อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี  อาทิตย์ที่ 7 ต.ค. 2018  คริสตจักรวัฒนา (ช่วงบ่าย)

อบรมเชิงปฎิบัติการเกี่ยวกับคำอธิษฐานและพระคัมภีร์

คริสเตียนมีเนื้อหาสาระคำอธิษฐานบางอย่างเหมือนคนศาสนาอื่นโดยทั่วไป คือ เวลามีเรื่องอะไรที่เกินความสามารถของตนเอง ก็ต้องไปพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนบานศาลกว่าเพื่อให้ช่วยเหลือ หรือบางครั้งก็ขออธิษฐานกับพระเจ้า คนที่ไม่มีความเชื่อพระเจ้า พวกเขาจะไม่คำนึงถึงพระเจ้าอยู่แล้ว หรือพวกเขาก็ไม่คำนึงถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วว่า สิ่งศักดิ์ต้องการอะไรจากพวกเขา พวกเขามีแต่ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์สนใจความต้องการของตัวเขาเองเท่านั้น เช่น ขอให้ไม่ติดทหาร ถ้าได้ตามต้องการ หรือได้รับคำตอบก็แค่ไปแก้บน ซึ่งคนทั่วโลกเขาก็ทำกันแบบนี้

แต่คริสเตียนมีความแตกต่างจากคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า เพราะเวลาที่คริสเตียน อธิษฐาน พวกเขาคำนึงถึงว่า พระเจ้ามีความผูกพันกับเรา พระเจ้ามีความสัมพันธ์สนิทต่อกัน ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือไม่มีปัญหา คริสเตียนก็มีความผูกพันกับพระเจ้า และเมื่อเราอยู่ในพระเยซูคริสต์ เราได้บังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจึงมีความผูกพันกับพระเจ้า คริสเตียนรู้ว่าพระองค์รักและปรารถนาดีกับเรา พระเจ้าต้องการให้เราอธิษฐานในส่ิงที่เป็นนำ้พระทัยพระเจ้า สองประการ คืออธิษฐานขอวิถีที่พระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตใหม่เหมือนพระเจ้า และอีกประการหนึ่งคือ ให้เราอธิษฐานเพื่อจะปรนนิบัติพระเจ้า ทำในส่ิงที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำ

ดังนั้นคริสเตียนต้องระมัดระวังการอธิษฐาน อย่าให้เป็นแบบเห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว คือ มีแต่ขอพระเจ้าให้ตอบคำอธิษฐาน แต่ไม่ต้องการรู้ว่าพระเจ้าให้เราดำเนินชีวิตอย่างไร พระเจ้ามอบหมายให้เราทำอะไร

เราสามารถใช้พระคัมภีร์ในการอธิษฐาน โดยสังเกตดูคนของพระเจ้าเรื่องการอธิษฐานผ่านทางคำอธิษฐานของพวกเขาในพระคัมภีร์ได้ เช่น ในพระธรรมสดุดี มีคำอธิษฐานของดาวิดเยอะมาก, 1-2พกษ มีคำอธิษฐานของผู้นำประเทศอิสราเอล

1พศด 4:10 “ยาเบสทูลพระเจ้าของอิสราเอลว่าขอพระองค์ทรงอวยพรแก่ข้าพระองค์ และขยายเขตแดนของข้าพระองค์ และขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับข้าพระองค์ และขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์พ้นจากสิ่งชั่วร้าย เพื่อไม่ให้ข้าพระองค์ทุกข์ยากลำบากและพระเจ้าประทานตามที่เขาทูลขอ

คำอธิษฐานของยาเบส น่าสนใจมากที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเขาทุกประเด็น หรือจะดูคำอธิษฐานที่เป็นคำอธิษฐานของพระเยซูก็ได้

อฟ1:17-20 “ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอพระเจ้าของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราคือพระบิดาผู้ทรงพระสิริทรงให้ท่านทั้งหลายมีจิตใจที่ประกอบด้วยปัญญาและการสำแดง เพื่อท่านจะรู้จักพระองค์ 18ขอให้ตาใจของพวกท่านสว่างขึ้น เพื่อจะได้รู้ว่าพระองค์ประทานความหวังอะไรแก่ท่านในการทรงเรียกพวกท่านนั้น และรู้ว่ามรดกที่มีศักดิ์ศรีของพระองค์สำหรับพวกธรรมิกชนนั้นบริบูรณ์เพียงไร 19และรู้ว่าฤทธานุภาพของพระองค์ยิ่งใหญ่มากมายเพียงไรสำหรับเราที่เชื่อนั้น เป็นฤทธิ์เดชเดียวกับการทำกิจอันทรงอานุภาพและทรงพลังของพระองค์ 20ซึ่งทรงทำในพระคริสต์เมื่อทรงทำให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย และทรงให้ประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ ในสวรรคสถาน

 เปาโลอธิษฐานเผื่อพี่น้องเอเฟซัส และเผื่อเราที่เชื่อพระเจ้าในปัจจุบันนี้ด้วย เราสามารถนำมาใช้อธิษฐานเผื่อผู้เชื่อคนอื่นๆได้ด้วย  ขอให้พวกเขามีจิตใจประกอบด้วยปัญญาของพระเจ้า โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องเจอวิกฤติกาล เจอปัญหาหนักๆ เราต้องใช้สติปัญญาจากพระเจ้ามากๆ ในวิกฤติทุกๆด้าน ข้อ18 ขอให้ตาใจสว่างขึ้นให้รู้จักฤทธานุภาพของพระเจ้า คือ พระเยซูผู้เป็นขึ้นจากความตาย

ตัวอย่าง หากมีคริสเตียนที่ตายไปแล้ว แต่กลับเป็นขึ้น มีชีวิตขึ้นมาหลังจากตายไปแล้ว  ส่ิงนี้ทำให้ศาสนาอื่นๆเกิดความหวั่นไหวทั้งหมด เพราะเป็นพระทัยของพระเจ้าในการให้ไปใช้เป็นคำอธิษฐาน คือให้รู้จักฤทธานุภาพของพระเจ้า  นี่จึงเป็นพระดำริของพระเจ้าที่อยู่ในพระดำรัส ดังนั้นเราน่าจะมีการรวบรวมคำอธิษฐานต่างๆของวีรบุรุษในพระคัมภีร์เพื่อเป็นตัวอย่างในการอธิษฐาน

ส่ิงที่ต้องขอเมื่อเราอธิษฐาน 8 ประการ

คส1:9-14 เพราะเหตุนี้ นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องนี้ เราก็ไม่ได้หยุดอธิษฐานและทูลขอเพื่อท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านเต็มเปี่ยมด้วยความรู้เรื่องพระประสงค์ของพระองค์โดยสรรพปัญญาและความเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณ 10เพื่อพวกท่านจะดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์ทุกประการ คือให้ท่านเกิดผลในการดีทุกอย่าง และเจริญขึ้นในความรู้ถึงเรื่องพระเจ้า 11ให้พวกท่านมีกำลังด้วยฤทธานุภาพทั้งสิ้นตามอานุภาพแห่งพระสิริของพระองค์ เพื่อให้ท่านมีความทรหดอดทน และมีความอดทนในทุกสิ่ง พร้อมทั้งมีความยินดี 12และให้ท่านขอบพระคุณพระบิดาผู้ทรงทำให้พวกท่านสามารถมีส่วนในมรดกของธรรมิกชนในความสว่าง 13พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และทรงย้ายเราเข้ามาไว้ในอาณาจักรของพระบุตรที่รักของพระองค์ 14ในพระบุตรนั้นเราได้รับการไถ่ คือการยกโทษจากบาปทั้งหลาย

1.อธิษฐานขอให้ท่านเต็มเปี่ยมด้วยความรู้พระทัยของพระเจ้า  (ข้อ9)

คริสเตียนควรอธิษฐานด้วยท่าทีที่กระหาย ปรารถนาที่จะรู้พระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตเราจริงๆ บางครั้งเราต้องการเพียงอยากให้พระเจ้ารู้แค่ความต้องการของเรา สถานการณ์ของเรา ถึงเวลาหรือยังที่เราต้องการให้พระเจ้าเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์แก่เรา

คำอธิษฐานของเปาโลสะท้อนความต้องการที่จะรู้จักพระเจ้ามากขึ้น เพื่ออ.เปาโลจะได้เข้าไปพื้นที่ของพระเจ้ามากขึ้น ก้าวจากแผนการของตนเอง ไปสู่ทำตามแผนการของพระเจ้า .เปาโลขอให้ท่านเต็มเปี่ยมด้วยความรู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้า ในเรื่องฝ่ายวิญญาณ ขอให้รู้เต็มเปี่ยมทุกเรื่อง ไม่ใช่บางเรื่อง คริสเตียนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจเรื่องน้ำพระทัยพระเจ้ามากนัก เว้นแต่ต้องการมีคู่ครองจึงจะแสวงหาน้ำพระทัย

เราจะเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้าเมื่อพระเจ้าสำแดงแก่เรา โดยสรรพปัญญาและความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ เราต้องเป็นผู้รับสารของพระเจ้าที่สื่อถึงเรา เราต้องสามารถจูนเข้าเครื่องส่งฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าได้ โดยผ่านการอ่านพระคัมภีร์  คริสเตียนส่วนใหญ่ไม่อ่านพระคัมภีร์กันเลย ทำให้ไม่รู้พระทัยพระเจ้า  ทั้งๆที่พระเจ้าอยากสำแดงแก่เราอย่างมาก แต่เราไม่ค่อยสนใจ

2.อธิษฐานขอให้ท่านดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อพระเจ้า (10)

คริสเตียนควรอธิษฐานขอให้ชีวิตของเราในแต่ละวัน แต่ละเหตุการณ์ แต่ละความสัมพันธ์ ดำเนินไปอย่างสมควรต่อพระเจ้า บางครั้งเราทำดีกับคนที่คริสตจักรเท่านั้น แต่ไปมีปัญหากับคนในบ้าน คริสเตียนต้องใช้พระคัมภีร์เป็นการเปิดโอกาสให้พระเจ้า ใช้พระคัมภีร์เป็นเครื่องมือปรับปรุงชีวิตของเรา ไม่ใช่ปรับปรุงชีวิตคนอื่นอย่างเดียว ในพระคัมภีร์หลายๆครั้งบันทึกเรื่องราวไว้ หมายถึง การให้เราใช้ชีวิตประจำวันของเรากับผู้อื่น กับคนอื่นๆ ใช้ชีวิตกับการงาน กับญาติมิตร หรือแม้กระทั่งศัตรู หรือแม้แต่คดีความในศาล เราตระหนักว่า พระเจ้าให้เราดำเนินชีวิตอย่างไรตามพระคัมภีร์ กับคนอื่นๆ กับสถานการณ์ต่างๆ

3.อธิษฐานขอให้ท่านเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า (10)

คริสเตียนควรอธิษฐานขอให้ชีวิตของเราดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้า ตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ พระองค์อธิษฐานขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยพระเจ้า แผ่นดินโลกไม่เหมือนแผ่นดินสวรรค์ แต่คริสตจักรในแผ่นดินโลกเป็นเหมือนสวรรค์ในแผ่นดินโลก คริสตจักรไม่รู้เรื่องเหล่านี้เพราะคริสตจักรไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ บางครั้งเรารู้เนื้อหาคำอธิษฐานในพระคัมภีร์แต่เราไม่ไ้ด้ทำตามเนื้อหาพระคัมภีร์

ดังนั้นวันนี้ขอให้เป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้เนื้อหาการอธิษฐานในวันนี้เป็นชีวิตจริงของเรา ไม่ใช่เป็นเพียงความรู้  เรื่องของนำ้พระทัยพระเจ้ามีเยอะแยะเต็มไปหมด หลายครั้งการที่เราไม่รู้ว่าพระคัมภีร์ว่าอย่างไรก็เพราะเราไม่ศึกษา ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะเป็นคริสเตียน  ไม่ใช่หน้าที่ของผู้นำในการทำให้เรารู้พระคัมภีร์ 

เราต้องจัดเวลาการอ่านพระคัมภีร์ให้มากขึ้น เพื่อเราจะเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า เพื่อให้เราแยกแยะคำสอนไหนเป็นคำสอนจริง คำสอนไหนเป็นคำสอนเท็จได้ เพื่อที่เราจะได้ไม่หลงไปกับคำสอนแปลกประหลาด ที่เป็นแฟชั่น ตามกระแสนิยม เพราะคนที่สอนผิดๆก็อ้างพระคัมภีร์เหมือนกันแต่ไม่สามารถจะเชื่อฟังได้ เพราะอ้างผิดๆ ไม่ถูกต้อง บางครั้งคนสอนผิดก็มักจะข่มขู่ด้วยคำสาบแช่งต่างๆนาๆ ว่าถ้าไม่เชื่อฟังเขา พระเจ้าจะสาบแช่ง ส่ิงเหล่านี้ทำให้เรากลัวพระเจ้าแบบไม่ถูกต้อง ถ้าเราไม่ทำตามที่เขาสอน เขาอ้างว่าพระเจ้าไม่ชอบพระทัย ขอให้เราเรียนรู้ว่า มารก็ใช้พระคัมภีร์ในการล่อลวงพระเยซูเช่นกัน ใน มธ4 มารอ้างพระคัมภีร์ แต่พระเยซูไม่ฟัง และทำตาม

4.อธิษฐานขอให้ท่านมีชีวิตเกิดผลในการดีทุกอย่าง (10)

รายละเอียดอยู่ที่ ยน15:1-2 “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา 2แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น

คริสเตียนไม่เกิดผลในการดีไม่ได้ เพราะเราเป็นแขนง พระองค์เป็นเถา เรากับพระเจ้ามีความติดสนิทกันอย่างสัมพันธ์ลึกซึ้ง สนิทกันวันละ24ชม.ไม่ใช่แป๊บเดียว  ไม่ใช่มาคริสตจักรเป็นคนดีอีกอย่าง พอเลิกคริสตจักรเป็นคนอีกแบบ

ผลดีที่เกิดจากการติดสนิทกับพระเจ้า แสดงออกมาไม่ใช่เป็นค่านิยมที่ดี หรือวัฒนธรรมที่ดีงาม การทำดีของชีวิตคริสเตียนนั้น เกิดจากการที่มีความสัมพันธ์ที่ติดสนิทกับพระเยซู ไม่ได้เกิดจากตามค่านิยมสังคม ตัวอย่างเช่น อฟ2:8-10 เรารอดไม่ใช่เกิดจากการทำดีของตัวเราเอง แต่โดยพระคุณพระเจ้า  เราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระเยซู เพื่อทำการดี ดังนั้นการดีของคริสเตียน จึงเกิดจากฝีพระหัตถ์พระเจ้า ไม่ใช่ของเราตั้งใจทำเอง

วันนี้ยังไม่ช้าเกินไปที่เราจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ในพริบตาเดียว หากเรายอม โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเราในพริบตาได้

5.อธิษฐานขอให้ท่านเจริญขึ้นในความรู้ของพระเจ้า (10)

เรารู้ว่าพระเยซูเกิดที่ไหน พระองค์ตายที่ไหน คริสเตียนเราคิดว่าเรารู้แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเรื่องพระเยซู  เราไม่มีความกระหายที่อยากจะรู้จักพระองค์มากขึ้นไปอีก เราจึงต้องอธิษฐานให้รู้จักพระเจ้าให้มากขึ้น ให้ชีวิตเราเจริญขึ้น

2ปต3:18 “แต่ขอพวกท่านจงเจริญขึ้นในพระคุณและในความรู้ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ขอพระเกียรติจงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน

เจริญขึ้นในพระคุณและความรู้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า .เปโตรและอ.เปาโลอาจารย์ทั้งสองท่านมองเห็นความสำคัญนี้ในชีวิตคริสเตียน คริสเตียนควรมีความรู้ที่ก้าวหน้าขึ้น เช่นคำว่า งามของพระเจ้า งามยังไง เรารู้ไหม เราไม่รู้ แต่เราก็ไม่ใส่ใจจะรู้ความงามของพระเจ้า ดังนั้นคริสเตียนจึงไม่เห็นความงามของพระเยซูอย่างที่พระองค์เป็น  คริสเตียนเรายังห่างไกลความเป็นคริสเตียนตามที่พระเจ้าคาดหวังตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์เยอะมาก

บางครั้งผู้ชายผู้ที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้า พ่ายแพ้การล่วงประเวณี เพราะเขายังไม่ได้รักพระเยซูจริงๆในฐานะคนรักของเขา เราที่เชื่อในพระคริสต์เปรียบเหมือนการเป็นเจ้าสาว เจ้าสาวจะไม่ไปมีชู้กับชายอื่น ถ้าเราเจริญขึ้นถึงความรู้ของพระเจ้าเช่นนี้ เราก็จะดำเนินชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้ ฉันใดก็ฉันนั้น เช่นเรื่องการเห็นความงามของพระองค์ เรื่องการมีความผูกพันกับพระองค์ ถ้าเราเข้าใจมากขึ้น เราจะไม่อยากเป็นชู้กับใคร

6.อธิษฐานขอให้ท่านมีกำลังทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า (11)

คริสเตียนควรอธิษฐานขอให้ชีวิตของเรายืนหยัดอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมารซาตาน 1ยน2:14 “ท่านทั้งหลายที่เป็นลูก ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะพวกท่านรู้จักพระบิดาท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะท่านรู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาลท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะพวกท่านมีกำลังมากและพระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในพวกท่านและท่านชนะมารร้ายนั้นแล้ว

มีกำลังเพื่อท่านชนะมารร้าย ตลอดประวัติศาสตร์ไม่เคยมีมนุษย์คนใดเอาชนะมารได้เลย แต่น่าสนใจมากที่คริสเตียนกลุ่มนี้ที่อ.ยอห์นเขียนไว้ บอกว่าพวกเขาสามารถเอาชนะมารร้ายได้ เพราะพระวจนะดำรงอยู่ในเขา หากพระวจนะของพระเจ้าเป็นชีวิตของเรา และเป็นกำลังของเรา  เราจะเอาชนะมารร้ายได้

1ปต1:23 “เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงขู่อาฆาต แต่ทรงมอบพระองค์เองไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม

คริสเตียนต้องกลับมาเร่ิมตั้งหลักใหม่ที่พระคัมภีร์ เพราะมารทำการล่อลวงตลอดเวลา เพื่อให้คริสเตียนออกจากพระคัมภีร์ของพระเจ้า  เพื่อคริสเตียนจะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องสนใจดีชั่ว

แท้ที่จริงแล้วในปฐมกาล พระคำมีอย่างเดียว คือ อย่ากินเพราะเจ้าจะตาย แต่หลังจากมนุษย์ล้มลงในความบาป เต็มไปด้วยการล่อลวงมากมาย ดังนั้นพระเจ้าจึงต้องมีพระคัมภีร์ 66 เล่ม มีมากกว่าในปฐมกาลมาก ก็เพื่อบอกว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไรมาจากพระเจ้า อะไรไม่ได้มาจากพระเจ้า ความดีของมนุษย์ทำให้เราเหนื่อยในบางครั้ง แต่ความดีของพระเจ้าทำให้เรามีกำลังเสมอ คริสเตียน ส่วนใหญ่ไม่สนใจคำเทศน์ ไม่สนใจคำสอน ชอบสนใจแต่กิจกรรมที่นำความสนุกสนานมาให้ การฟังคำเทศน์เป็นเพียงส่วนประกอบในกิจกรรมเท่านั้น ไม่ใช่กิจกรรมหลักในการจัดงาน ถ้าวันนี้เรากินอาหารแล้ว เราต้องกินพระวจนะด้วย

7.อธิษฐานขอให้ท่านมีความทรหดอดทน (11)

สามีพูดกับภรรยาให้อดทนกับผมหน่อยนะ แสดงว่าสามีไปทำอะไรไว้ให้ภรรยาไม่พอใจ จึงต้องมาขอให้อดทนอยู่เรื่อยๆ ในท้องถนนทุกวันนี้ เราได้ยินข่าวคราว มีการทะเลาะเบาะแว้ง มีการทำร้ายร่างกายกันและกันเป็นประจำ 

ต้วอย่าง คนสมัยก่อนอะไรๆก็ช้าไปหมด เช่น คอมพิวเตอร์กว่าจะทำงานได้ก็ช้ามากกว่าจะบูธเครื่องตอนเปิดเครื่อง  หากเป็นสมัยนี้เวลาบูธเครื่องช้า ก็โมโหแล้ว ยุคนี้คริสเตียนเราจึงต้องความอดทนสูงมาก  อย่าหงุดหงิดง่ายๆ ขอให้มีความรัก เพราะความรักก็อดทนนาน ดังนั้นขอให้ความรักของพระเจ้าในชีวิตของเราเจริญขึ้น

8.อธิษฐานขอให้ท่านมีความยินดี

ท่ามกลางความกดดัน คริสเตียนที่เมืองโคโลสีมีความกดดันมากจากการข่มเหง แต่อ.เปาโลอธิษฐานให้เขายินดี คริสเตียนมีความยินดีได้ ความยินดีนั้นไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าดีหรือไม่ดี แต่เป็นเพราะความยินดีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคริสเตียน เพราะมีพระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงทำให้เรามีความยินดีอยู่

เสมอๆ  ตัวอย่างเช่น โยบสามารถผ่านสถานการณ์แย่ๆมาได้

ยน15:10 “ถ้าพวกท่านประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะติดสนิทอยู่กับความรักของเรา เหมือนอย่างที่เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดาและติดสนิทอยู่กับความรักของพระองค์

การประพฤติตามบัญญัติก็ติดสนิทในความรักของพระองค์  ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าความยินดีมาจากการดำเนินตามพระบัญญัติของพระองค์ เหมือนพระเยซูคริสต์ที่ดำเนินชีวิตกับพระเจ้า

ถ้าเราสนใจพระทัยของพระองค์ น้ำพระทัยพระองค์ กำลังของพระองค์ ความยินดีกับพระองค์ ต่อให้เราเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากเพียงไร ที่เกิดขึ้นพระเจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบให้เรา แม้เราไม่อธิษฐานขอพระเจ้าก็จะให้กับเรา พระเจ้าจะช่วยเราเพราะเราทำตามพระทัยของพระองค์ 

สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com

บทความก่อนหน้านี้เทศนางานไว้อาลัย   2คร5:6-9  “ ยิ่งใกล้ยิ่งดี ”
บทความถัดไปความรักของพระเจ้า 3 แบบ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่