไม่
และชุมชนของพระเจ้า หรือคริสตจักรท้องถิ่นที่ท่านผูกพันตัวได้ดำเนินพันธกิจเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ เพื่อเราจะเป็นผู้ชนะ ได้รับตามสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงสัญญาว่าจะให้เราได้รับในวันสุดท้าย
วว2:1,8,12,18; 3:1,7,14 “จงเขียนถึง ทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส,สเมอร์นา,เปอร์กามัม,ธิยาทิรา,ซาร์ดิส,ฟีลาเดลเฟีย และเลาดีเซีย
“ฑูตสวรรค์” อาจจะหมายถึง ฑูตสวรรค์ที่เป็นวิญญาณจริงๆก็ได้หรือเป็นผู้นำผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาลของคริสตจักรก็ได้ การแปลความให้ใช้บริบทของเนื้อหาเป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจอีกที บางคนก็เชื่อว่าเป็นฑูตสวรรค์จริงๆไม่ใช่หมายถึง ผู้นำหลักของคริสตจักร แต่ไม่มีทัศนไหนบอกว่า
ฑูตสวรรค์ในคริสตจักรทั้งเจ็ดเป็นมนุษย์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำเท่านั้น
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่อง ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ตอนที่ 8 เรียนรู้จากความสัมพันธ์ของ
พระเยซูคริสต์กับคริสตจักรทั้ง 7
1.คริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส (วว2:1)
วว2:1 “จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“ถือดาวทั้งเจ็ดดวง” ให้ความหมายถึง บรรดาฑูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด ซึ่งได้อธิบายเรื่องฑูตสวรรค์ไว้ในคำนำตอนต้นไปแล้ว
“ไว้ในพระหัตถ์ขวา” แสดงถึง การกำไว้แน่นคริสตจักรไม่มีทางถูกฉกฉวยไปจากพระองค์ได้ เพราะการทรงครอบครองสูงสุดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์นั่นเอง
ความหมายในตอนน้ีน่าจะหมายถึง พระเยซูคริสต์ทรงใช้สิทธิอํานาจของ พระองค์ผ่านทางผู้รับใช้ของพระองค์ในคริสตจักร (แสดงว่าผู้รับใช้ต้องใช้สิทธิอำนาจของพระเยซูคริสต์ตามพระทัย ไม่ใช่ตามความพึงพอใจของตน)
“คันประทีปทองคำทั้งเจ็ด” ให้ความหมายถึง พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคริสตจักรทั้งเจ็ด(หรือคริสตจักรต่างๆ) พระองค์ทรงทราบความเป็นไปทุกอย่าง ผลที่เกิดจากการกล่าวแสดงตัวของพระองค์ คือ การให้เห็นว่าพระคริสต์ทรงปรากฎอยู่ที่นั่นท่ามกลางคริสตจักร ทรงเป็นผู้ห่วงไยใกล้ชิด และคอยเอาใจใส่คริสตจักรของพระองค์
ก่อนหน้านั้นพระคัมภีร์ได้อธิบายเองว่าดาวทั้งเจ็ดดวงและคันประทีปคืออะไร
วว1:20 ส่วนความล้ำลึกของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าเห็นในมือขวาของเรา และของคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด
การนำไปประยุกต์ใช้ เราควรตระหนักถึงความห่วงไยของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อผู้เชื่อ และคริสตจักร พระองค์ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาภายในคริสตจักรไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตกจากความรักดั้งเดิม หรือการสอนผิดไปจากความเชื่อ หรือมีปัญหาการปกครองในคริสตจักร ทำให้ผู้เชื่อไม่รับพระพร และข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ พระมหาบัญชาไม่ถูกประกาศออกไป
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญของพระเยซูคริสต์ในการดูแลคริสตจักร ในการปกครองคริสตจักร เพื่อให้คริสตจักรดำเนินตามพระทัยพระเจ้าการใช้สิทธิอำนาจปกครองคริสตจักร การอภิบาลสมาชิกต้องใช้ด้วยความถูกต้องตามพระวจนะ การสอนพระคัมภีร์ต้องถูกต้องตามพระวจนะ
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ความรักที่มีต่อพระเจ้า และความรักที่มีต่อผู้อื่น
2.คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8)
วว2:8“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า ‘พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย” ให้ความหมายถึง ในพระคัมภีร์เดิมหมายถึง พระนามของพระเจ้า
อสย44:6พระยาห์เวห์ พระมหากษัตริย์ของอิสราเอลและพระผู้ไถ่ของเขา พระยาห์เวห์จอมทัพ ตรัสดังนี้ว่า“เราเป็นเบื้องต้นและเราเป็นเบื้องปลายนอกจากเราแล้วไม่มีพระเจ้า
พระนามของพระเยซูคริสต์มีฐานะเท่าเทียมกับพระเจ้า
ฮบ13:8 พระเยซูคริสต์ทรงเหมือนเดิมทั้งวานนี้ และวันนี้ และตลอดไปเป็นนิตย์
“ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก” ให้ความหมายถึง พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์นั่นเอง
วว1:5,8,17และจากพระเยซูคริสต์พยานผู้ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นจากตาย และเป็นผู้ทรงครอบครองเหนือบรรดากษัตริย์ในโลกพระองค์ทรงรักเรา ทรงปลดปล่อยเราจากบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ 8พระเจ้าผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ที่จะเสด็จมา และผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ตรัสว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา17เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนอย่างคนตาย และพระองค์วางพระหัตถ์ขวาบนตัวข้าพเจ้า แล้วตรัสว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย
วว21:6 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ใครที่กระหาย เราจะให้เขาดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
วว22:13 เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นปฐมและอวสาน”
การนำไปประยุกต์ใช้ ส่ิงที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็น สิ่งนั้นจะมีความสัมพันธ์ต่อผู้เชื่อและคริสตจักร โดยเฉพาะเมื่อเผชิญเรื่องการทนทุกข์จนถึงความตาย พระเยซูคริสต์ทรงหนุนใจเราเพราะพระองค์ทรงผ่านประสบการณ์นั้นมาแล้ว พระองค์ทรงสิ้น พระชนม์บนไม้กางเขนไถ่บาปเรา และพระองค์เป็นขึ้นจากความตายแล้ว มีชัยชนะเหนือความตาย
ผู้เชื่อก็จะผ่านความทุกข์ยากลำบากไปได้ โดยมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นพระเจ้าทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ความตายพ่ายแพ้ต่อพระองค์ ผู้เชื่อจะมีชัยชนะร่วมกันกับพระองค์ในที่สุด ได้รับชีวิตนิรันดร์
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญกับพระเยซูคริสต์ พึ่งพาพระองค์ เชื่อวางใจในพระองค์ และดำเนินชีวิตผ่านความยากลำบากทุกข์ยาก โดยพึ่งพาพระเยซูคริสต์ รักษาความเชื่อจนวันสุดท้าย ไม่ปฎิเสธความเชื่อ ไม่ประนีประนอมต่อความบาป ไม่ตั้งใจทำบาปผิดต่อพระเจ้า หรือดำเนินชีวิตผิดไปจากที่พระเจ้าทรงเรียกให้เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว
คนเราจะไม่ยอมตายเพื่อคนรู้จัก แต่อาจจะยอมตายเพื่อคนที่ตนเองรักก็เป็นไปได้ คนที่ตายเพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์ก็รักพระองค์เช่นเดียวกัน
3.คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:12)
วว2:12 ยอห์นถูกบัญชาให้เขียนว่า “พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมที่คมกริบ ตรัสดังนี้ว่า” ข้อ 16 จะต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“ดาบ” ให้ความหมายถึง สิทธิอำนาจในการพิพากษาของพระคริสต์ “ดาบสองคม” ให้ความหมายถึง การวินิจฉัยที่เฉียบคมในการแยกแยะสิ่งที่ถูกและผิด
พระเยซูจึงให้คําบรรยายอันไพเราะและเป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับพระองค์เองอีกครั้งสำหรับผู้เชื่อที่เมืองเปอร์กามัม โดยพระวจนะของพระเจ้าถูกเปรียบว่าเป็นเหมือนกับดาบสองคม
ฮีบรู 4:12 เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
ยอห์นก็บรรยายถึงพระองค์แบบนี้ใน ว่าทรงมีพระแสงสองคมออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
วิวรณ์ 1:16 พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวง และมีดาบสองคมที่คมกริบออกมาจากพระโอษฐ์
แม้เมืองเปอร์กามัมจะเป็นเมืองที่อาศัยของผู้ปกครองหรือสมุเทศาภิบาลของโรมที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายได้ แต่ข้อความที่เปิดเผยจากยอห์นนั้นเล็งให้เห็นถึงอำนาจอธิปไตยสูงสุดของพระคริสต์ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาที่ทรงอำนาจยิ่งใหญ่กว่าผู้ปกครองคนใดทั้งสิ้น
รม.13:3-4 เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นไม่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่ประพฤติดี แต่ว่าเป็นที่น่ากลัวสำหรับคนที่ประพฤติชั่ว ท่านไม่อยากจะกลัวผู้มีอำนาจหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็จงทำแต่ความดี แล้วท่านก็จะได้เป็นที่พอใจของผู้มีอำนาจนั้น 4เพราะว่าผู้ครอบครองนั้น เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเพื่อให้ประโยชน์แก่ท่าน แต่ถ้าท่านทำความชั่วก็จงกลัวเถิด เพราะว่าผู้ครอบครองไม่ได้ถือดาบไว้เฉยๆ แต่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และจะเป็นผู้ลงโทษแทนพระเจ้าแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว
วว2:16 จะต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา น่าจะหมายถึง พระเจ้าจะใช้พระวจนะในการจัดการพวกสอนผิด ด้วยสิทธิอำนาจของพระองค์
การนำไปประยุกต์ใช้ พระเยซูคริสต์มีสิทธิอำนาจเหนือคริสตจักร พระองค์พิพากษาคริสตจักรได้ พระองค์ใช้พระวจนะของพระองค์ในการพิพากษา
ดังนั้นผู้เชื่ออย่ากลัวผู้ที่มีสิทธิอำนาจ ที่ใช้สิทธิอำนาจผิดๆต่อคริสตจักร
ไม่ว่าผู้มีอำนาจนั้นจะเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง หรือเป็นผู้นำในคริสตจักร หรือเป็นพวกสอนผิด แต่ให้รู้จักความจริงของพระเจ้าผ่านพระวจนะของ พระเจ้าที่เป็นสิทธิอำนาจของพระเจ้า แล้วยึดมั่นใจพระเจ้า ไม่ปฎิเสธความเชื่อในพระเยซูคริสต์
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญของคำสอนของพระเจ้า อย่าเบื่อหน่ายในการศึกษาพระวจนะ หรือเฝ้าเดี่ยว หรืออ่านพระคัมภีร์ เราจะไม่สามารถแยกแยะคำสอนเท็จได้หากเราไม่รู้ความจริงของพระวจนะ
ให้ระมัดระวังคำสอนเท็จ คำสอนผิด ด้วยการศึกษาพระคัมภีร์ ด้วยการตรวจสอบความถูกต้องของคำสอนด้วยพระวจนะ หรือด้วยการสอบถามจากผู้ที่ศึกษาพระคัมภีร์ สอนถูกต้องและดำเนินชีวิตตามพระวจนะที่พวกเขาสั่งสอน
4.คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:18,23)
18“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองธิยาทิราว่า ‘พระองค์ผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงมีพระเนตรเหมือนอย่างเปลวไฟ และทรงมีพระบาทเหมือนทองสัมฤทธิ์ ได้ตรัสดังนี้ว่า
23เราจะประหารลูกๆ ของนางให้ตาย แล้วคริสตจักรทั้งหมดจะได้รู้ว่าเราเป็นผู้ตรวจสอบความคิดและจิตใจ และเราจะให้กับเจ้าทั้งหลายแต่ละคนตามความประพฤติของพวกเจ้า
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“พระองค์ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แสดงว่าพระองค์มีพระลักษณะแบบเดียวกับพระเจ้าเป็นการเน้นอย่างชัดเจนในคริสตจักรธิยาทิรา จากที่เคยกล่าวมาแล้วว่า “บุตรมนุษย์” ในวว1:13-15
“ผู้ทรงมีพระเนตรเหมือนอย่างเปลวไฟ” แสดงถึงความสัพพัญญูของพระคริสต์ ทรงมีพระเนตรที่มองทะลุปุโปร่งเห็นชัดเจนถึงความจอมปลอมของผู้เผยวจนะหญิง ส่วนไฟ เล็งถึง การชำระให้บริสุทธิ์
“พระบาทเหมือนทองสัมฤทธิ์” เป็นการบ่งชี้ว่าพระองค์ทรงพลังอำนาจและทรงฉับไวอย่างยิ่ง ตามล่าทุกสิ่งที่ชั่วร้าย เหยียบมันไว้อยู่ใต้ฝ่าเท้า
“ผู้ทรงมีพระเนตรเหมือนอย่างเปลวไฟ” และ“พระบาทเหมือนทองสัมฤทธิ์” ทั้งสองอย่างแสดงถึง พระพิโรธและการพิพากษาอันชอบธรรมของพระคริสต์ โดยมีข้อ23 เป็นบริบทสนับสนุน“เราเป็นผู้ตรวจสอบความคิด และจิตใจ”“เราจะให้เจ้าทั้งหลายแต่ละคนตามความประพฤติของเจ้า”
พระเจ้ารู้ความคิดและจิตใจภายใน นี่คือการเห็นเข้าไปถึงท่าทีข้างใน (พระเนตร) พระองค์พิพากษาและตอบแทนคนเหล่านั้นตามแรงจูงใจของเขา ทั้งเรื่องความรอดและบำเหน็จ ก็มาจากแรงจูงใจที่รัก และเชื่อพระเจ้า จากข้อ19 เรารู้จักความประพฤติของเจ้า รู้เรื่องความรัก ความเชื่อ การปรนนิบัติ และความทรหดอดทนของเจ้า และรู้ว่าความประพฤติในตอนปลายนั้นดีกว่าตอนต้น
ดังนั้นการประพฤติภายนอกหลอกพระเจ้าไม่ได้ มีพระคัมภีร์สนับสนุนเรื่องนี้
2คร11:15 เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ผู้ปรนนิบัติของซาตาน จะปลอมตัวเป็นผู้ปรนนิบัติของความชอบธรรม บั้นปลายของพวกเขาจะเป็นไปตามการ กระทำของเขา
วว20:12 ข้าพเจ้ายังเห็นบรรดาคนตาย ทั้งคนใหญ่โตและคนเล็กน้อยยืนอยู่หน้าพระที่นั่งนั้น แล้วหนังสือต่างๆ ก็ถูกเปิดออก และหนังสืออีกเล่มหนึ่งก็ถูกเปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต คนตายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของเขาทั้งหลายที่เขียนไว้ในหนังสือเหล่านั้น
การนำไปประยุกต์ใช้ รักษาแรงจูงใจที่รักและเชื่อพระเจ้า แสดงออกเป็นการดำเนินชีวิต เป็นพฤติกรรม เป็นการรับใช้ อย่าแสดงออกภายนอกโดยท่าทีภายในไม่ถูกต้อง เราหลอกพระเจ้าไม่ได้ เพราะจะมีการพิพากษา
5.คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1)
วว3:1“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสว่า ‘พระองค์ผู้ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า และทรงมีดาวเจ็ดดวงนั้น
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“พระวิญญาณทั้งเจ็ด” ให้ความหมายถึง พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่ตรัสกับคริสตจักรทั้งเจ็ด ซึ่งจะลงท้ายในจดหมายฝากไปยังคริสตจักรทั้งเจ็ดเสมอ วว2:7,11,17,29; 3:6,13,22 “ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณได้ตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย”
วว1:4 ยอห์น ขอเรียนคริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชียขอให้ท่านทั้งหลายได้รับพระคุณและสันติสุขจากพระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมาและจากพระวิญญาณทั้งเจ็ดที่เฝ้าอยู่หน้าพระที่นั่งของพระองค์
วว5:6 และระหว่างพระที่นั่งกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น และท่ามกลางพวกผู้อาวุโส ข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกทรงยืนอยู่ เหมือนดังถูกปลงพระชนม์แล้ว พระองค์ทรงมีเขาเจ็ดเขาและมีดวงตาเจ็ดดวง ซึ่งเป็นพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า ที่พระเจ้าทรงส่งออกไปทั่วแผ่นดินโลกแล้ว
“มีดาวเจ็ดดวง” ให้ความหมายถึงผู้นำหลัก ศิษยาภิบาล ของทั้งเจ็ดคริสตจักร ก็อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ หรือฑูตสวรรค์ที่พระเยซูคริสต์ใช้สื่อสารดูและคริสตจักรของพระองค์
วว1:16,20 พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวง และมีดาบสองคมที่คมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ และพระพักตร์ของพระองค์เหมือนอย่างดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแรงกล้า 20ส่วนความล้ำลึกของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าเห็นในมือขวาของเรา และของคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด
(การสำแดงเรื่องดาวเจ็ดดวง เหมือนกันกับการสำแดงกับคริสตจักรเมืองเอเฟซัส) วว2:1จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า
การนำไปประยุกต์ใช้ ส่ิงที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็น สิ่งนั้นจะมีความสัมพันธ์ต่อผู้เชื่อและคริสตจักร พระองค์ทรงสื่อสารคริสตจักรให้กลับมามีชีวิตฝ่ายวิญญาณกับพระองค์ พระองค์ยังทรงปกครอง ทรงดูแลคริสตจักรของพระองค์ผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงประทานให้กับผู้เชื่อ และดูแลคริสตจักรของพระองค์ ผ่านผู้นำหลัก ศิษยาภิบาล ผู้ปกครองของคริสตจักรอีกด้วย
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญกับเรื่องชีวิตฝ่ายวิญญาณ ในการสร้างชีวิตส่วนตัวกับพระเจ้า ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่แผนงานที่ประชุมโดยกรรมการบริหารคริสตจักรแต่เพียงอย่างเดียว ให้ความสำคัญกับการรู้จักพระเยซูคริสต์มากขึ้น ไม่ใช่กับกิจกรรมหรือโปรแกรมของคริสตจักรที่จัดขึ้นโดยปราศจากความคาดหวังในการเกิดผลฝ่ายวิญญาณ
6.คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:7)
วว3:7“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟียว่าพระองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงสัตย์จริง ผู้ทรงมีลูกกุญแจของดาวิด ผู้ทรงเปิดแล้วจะไม่มีใครปิดได้ ผู้ทรงปิดแล้วจะไม่มีใครเปิดได้นั้น’ ตรัสดังนี้ว่า
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
ข้อความที่ไปถึงคริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟียเปิดเผยพระคริสต์ว่า
“พระองค์ ผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงสัตย์จริง” คำนี้เล็งถึง พระนามของพระเยซูคริสต์ในฐานะเป็นลูกแกะบริสุทธิ์เพื่อมอบถวายแด่พระเจ้า ในการชำระความผิดบาปของคนบาป ทำให้คนบาปได้รับการชำระชีวิตให้บริสุทธิ์ เพราะพระเยซูคริสต์ คือองค์บริสุทธิ์ คำนี้พบในวิวรณ์ตอนอื่น หมายถึง ลูกแกะของพระเจ้า
วว6:10,1 เขาทั้งหลายร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และแก้แค้นต่อคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งหลั่งเลือดของเรา” 1และข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงหนึ่งในเจ็ดดวงนั้น และข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งในสี่ตนนั้นร้องเสียงดังเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องว่า “มาเถอะ”
ยอห์นเห็นฑูตสวรรค์ออกนามพระเจ้า บริสุทธิ์ๆๆ ตอนนมัสการในสวรรค์
วว4:8 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น แต่ละตนมีปีกหกปีก และมีตาอยู่รอบๆ และข้างในเต็มไปหมด และพวกเขาร้องตลอดวันตลอดคืนไม่ได้หยุดเลยว่า
“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ทรงเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา”
เหมือนอิสยาห์เห็นเสราฟิม ร้องออกนามพระเจ้า บริสุทธิ์ๆๆ เช่นกัน
อสย6:3ต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระยาห์เวห์จอมทัพแผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์”
นอกจากองค์บริสุทธิ์ที่เล็งถึงพระเมษโปดกแล้ว คำว่า “สัตย์จริง” ยังเล็งถึงพระเมสิยาห์ ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ได้รับการเจิม
วว19:11,16 แล้วข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออก และ นี่แน่ะ มีม้าสีขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า “ซื่อสัตย์และสัตย์จริง” พระองค์ทรงพิพากษาและทรงต่อสู้ด้วยความชอบธรรม16พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า “กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย”
“ทรงมีลูกกุญแจของดาวิด” ให้ความหมายถึง สิทธิอำนาจแห่งการให้ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์เข้าแผ่นดินของพระเจ้า หรือเข้าในอาณาจักรของพระเมสิยาห์ ในฐานะผู้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรสวรรค์นั้น
คำนี้ใช้ในวิวรณ์หลายตอน ให้ความหมาย มีอำนาจในการเปิดประตู ให้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า เพราะถ้าใช้กุญแจไข ก็เป็นการเปิดประตูทางเข้าอาณาจักรของพระเจ้า ออกให้กับวิญญาณเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า ถ้าไม่ไขกุญแจก็เข้าอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้นั่นเอง
วว1:18 เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ เราได้ตายแล้ว แต่นี่แน่ะ เรายังดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และเราถือลูกกุญแจทั้งหลายแห่งความตายและแห่งแดนคนตาย
วว9:1เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเป่าแตรขึ้น ข้าพเจ้าเห็นดาวดวงหนึ่งที่ได้ตกจากฟ้าลงมาที่แผ่นดินโลกแล้ว พระเจ้าประทานลูกกุญแจสำหรับช่องของบาดาลลึกให้แก่ดาวดวงนั้น
วว20:1แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของบาดาลลึก และถือโซ่เส้นใหญ่ในมือของท่าน
พระเยซูคริสต์ใช้ในความหมาย ให้สิทธิอำนาจของพระคริสต์ (พระเมสิยาห์) กับพวกสาวก หลังแห่งความตายมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้
มธ16:19เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์”
และคำว่า กุญแจของดาวิด เคยใช้ในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าให้อิสยาห์เผยวจนะว่าจะตั้งเอลียาคิมคนใหม่ ดูแลแทนเชบนา ผู้ดูแลราชสำนักของดาวิด
อสย22:21-22 เราจะเอาเสื้อยศของเจ้ามาสวมให้เขา และจะเอาสายคาดเอวของเจ้าคาดเขาไว้ แล้วจะมอบอำนาจของเจ้าไว้ในมือของเขา เขาจะเป็นเหมือนบิดาของชาวกรุงเยรูซาเล็ม และของเชื้อวงศ์ยูดาห์22 และเราจะวางลูกกุญแจแห่งวังของดาวิดไว้บนบ่าของเขา เมื่อเขาเปิดแล้วก็จะไม่มีใครปิดได้ และเมื่อเขาปิดแล้วก็จะไม่มีใครเปิดได้
สรุปความหมาย พระองค์เป็นใครและมีสิทธิอำนาจอะไร(เกี่ยวข้องกับคริสตจักรอย่างไรนั่นเอง)
“พระองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงสัตย์จริง ผู้ทรงมีลูกกุญแจของดาวิด” คือ พระนามของพระเยซูคริสต์ในฐานะเป็นลูกแกะ(พระเมษโปดก) บริสุทธิ์เพื่อมอบถวายแด่พระเจ้า ในการชำระความผิดบาปของคนบาป ทำให้คนบาปได้รับการชำระชีวิตให้บริสุทธิ์ และพระเมสิยาห์ ในฐานะทรงเป็นกษัตริย์ผู้ได้รับการเจิม แห่งอาณาจักรของพระเจ้า ผู้ทรงมีสิทธิอำนาจในการอนุญาตให้วิญญาณของผู้ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วเข้าในแผ่นดินของพระองค์
การนำไปประยุกต์ใช้ เรื่องการเปิดเผยของพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์เป็นใครสำหรับคริสตจักร จะมีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ หรือสัมพันธ์กับคริสตจักรในช่วงเวลาขณะนั้น
จากพระธรรมตอนนี้เรารู้ว่า พระเยซูคริสต์เป็นผู้ตายไถ่บาป(ตามที่พระเจ้ากำหนด ตามวิธีการที่พระเจ้ากำหนด ไม่ใช่มนุษย์เราคิดพิธีกรรมนี้ขึ้นเอง) และพระเยซูคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งแผ่นดินสวรรค์
เราทั้งหลายต้องรับความจริงที่ยอห์นบันทึกไว้ด้วยความเชื่อ และดำเนินชีวิตบริสุทธิ์เหมือนพระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์ ดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นพลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า เพราะพระเยซูคริสต์เป็นผู้เดียวที่เปิดประตูแห่งแผ่นดินสวรรค์นั้นได้
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญกับราชกิจของพระเยซูคริสต์ ในเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐ เรื่องการไถ่บาปของพระเยซูคริสต์ ประกาศความจริงนี้ออกไป โดยการดำเนินชีวิตบริสุทธิ์ รักษาความเชื่อในพระเยซูคริสต์
7.คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว3:14)
วว3:14“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซียว่า ‘พระองค์ผู้เป็นพระอาเมน ทรงเป็นพยานที่ซื่อสัตย์(4103)และสัตย์จริง(228) และทรงเป็นต้นกำเนิดของสิ่งสารพัดที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น ตรัสดังนี้ว่า
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“พระอาเมน ทรงเป็นพยานที่ซื่อสัตย์(4103vpistos) ” ให้ความหมายถึง พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพยานด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ซึ่งไว้วางใจได้ เชื่อถือได้ ในส่ิงที่พระองค์ ทรงกระทำ สิ่งที่พระองค์สอนสั่งบัญชา ส่ิงที่เป็นราชกิจของพระองค์ ทรงมีความน่าเชื่อถือ มีน้ำหนัก เป็นพยานเรื่องจริงไม่ใช่การเป็นพยานเท็จ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของพวกเขา(ผู้เชื่อ) เน้นย้ำความเป็นพระเจ้าที่สมบูรณ์ ความสัตย์ซื่อของพระองค์
“สัตย์จริง หรือ ความจริง” เป็นสิ่งที่บำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณจนถึงชีวิตนิรันดร์ เน้นย้ำความจริง ตอนนี้ ด้วยคำว่า อาเมน กับ สัตย์จริง (GK228. aléthinos (adj)อ่านว่า(al-ay-thee-nos’) แปลว่า ความจริง, จริงแท้)
ตอนนี้เป็นการย้ำ คำว่า “ซื่อสัตย์” ซึ่งได้เคยกล่าวไว้ตอนต้นของวิวรณ์
วว1:5 และจากพระเยซูคริสต์พยานผู้ซื่อสัตย์(4103 pistos) ซึ่งเป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นจากตาย และเป็นผู้ทรงครอบครองเหนือบรรดากษัตริย์ในโลกพระองค์ทรงรักเรา ทรงปลดปล่อยเราจากบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์
และในตอนท้ายของวิวรณ์ใช้คำว่า ซื่อสัตย์และสัตย์จริง เหมือนวว3:14 ยืนยันว่าพระเยซูคริสต์ จะเสด็จกลับมาพิพากษา
วว19:11แล้วข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออก และ นี่แน่ะ มีม้าสีขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า “ซื่อสัตย์(4103)และสัตย์จริง(228)” พระองค์ทรงพิพากษาและทรงต่อสู้ด้วยความชอบธรรม
“เป็นต้นกำเนิด” ให้ความหมายถึง ทุกส่ิงถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์ ไม่ใช่พระเยซูคริสต์ถูกสร้างขึ้นเป็นสิ่งแรกแล้วส่ิงอื่นๆจึงถูกสร้างตามมา พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่โดยพระองค์เอง ไม่ได้ถูกสร้าง
คส1:15-16 พระคริสต์ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้าผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง 16เพราะว่าโดยพระองค์ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์แห่งพวกภูตผี หรือพวกภูตผีที่ปกครอง หรือพวกภูตผีที่ครอบครอง หรือพวกภูตผีที่มีอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์
พูดกับคริสตจักรเมืองสเมอร์นา พระองค์ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย
วว2:8“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า ‘พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก ตรัสดังนี้ว่า
2คร1:20เพราะว่าพระสัญญาต่างๆ ของพระเจ้าล้วนแต่เป็นจริงโดยพระเยซู เพราะเหตุนี้เราจึงพูดว่าอาเมนโดยพระองค์ ซึ่งเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
การนำไปประยุกต์ใช้ ส่ิงที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็น สิ่งนั้นจะมีความสัมพันธ์ต่อผู้เชื่อและคริสตจักร เรื่องราวของพระเจ้าเป็นความจริง พระองค์มาเป็นพยานความจริงด้วยตนเอง อย่ากลัวที่จะถูกตำหนิ ถูกตักเตือนให้กลับใจใหม่ ดีกว่าโดนพระเจ้าจะทรงพิพากษาในวันสุดท้าย
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญกับการดำเนินชีวิตตามความจริงของพระวจนะพระเจ้า ให้ความสำคัญกับการรู้จักพระเยซูคริสต์มากขึ้น แสวงหาพระเจ้ามากขึ้น สร้างความสนิทสนมกับพระองค์มากขึ้น
กล่าวโดยสรุป
1.คริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส (วว2:1)
ถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวา – ใช้สิทธิอำนาจผ่านผู้นำคริสตจักร
ทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ด – รู้ความเป็นไปทุกอย่าง
2.คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8)
พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย – พระนามของพระเจ้านิรันดร์
สิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก – พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์
3.คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:12)
พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมที่คมกริบ – การพิพากษาเฉียบคมด้วยพระวจนะ
4.คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:18)
ผู้ทรงมีพระเนตรเหมือนอย่างเปลวไฟ – ความสัพพัญญูของพระเจ้า
พระบาทเหมือนทองสัมฤทธิ์ – ทรงฤทธิ์อำนาจทุกสิ่งอยู่ภายใต้พระองค์
5.คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1)
พระองค์ผู้ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า – พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัส
ทรงมีดาวเจ็ดดวง – ใช้สิทธิอำนาจดูแลคริสตจักรผ่านผู้นำ
6.คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:7)
พระองค์ผู้บริสุทธิ์ – ลูกแกะมอบถวายไถ่บาปของพระเจ้า
ผู้ทรงสัตย์จริง – พระเมสิยาห์ ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ได้รับการเจิม
ลูกกุญแจของดาวิด – สิทธิอำนาจของพระเยซูให้ผู้เชื่อเข้าแผ่นดินสวรรค์
7.คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว3:14)
พระองค์ผู้เป็นพระอาเมน – เป็นพระเจ้าจริง
ทรงเป็นพยานที่ซื่อสัตย์และสัตย์จริง – เชื่อถือได้ เป็นจริง
และทรงเป็นต้นกำเนิดของสิ่งสารพัด – รวมทั้งชีวิตของเราทุกคน
ขอพระเจ้าอวยพรท่าน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com