อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์
เทศนาคริสตจักรชีวิตรุ่งเรืองGLC (องค์การHIM)
อาทิตย์ที่ 19 ม.ค. 2020
อารักขา ตอนที่ 2
มธ6:24 ความจริงเรื่องการเป็นผู้อารักขา(ต่อพระเจ้า)
1. ผู้อารักขามีเพียงเจ้านายเดียว
2. ผู้เชื่อทุกคนเป็นผู้อารักขาของพระเจ้า
คำนำ
24 “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้
ตัวอย่าง ตอนทำงานในฐานะผู้จัดการทั่วไป พบว่าผู้จัดการโรงงานภายใต้บังคับบัญชาได้ทำการทุจริต นำสินค้าของบริษัทไปเปิดร้านค้าขายของตนเอง อีกทั้งได้นำเงินสดของบริษัทไปหมุนใช้ส่วนตัวโดยนำเชคมาของตนเองมาค้ำแทนเงินสด เบิกเงินค่าจ้างแรงงานโดยไม่ได้ไปจ้างคนงานรายวันมาทำงานจริง ถ้าท่านเป็นผู้จัดการทั่วไปท่านจะทำอย่างไร ?
ตัวอย่างนี้สะท้อนว่า เจ้าของกิจการได้ตั้งผมเป็นผู้จัดการดูแลผลประโยชน์ของเจ้าของ ส่วนผมได้รับประโยชน์ในฐานะคนดูแล ไม่ใช่ได้รับผลตอบแทนในฐานะเป็นเจ้าของร่วม หรือเป็นหุ้นส่วนร่วม
เปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้เชื่อกับพระเจ้าเช่นกัน พระเจ้าเป็นเจ้าของและพระองค์อารักขาส่ิงที่พระองค์ทรงสร้าง รวมถึงมนุษย์ด้วย
สำหรับผู้เชื่อ หรือคริสเตียนเป็นเพียงผู้อารักขาดูแลสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง เพื่อประโยชน์ของเจ้าของ
คำว่า“อารักขา”หมายถึง ป้องกัน, คุ้มครอง, ดูแล
คำว่า“ผู้อารักขา”หมายถึง ผู้ทำหน้าที่ป้องกัน, คุ้มครอง, ผู้ดูแล
ใน มธ6:24ใช้คำว่า GK1398:douleuein (v) เพื่อจะเป็นทาสรับใช้ให้บริการ
มาจาก ลก16:2ใช้คำว่า GK3622:oikonomia (n) คนรับใช้ คนดูแลบ้าน คนบริหารจัดการงานบ้าน ให้เจ้าของ
มาจาก ลก16:2เศรษฐีจึงเรียกพ่อบ้านมา บอกกับเขาว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้านั้นเป็นอย่างไรกัน? เอาบัญชีพ่อบ้านของเจ้ามา เพราะว่าเจ้าจะเป็นพ่อบ้านต่อไปไม่ได้’
ส่วนใน ลก16:13ใช้คำว่าไม่มีข้ารับใช้คนใด มธ6:24ใช้คำว่า ไม่มีใคร
ลก16:13ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะจะเกลียดชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง หรือจะนับถือนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้.
พระคัมภีร์สองตอนนี้อาจเป็นการพูดเรื่องเดียวกันแต่พูดสองครั้งก็ได้ หรือเป็นการพูดครั้งเดียวแต่บันทึกไว้สองเล่มก็ได้ สิ่งที่แตกต่างของมัทธิวและลูกา มีความแตกต่างเพียง คำว่า ผู้จัดการเรือน กับบ่าวรับใช้ เท่านั้น ซึ่งถือว่ามีความแตกต่างกันน้อยมาก
แนวคิดพระเจ้าเป็นเจ้าของสิ่งที่ทรงสร้างทุกสิ่งรวมทั้งมนุษย์ด้วยอยู่ในพระคัมภีร์ตอนอื่น เช่น
ปฐก1:31พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก
“คำว่าอารักขา”ในพระคัมภีร์เดิมHB8104:sharmar (v) ให้ความหมายถึง การรักษา ถนอมดูแล เฝ้าดู รับการดูแล ปกป้อง ให้ปลอดภัย รับสันติสุข
สดด121:7-8พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาท่านให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้นพระองค์จะทรงอารักขาชีวิตของท่าน 8พระยาห์เวห์จะทรงอารักขาการเข้าออกของท่าน ตั้งแต่บัดนี้สืบไปเป็นนิตย์
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่อง การเป็นผู้อารักขา(ความรับผิดชอบ)ต่อพระเจ้า
หัวข้อคำเทศนาคือ “ความจริงเรื่องการเป็นผู้อารักขา(ต่อพระเจ้า)”
1. ผู้อารักขามีเพียงเจ้านายเดียว
“ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้”
“ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้”
พระเยซูเป็นพระคริสต์บอกว่า เราเป็นผู้ดูแลรักษา เราจะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของเจ้านายสองคนพร้อมกันไม่ได้ ทำประโยชน์ให้ได้แค่คนเดียว
ภาษากรีก แปลได้ว่า พระเยซูคริสต์บอกว่าไม่มีใครมีความสามารถที่จะรับใช้เจ้านายสองคนได้ เจ้านายคนหนึ่งคือ พระเจ้า เจ้านายอีกคน คือ เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย (GK3126 mamonas ภาษาเซเมติก หมายถึงคนที่วางใจในทรัพย์สิน หรือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ร่ำรวย)
24 “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่งและรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้
เราไม่สามารถรับใช้เจ้านายสองคนได้ เพราะรักเจ้านายอย่างเท่ากันไม่ได้ จะมีเจ้านายเพียงคนเดียวที่ทาสรักมากกว่า นายอีกคนไม่มีทางรักเท่ากัน
GK25 : agapao V เมื่อใช้กับคำว่ารักพระเจ้าเกี่ยวข้องกับแนวคิดรักด้วยความเคารพนับถือรักใคร่เชื่อฟังขอบคุณโดยตระหนักถึงผลดีที่ได้รับจากนาย
เราไม่สามารถเคารพสองเจ้านายอย่างเท่ากันได้
เราไม่สามารถยึดมั่นต่อเจ้านายอีกคนหนึ่งโดยไม่ต่อต้านเจ้านายอีกคนหนึ่งได้ (เหมือนการต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง)
เพราะสองเจ้านายนั้นเรียกร้องจากเราให้เลือกเพียงเจ้านายเดียวให้ท่านรักพระเจ้าองค์เดียว
มก12:29พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า “พระบัญญัติอันดับแรกคือโอ ชนอิสราเอล จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นพระเจ้าองค์เดียว 30พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่านด้วยสุดความคิดของท่านและด้วยสุดกำลังของท่าน
ข้อคิดทำไมเราจึงรับใช้เจ้านายสองคนไม่ได้
(1) เพราะเรามีความจำกัดเรื่องเวลา เราต้องใช้เวลาเพื่อรับใช้พระเจ้า หรือเพื่อรับใช้เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย
(2) เพราะเราอยู่ในที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถอยู่ในสองสถานที่ในเวลาเดียวกันได้
(3) เพราะผลประโยชน์สูงสุดในการรับใช้ของเรา เป็นประโยชน์ได้เพียงเจ้านายเดียวเท่านั้น (บางคนอาจคิดว่าสายลับได้ประโยชน์จากสองฝั่ง แต่จริงๆเขาได้รับประโยชน์สูงสุดจากเพียงฝ่ายเดียว)
เรารับใช้ใครเราก็เป็นทาสของคนนั้น เรารับใช้อะไรเราก็เป็นทาสสิ่งนั้น
รม6:16พวกท่านไม่รู้หรือว่าถ้าท่านยอมตัวรับใช้เชื่อฟังใคร ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น คือเป็นทาสของบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นทาสของการเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่ความชอบธรรม?
เอลียาห์เรียกร้องให้นมัสการพระยาเวห์เพียงองค์เดียวไม่ใช่นมัสการพระบาอัลด้วย
ผู้เชื่อรู้ความจริงเรื่องการทรงสร้างของพระเจ้า พระองค์เป็นเจ้าของ ดังนั้นเราจึงไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน เราจึงเป็นเพียงผู้อารักขาทรัพย์สินเท่านั้น
พระเจ้าสอนคนอิสราเอลให้รู้ว่า ความสุขสบายทรัพย์สินที่ได้รับมาจากพระเจ้า เพื่อเขาจะไม่คิดว่าความร่ำรวยมาจากความสามารถของตนเอง
ฉธบ8:11-14 11“ท่านจงระวังตัว เกรงว่าจะลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน โดยไม่รักษาพระบัญญัติกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ 12เกรงว่า เมื่อท่านได้รับประทานจนอิ่ม ได้สร้างบ้านดีๆ และได้อาศัยอยู่ในนั้น 13และเมื่อฝูงโคและฝูงแพะแกะของท่านทวีจำนวนขึ้น เงินทองของท่านทวีมากขึ้น และทุกสิ่งที่ท่านมีอยู่ก็ทวีขึ้น 14แล้วใจของท่านจะผยองขึ้น และลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือออกจากแดนทาส
ในความเป็นจริงผู้เชื่อดำเนินชีวิตเพื่อดูแล รักษา ปกป้อง ให้ความปลอดภัย ให้ผลประโยชน์กับพระเจ้า กับคริสตจักร กับพี่น้องมากน้อยขนาดไหน มีหลายเรื่องมากที่ต้องอารักขา เช่น ร่างกาย เวลา ความสามารถ ธรรมชาติ แต่วันนี้เน้นเรื่อง การอารักขาทรัพย์สินเงินทอง
พระเยซูคริสต์ถามว่าเหรียญนี้ของใคร ของซีซาร์ให้ซีซาร์ ลก20:25
แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” คุณจะถวายเงินให้ใคร
เศรษฐีหนุ่ม กลุ้มใจ เมื่อพระเยซูคริสต์ ให้เขาไปขายทรัพย์สินทุกสิ่งแล้วติดตามพระองค์ไป มธ19:21พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านต้องการจะเป็นคนดีพร้อม จงไปขายทรัพย์สิ่งของที่ท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนยากจน แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ และจงตามเรามา” 22เมื่อชายหนุ่มได้ยินถ้อยคำนั้นก็ออกไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สินจำนวนมาก
เศรษฐีขอให้พระเยซูคริสต์บอกให้น้องแบ่งมรดก พระองค์ยกตัวอย่างคนโง่ทำธุรกิจมีกำไรตลอด แต่ไม่ได้ใช้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้
ลก 12:20-21 20แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของที่เจ้ารวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใคร?’ 21คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และไม่ได้มั่งมีฝ่ายพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ”
“ท่านเป็นผู้อารักขาที่มีเจ้านายเพียงคนเดียวคือพระเจ้า” ถ้าท่านไม่รับพระเจ้าเป็นเจ้านาย ท่านก็จะรับพระอื่น โดยเฉพาะเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยเป็นเจ้านายเหนือชีวิตท่านนั่นเอง
2. ผู้เชื่อทุกคนเป็นผู้อารักขาของพระเจ้า