กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์

เทศนา คริสตจักรชีวิตรุ่งเรือง(GLC:H.I.M.) อาทิตย์ที่  7 ม.ค. 2024 และ 11 ก.พ. 2024

ฉธบ11:1-32  รักหรือลืม (พระเจ้า) ฉธบ8:1-20

1. รักพระเจ้าได้รับการอวยพร (ฉธบ11:1,8,26-28)

2. ลืมพระเจ้าพบความพินาศ (ฉธบ8:11,14,19)

ฉธบ11:1,8,26-28 1“ฉะนั้นท่านจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงรักษาพระดำรัสสั่ง กฎเกณฑ์ กฎหมาย และพระบัญญัติของพระองค์อยู่เสมอ 8“ดังนั้นท่านทั้งหลายจงรักษาพระบัญญัติทั้งสิ้นซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้ เพื่อท่านทั้งหลายจะเข้มแข็ง และเข้ายึดครองแผ่นดินซึ่งพวกท่านกำลังจะข้ามไปยึดครองนั้น 26“ดูสิ วันนี้ข้าพเจ้าได้นำคำอวยพรและคำสาปแช่งมาไว้ตรงหน้าท่านทั้งหลาย 27เป็นคำอวยพร ถ้าพวกท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ 28เป็นคำสาปแช่ง ถ้าท่านไม่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แต่หันเหไปจากทางซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้ ไปติดตามพระอื่นซึ่งท่านไม่รู้จัก 

ฉธบ8:11,14,19   11“ท่านจงระวังตัว เกรงว่าจะลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน โดยไม่รักษาพระบัญญัติกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้14แล้วใจของท่านจะผยองขึ้น และลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือออกจากแดนทาส19 ถ้าท่านลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัตินมัสการพระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศแน่นอน

ตัวอย่าง ตำนานรักดั่งเอี้ยก้วย สกัดหิน 6,000 ก้อน พาคนรักขึ้นภูดอย

เซาท์ไชน่ามอร์นิง โพสต์ รายงาน (12 พ.ย.2555) พิธีศพของนาง สีว์ เฉาชิง หญิงชราอายุ 87 ปี ซึ่งทางการท้องถิ่นฉงชิง ได้จัดขึ้นที่บริเวณที่เรียกว่า “บันไดรักของหลิว กับสีว์” ในหมู่บ้านฉังเล่อ เทศบาลนครฉงชิ่ง โดยมีครอบครัว มิตรสหาย สื่อมวลชน และผู้ชื่นชม ต่างมาร่วมพิธีเพื่อไว้อาลัยแด่เธอ

รายงานข่าวได้เผย เรื่องราวความรักของคุณยายสีว์ กับบันไดหิน 6,000 ขั้น ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อน (ราวปีพ.ศ. 2505) ขณะนางมีอายุ 30 ปี เป็นแม่หม้าย และได้ตกหลุมรักกับ “หลิว กั๋วเจียง” ชายหนุ่มที่อายุอ่อนกว่าเธอถึง 10 ปี ซึ่งแน่นอนว่าในสมัยนั้น มันเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยสถานะ และวัยที่ต่างกัน เพราะกฎเกณฑ์สังคมไม่ยอมรับหญิงหม้ายสมรสซ้ำสอง อันจะนำอัปมงคลสู่ครอบครัวสามี เช่นเดียวกับที่คนในหมู่บ้านฯ ก็ไม่ยอมรับที่คนหนุ่มจะอยู่กินกับสตรีที่อาวุโสกว่า 

การถูกต่อต้านครหาจากสังคมรอบข้าง ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเร้นหนีจากหมู่บ้าน ขึ้นไปอยู่ในกระท่อมบนภูเขา และใช้ชีวิตคู่อยู่บนนั้นตราบชั่วชีวิต

ความทุรกันดารและอันตรายของสภาพภูเขา ทำให้น้อยครั้งที่ ซู จะออกจากบ้านบนภูเขาลงมาที่ราบเพื่อเยี่ยมครอบครัว ดังนั้น เพื่อให้สีว์ ไม่ลำบาก หลิว ซึ่งในเวลานั้นอายุเพียง 20 ต้นๆ ได้เริ่มสกัดก้อนหินทำเป็นบันได 6,000 ขั้น ให้ภรรยาของตนใช้ไต่ลงและกลับขึ้นมาอย่างปลอดภัย โดยเรื่องราวของบันไดหินนี้ เพิ่งจะถูกเปิดเผยเมื่อราวปี พ.ศ. 2544 หลังจากที่สื่อจีน และนักท่องเที่ยวได้พบเห็นและบอกเล่ากัน จนกลายเป็นนิยามแห่งความรักและการอุทิศของคู่ชีวิต นอกจากนั้น ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพลงฮิต “Love Stairs” ของวงบอยแบนด์ C AllStar (พ.ศ. 2553) และภาพยนตร์เรื่อง Noble Love (2554)

เมื่อปี พ.ศ. 2550 “หลิว” เสียชีวิตในวัย 72 ปี และนางสีว์ ต้องลงจากภูเขาเพื่อมาอยู่กับบุตรชายและหลานๆ ของเธอ จนที่สุดเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา นางสีว์ ก็ได้เสียชีวิตตามไปในวัย 87 ปี โดยฉงชิ่ง อีฟนิง นิวส์ ได้รายงานว่าพิธีศพของเธอได้รับการจัดขึ้นอย่างพิเศษ และมีวัยรุ่นนิรนามคนหนึ่ง จัดดอกกุหลาบขาว 10,000 ดอกเพื่อตกแต่งตลอดบันไดทั้ง 6,000 ขั้นนั้น

(ที่มาของบทความ https://mgronline.com/china/detail/9550000137886)

ความรักของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอลอยู่บื้องหลังพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัตินี้โมเสสได้ย้ำเตือนคนอิสราเอลรุ่นสองที่ไม่ได้เกิดในอียิปต์แต่เกิดระหว่างการอพยพออกจากอียิปต์คนรุ่นแรกที่สำมะโนประชากรจาก 6 แสนคนนั้นเหลือเพียง 3 คนในตอนนี้คือโมเสสโยชูวาและคาเลบเท่านั้นหลังจากผ่านไป 40 ปีที่ออกจากอียิปต์บทเรียนนี้โมเสสสอนพวกเขาโดยเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนที่ทำให้เขาเห็นแผ่นดินพันธสัญญาแต่ไม่ได้เข้าไปในดินแดนแห่งพันธสัญญา 

โมเสสย้ำให้พวกเขารู้จักพระเจ้าที่นำพวกเขาออกจากอียิปต์ได้ทบทวนธรรมบัญญัติที่ได้รับจากพระเจ้าเตือนพวกเขาให้รักและติดตามพระเจ้าให้โยชูวาเป็นผู้นำคนต่อไปจากโมเสสเพราะอิสราเอลรุ่นสองไม่ได้เห็นการอัศจรรย์ทั้งสิบประการที่พระเจ้าทำเพื่อนำพวกเขามาดินแดนแห่งพันธสัญญาซึ่งตอนนี้พวกเขาตั้งค่ายอยู่ฝั่งตรงข้ามแผ่นดินคานาอันแล้วเมื่อเข้าไปดินแดนแห่งพันธสัญญาแล้วควรดำเนินชีวิตกับพระเจ้าอย่างไร

สิ่งที่เกิดขึ้นหรือผลที่เกิดในปัจจุบันมีสาเหตุเกิดขึ้นจากอดีตและผลของปัจจุบันจะเป็นเหตุให้เกิดผลขึ้นต่อไปในอนาคต

หัวข้อคำเทศนาคือ ฉธบ11:1-32 รักหรือลืม(พระเจ้า) ฉธบ8:1-20 2 ประการ

1. รักพระเจ้าได้รับการอวยพร (ฉธบ11:1,8,26-28)

โมเสสย้ำเรื่องให้อิสราเอลรักพระเจ้าหลายครั้ง หลายตอนมากๆ ในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่พระเจ้าเรียกร้องให้อิสราเอลรักพระเจ้า โดยการตรัสย้ำผ่านโมเสสหลายครั้ง

ฉธบ11:1,13,221“ฉะนั้นท่านจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงรักษาพระดำรัสสั่ง กฎเกณฑ์ กฎหมาย และพระบัญญัติของพระองค์อยู่เสมอ 13“ถ้าท่านจะตั้งใจเชื่อฟังตามบัญญัติของข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านไว้ในวันนี้ ให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายและปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน22เพราะถ้าพวกท่านระวังที่จะทำตามพระบัญญัติทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน คือรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และติดสนิทกับพระองค์แล้ว

ฉธบ13:3 ท่านอย่าเชื่อฟังคำของผู้เผยพระวจนะหรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์คนนั้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงลองใจพวกท่านดู เพื่อจะได้ทรงทราบว่าพวกท่านรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านหรือไม่?

ฉธบ10:12“และบัดนี้ คนอิสราเอล พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านมีพระประสงค์อะไรจากท่าน? นอกจากให้ยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน

ฉธบ30:6,16,20 6แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะประทานใจเชื่อฟังแก่ท่านและแก่บุตรหลานของท่าน เพื่อท่านจะได้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน เพื่อท่านทั้งหลายจะมีชีวิตอยู่ได้16คือในการที่ข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้ ให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินในพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์และให้รักษาพระบัญญัติ กฎเกณฑ์ และกฎหมายของพระองค์ แล้วท่านจะมีชีวิตอยู่และทวีมากขึ้น และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่ท่านในแผ่นดินซึ่งท่านเข้าไปยึดครองนั้น 20เพื่อที่จะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และผูกพันกับพระองค์ ทำเช่นนั้นท่านจะได้ชีวิตและวันเวลาของท่านจะยืนนาน เพื่อท่านจะได้อยู่ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่าน คือแก่อับราฮัม แก่อิสอัค และแก่ยาโคบว่าจะประทานแก่ท่านเหล่านั้น”

ฉธบ6:5 ท่านจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลังของท่าน

พระเยซูคริสต์สอนให้รักพระเจ้า มธ22:37พระเยซูทรงตอบเขาว่า “ ‘จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน’ และด้วยสุดความคิดของท่าน 

ความจริงเราพบว่าเขาตรึงพระเยซูคริสต์เพราะคิดว่าพระองค์อ้างตัวเป็นพระเจ้าอีกองค์หนึ่งและเขาทำตามกฎบัญญัติของพระเจ้า 

ฉธบ13:1-5 ผู้เผยวจนะทำอัศจรรย์พาคนไปนมัสการพระอื่นมีโทษถึงตาย 6-11 พี่น้องมิตรสหายชักชวนไปนมัสการพระอื่นมีโทษถึงตาย

12-18 ชาวเมืองชักชวนไปนมัสการพระอื่นมีโทษถึงตาย

พระเจ้าทรงรักอิสราเอลอย่างมากแต่บางครั้งพวกเขาอาจไม่รู้หรือเข้าใจผิดพระเจ้าจึงต้องย้ำเตือนพวกเขาบ่อยๆเพราะเขาตีความผิดๆเมื่อยากลำบากในถิ่นทุรกันดารเมื่อต้องปรับตัวใช้ชีวิตใหม่ในฐานะประชากรของพระเจ้า 

ฉธบ4:37 และเพราะพระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของท่าน และทรงเลือกเชื้อสายของเขา และทรงพาท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เอง ด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ 

ฉธบ7:7,8,9,13 7ที่พระยาห์เวห์ทรงรักและทรงเลือกท่านทั้งหลายนั้น ไม่ใช่เพราะท่านทั้งหลายมีจำนวนมากกว่าชนชาติอื่น เพราะในบรรดาชนชาติทั้งหลาย ท่านมีจำนวนน้อยที่สุด 8แต่เพราะพระยาห์เวห์ทรงรักท่านทั้งหลาย และพระองค์ทรงรักษาคำปฏิญาณซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกท่าน พระยาห์เวห์จึงทรงนำท่านออกมาด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และทรงไถ่ท่านจากแดนทาส จากพระหัตถ์ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ 9ฉะนั้นจงทราบเถิดว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าซื่อสัตย์ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง ต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และรักษาบัญญัติของพระองค์ถึงพันชั่วอายุคน13พระองค์จะทรงรักท่าน ทรงอวยพรท่านและทรงทำให้ท่านทวีจำนวนขึ้น พระองค์จะทรงอวยพรผลแห่งครรภ์ของท่านและผลแห่งพื้นดินของท่าน ข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันของท่าน ทรงให้ลูกโคและลูกแพะแกะของท่านทวีขึ้นบนแผ่นดิน ซึ่งทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่านว่าจะประทานแก่ท่าน 

ฉธบ10:15,1715แต่พระยาห์เวห์ทรงผูกพันกับบรรพบุรุษของท่าน และทรงรักพวกเขา และทรงเลือกลูกหลานของเขาคือพวกท่านจากชนชาติทั้งหลาย ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 16เพราะฉะนั้นจงมีใจเชื่อฟัง อย่าหัวแข็งอีกต่อไป 17เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าของพระทั้งปวง และทรงเป็นจอมเจ้านาย ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์และน่าเกรงกลัว ทรงปราศจากอคติ และไม่ทรงรับสินบน 

ฉธบ33:3 แท้จริง พระองค์ทรงรักชนชาติทั้งหลาย วิสุทธิชนทั้งสิ้นของพระองค์ก็อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และเขาทั้งหลายกราบลงที่พระบาทของพระองค์รับพระดำรัสของพระองค์

เมื่อเรารักพระเจ้าเราได้รับการอวยพรอะไรจากพระเจ้า  เพราะอะไร 

ฉธบ11:9 (ชีวิตยืนยาวนาน ) และเพื่อพวกท่านจะมีชีวิตยืนนานในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของพวกท่านว่าจะให้แก่พวกเขา และแก่เชื้อสายของเขา เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์

ฉธบ11:14-15 (อุดมสมบูรณ์)14‘เราจะให้ฝนตกบนแผ่นดินของพวกเจ้าตามฤดูกาล คือฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู เพื่อเจ้าจะได้เก็บข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันของเจ้า 15และเราจะให้หญ้าในทุ่งสำหรับฝูงสัตว์ของเจ้า และเจ้าจะได้รับประทานจนอิ่ม’

ฉธบ8:9-10 9เป็นแผ่นดินที่ท่านจะรับประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ ท่านจะไม่ขาดอะไรเลย เป็นแผ่นดินที่ศิลาเป็นเหล็ก และท่านจะขุดทองแดงได้จากภูเขา 10ท่านจะได้รับประทานจนอิ่ม และจะสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ในเรื่องแผ่นดินดีซึ่งพระองค์ประทานแก่ท่านนั้น

ฉธบ11:25 (ไม่มีใครสามารภยืนหยัดต่อสู้ได้) จะไม่มีใครสามารถยืนหยัดต่อสู้พวกท่านได้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงทำให้พวกท่านเป็นที่เกรงขามและตกใจกลัวของแผ่นดินที่ท่านจะเหยียบย่ำไป ตามที่ทรงสัญญาไว้กับท่าน

ฉธบ26:18 และในวันนี้พระยาห์เวห์ทรงรับว่าท่านเป็นชนชาติที่เป็นของล้ำค่าของพระองค์ ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับท่าน และว่าท่านจะรักษาพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์

ฉธบ14:2 เพราะท่านเป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเป็นผู้ที่พระยาห์เวห์ได้ทรงเลือกจากประชาชาติทั้งสิ้นที่อยู่บนพื้นโลก ให้เป็นชนชาติของพระองค์ เป็นของล้ำค่าของพระองค์ 

คนอิสราเอลควรแสดงออกถึงความรักที่มีต่อพระเจ้าอย่างไรและนำมาประยุกต์ใช้เรื่องชุมชนอิสราเอลกับชุมชนของพระเยซูคริสต์คือคริสตจักร ได้อย่างไรบ้าง 

ฉธบ11:22 (รัก ดำเนิน ติดสนิท)เพราะถ้าพวกท่านระวังที่จะทำตามพระบัญญัติทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน คือรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และติดสนิทกับพระองค์แล้ว

ฉธบ11:19 (สอน) และพวกท่านจงสอนถ้อยคำเหล่านี้แก่บุตรหลานของท่าน จงพูดถึงถ้อยคำเหล่านี้เมื่อท่านอยู่ในบ้าน และเมื่อท่านเดินอยู่ตามทาง เมื่อท่านนอนลงหรือลุกขึ้น

ฉธบ11:20 (เขียน) ท่านจงเขียนคำเหล่านี้ไว้ที่เสาประตูบ้าน และที่ประตูของท่าน

ฉธบ11:22 (ระวังทำตาม) เพราะถ้าพวกท่านระวังที่จะทำตามพระบัญญัติทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน คือรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และติดสนิทกับพระองค์แล้ว 

ฉธบ11:7 (มีประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า) เพราะนัยน์ตาของท่านทั้งหลายได้เห็นพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำนั้น ตรงกันข้ามกับข้อ ฉธบ11:2 ไม่เห็น คือ ไม่มีประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า 2ท่านทั้งหลายจงตระหนักในวันนี้เถิด เพราะข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวกับลูกหลานของพวกท่าน ผู้ไม่เห็นการตีสอนของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออกของพระองค์

ให้ติดสนิทกับพระเจ้า ฉธบ13:3-4 3ท่านอย่าเชื่อฟังคำของผู้เผยพระวจนะหรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์คนนั้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงลองใจพวกท่านดู เพื่อจะได้ทรงทราบว่าพวกท่านรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านหรือไม่? 4ท่านทั้งหลายจงดำเนินตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและยำเกรงพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และท่านจงปรนนิบัติพระองค์และติดสนิทอยู่กับพระองค์

2. ลืมพระเจ้าพบความพินาศ (ฉธบ8:11,14,19)

โมเสสย้ำเรื่องให้ระวังที่จะลืมพระเจ้าในหลายตอนมากเพราะเป็นเรื่องสำคัญ

ฉธบ8:11,14,19“11ท่านจงระวังตัว เกรงว่าจะลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน โดยไม่รักษาพระบัญญัติกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้14แล้วใจของท่านจะผยองขึ้น และลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือออกจากแดนทาส19 ถ้าท่านลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัตินมัสการพระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศแน่นอน

หากเริ่มต้นลืมพระเจ้า ในที่สุดก็ลืมพันธสัญญาของพระเจ้า 

ฉธบ4:23จงระวังตัวให้ดี เกรงว่าท่านทั้งหลายจะลืมพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งทรงทำไว้กับท่าน และสร้างรูปเคารพแกะสลักเป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงห้ามไว้นั้น

พระเจ้าไม่ทรงลืมพันธสัญญาที่มีต่ออิสราเอล

พระเจ้าเรียกร้องให้อิสราเอลอย่าลืมพระเจ้า

คนอิสราเอลแสดงออกถึงการหลงลืมพระเจ้า 

ไม่รักษาพระวจนะ ฉธบ8:11“ท่านจงระวังตัว เกรงว่าจะลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน โดยไม่รักษาพระบัญญัติกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ 

จิดวิญญาณไม่ได้รับการเติมเต็มฝ่ายวิญญาณ ฉธบ8:3 พระองค์ทรงทำให้ท่านถ่อมใจ ทรงปล่อยท่านให้หิว และทรงเลี้ยงท่านด้วยมานา ซึ่งท่านเองหรือปู่ย่าตายายของท่านก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เพื่อพระองค์จะทรงทำให้ท่านเข้าใจว่า มนุษย์ไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารเพียงสิ่งเดียว แต่มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยทุกสิ่งที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์

พระเยซูคริสต์ตอบมารซาตานเมื่อถูกทดลองด้วยพระวจนะ 

มธ4:3-4 ส่วนผู้ทดลองมาหาพระองค์ทูลว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง” 4พระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า‘มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ ”

คนอิสราเอลแสดงออกถึงการหลงลืมพระเจ้า โดยหันไปปรนนิบัติพระอื่น รูปเคารพอื่น ไปรักสิ่งเหล่านั้นมากกว่ารักพระเจ้า 

ฉธบ8:19 ถ้าท่านลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัตินมัสการพระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศแน่นอน

ให้ความสำคัญกับโลกวัตถุ และความต้องการของตนเองมากกว่าพระเจ้า 

ฉธบ8:12-14,17 12เกรงว่า เมื่อท่านได้รับประทานจนอิ่ม ได้สร้างบ้านดีๆ และได้อาศัยอยู่ในนั้น 13และเมื่อฝูงโคและฝูงแพะแกะของท่านทวีจำนวนขึ้น เงินทองของท่านทวีมากขึ้น และทุกสิ่งที่ท่านมีอยู่ก็ทวีขึ้น 14แล้วใจของท่านจะผยองขึ้น และลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือออกจากแดนทาส17จงระวังให้ดีเกรงว่าท่านจะนึกในใจว่า กำลังและเรี่ยวแรงของข้านำทรัพย์มีค่านี้มาให้ข้า 

ความดีของพระเจ้า พระคุณของพระเจ้า ความรักของพระเจ้าที่มีต่อคนอิสราเอลไร้ค่า ไม่มีราคา ไม่มีคุณค่า เป็นเรื่องตลกและไร้สาระไปเลย  เมื่ออิสราเอล พวกเขาคิดว่าความสำเร็จเกิดจากความเก่งของพวกเขา

เมื่อเราหลงลืมพระเจ้าเราพบความพินาศ เพราะอะไรเราถึงพินาศ 

รับการตีสอน ให้ถ่อมใจ ฉธบ8:5,16 5ท่านจงตระหนักในใจเถิดว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงตีสอนท่าน เหมือนกับบิดาตีสอนบุตรของตนเช่นกัน 16ผู้ทรงเลี้ยงท่านด้วยมานาในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งบรรพบุรุษของท่านไม่รู้จัก เพื่อพระองค์จะทรงทำให้ท่านถ่อมใจและทรงทดสอบท่าน เพื่อทำให้เกิดประโยชน์แก่ท่านในบั้นปลาย

ฉธบ8:19-20 (รับความพินาศ)19ถ้าท่านลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัตินมัสการพระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศแน่นอน 20เช่นเดียวกับประชาชาติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงทำให้พินาศไปต่อหน้าพวกท่าน ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างนั้นแหละ เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

ฉธบ11:16-17 (พบกับความอดอยากลำบาก)16จงระวังตัวอย่าให้จิตใจของท่านทั้งหลายลุ่มหลงและหันเหไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ 17และพระยาห์เวห์จึงกริ้วพวกท่าน ทรงปิดฟ้าสวรรค์ไม่ให้ฝนตก และแผ่นดินก็ไม่งอกพืชผล และท่านทั้งหลายจะพินาศจากแผ่นดินดีซึ่งพระยาห์เวห์ประทานแก่ท่านนั้นอย่างรวดเร็ว

ฉธบ11:28 (รับคำสาปแช่ง)28 เป็นคำสาปแช่ง ถ้าท่านไม่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แต่หันเหไปจากทางซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้ ไปติดตามพระอื่นซึ่งท่านไม่รู้จัก

สำรวจชีวิตของตนเองด้วยพระวจนะเรารักพระเจ้าหรือเราลืมพระเจ้าให้เราเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้าตอบสนองความรักของพระองค์ 

สาระสำคัญของพระบัญญัติที่โมเสสเน้นย้ำในเฉลยธรรมบัญญัต

ฉธบ10:12-2212“ และบัดนี้ คนอิสราเอล พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านมีพระประสงค์อะไรจากท่าน? นอกจากให้ยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน 13และให้รักษาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์และกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้ากำลังบัญชาท่านในวันนี้ เพื่อประโยชน์ของท่าน 14ดูสิ ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงสุด และโลกกับทุกสิ่งที่อยู่ในโลกเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 15แต่พระยาห์เวห์ทรงผูกพันกับบรรพบุรุษของท่าน และทรงรักพวกเขา และทรงเลือกลูกหลานของเขาคือพวกท่านจากชนชาติทั้งหลาย ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 16เพราะฉะนั้นจงมีใจเชื่อฟัง อย่าหัวแข็งอีกต่อไป 17เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าของพระทั้งปวง และทรงเป็นจอมเจ้านาย ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์และน่าเกรงกลัว ทรงปราศจากอคติ และไม่ทรงรับสินบน 18พระองค์ประทานความยุติธรรมแก่ลูกกำพร้าและแม่ม่าย และทรงรักคนต่างด้าว จึงประทานอาหารและเครื่องนุ่งห่มแก่เขา 19เพราะฉะนั้นพวกท่านจงรักคนต่างด้าว เพราะท่านก็เคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียิปต์ 20ท่านจงยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงปรนนิบัติพระองค์และติดสนิทกับพระองค์ จงสาบานโดยพระนามของพระองค์ 21พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของท่าน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงทำการใหญ่และน่าเกรงกลัวซึ่งนัยน์ตาของท่านได้เห็นนี้ 22บรรพบุรุษของท่านลงไปอียิปต์เจ็ดสิบคน และบัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทำให้ท่านมีจำนวนมากดังดวงดาวในท้องฟ้า

กลับมาหาพระเจ้า ฉธบ4:29-30 29แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ ท่านจะพบพระองค์ 30เมื่อท่านมีความทุกข์ลำบาก และทุกสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่าน ในกาลภายหน้า ท่านจะกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ 31เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งท่านหรือทำลายท่านหรือลืมพันธสัญญา ซึ่งทรงทำไว้กับบรรพบุรุษของท่านโดยการปฏิญาณ

ตัวอย่าง  54 ปี ของชีวิตรัก กับ 2 ทศวรรษของการดูแลคู่ชีวิตอัลไซเมอร์

14 กุมภาพันธ์ 2017 (ผู้สื่อข่าวอิสระ : นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ช่างภาพ : รัมภาพร วรสีหะ)

เปิดชีวิตคู่รักยืนยง ทั้งชีวิตต้องดูแลกันไป เรื่องราวความรักกว่าครึ่งศตวรรษของ มิตร เจริญวัลย์ อดีตประธานสหภาพพนักงานรัฐวิสาหกิจ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ผู้ดูแลภรรยา พวงระย้า เจริญวัลย์ ที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์มานานเกือบ 20 ปี

ทั้งสองคนรู้จักกันมานาน 54 ปี แต่งงานกันมา 47 ปี ก่อนที่พวงระย้าจะป่วยด้วยโรคนี้ในปี 2538 แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมามิตรและลูก ๆ ช่วยกันดูคนที่พวกเขารักเป็นอย่างดี 

ทุกวัน มิตรโพสต์เรื่องราวและภาพกิจกรรมต่าง ๆ ของเขาและภรรยาทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้คนรู้จักได้ติดตามความคืบหน้าของการเอาชนะอาการป่วยของเธอ โดยมิตรบอกว่าบทเรียนสำคัญของการดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ คือต้องให้ผู้ป่วยทานอาหารเช้าให้ตรงเวลา หมั่นพาไปทำกิจกรรมข้างนอกบ้าน และเล่าเรื่องราวในอดีตตอนที่ทำให้ภรรยามีความสุข

มิตรบอกกับบีบีซีไทยว่า การดูแลภรรยามานานเกือบ 20 ปี และการครองรักกันมานานเกือบ 50 ปี ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยท้อ เพราะภรรยาคือคนที่ตนเองรัก และอยากทำให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ๆ ว่าจะต้องดูแลคนในครอบครัวให้ได้ดีที่สุด และจะรักและดูแลภรรยาตลอดไป

(ที่มา :http:www.bbc.com/thai/thailand-38970837)

พระเจ้ารักเราแม้เราจะเป็นอัลไซเมอร์หลงลืมพระเจ้าบ่อยๆแต่ขอให้เราไม่เป็นอัลไซเมอร์หลงลืมพระเจ้าตลอดไป 

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

อ้างอิง

  1. https://biblehub.com/commentaries/ellicott/deuteronomy/11.htm 
  2. https://biblehub.com/commentaries/cambridge/deuteronomy/11.htm
  3. https://biblehub.com/commentaries/pulpit/deuteronomy/11.htm
  4. https://biblehub.com/commentaries/kad/deuteronomy/11.htm
  5. https://biblehub.com/commentaries/benson/deuteronomy/11.htm
  6. https://biblehub.com/commentaries/mhc/deuteronomy/11.htm
  7. https://biblehub.com/commentaries/barnes/deuteronomy/11.htm
  8. https://biblehub.com/commentaries/jfb/deuteronomy/11.htm
  9. https://biblehub.com/commentaries/gill/deuteronomy/11.htm
  10. https://biblehub.com/commentaries/tod/deuteronomy/11.htm
  11. https://bible.alpha.org/th/classic/99/index.html

บทความก่อนหน้านี้ลก12:13-21 “มาหาพระคริสต์ด้วยท่าทีอย่างไร (ในวันคริสต์มาส)” 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่