หน้าแรก คำสอน หว่าน หว่านตอนที่ 6 “ผลเสียของการไม่หว่านในความสว่าง”

หว่านตอนที่ 6 “ผลเสียของการไม่หว่านในความสว่าง”

1812
0
The Sower statue atop Nebraska's State Capitol.

สอน 6 เทศนาเช้า อา 17 มี..19

เนื้อเพลงพระเจ้าของข้า ราชาแห่งดวงใจที่เรานมัสการขอให้เป็นความหมายถึง การที่เรายอมให้พระเจ้าครอบครองชีวิตเรา ปกครองเรา ควบคุมเรา เราเป็นของพระเจ้า ขอพระองค์ควบคุมจิตใจของเรา  ขอให้เปิดใจที่จะฟังพระเจ้า

อยากให้มองเนื้อหาพระธรรมนี้ในอีกแง่มุมหนึ่งจากเมื่อวานที่ได้เรียน

1ยน1:5-10 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกกับพวกท่าน คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย 6ถ้าเราจะว่า เรามีสามัคคีธรรมกับพระองค์ขณะที่ยังเดินอยู่ในความมืด เราก็โกหก และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง 7แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง เราก็มีสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น 8ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย 9ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น 10ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา และพระดำรัสของพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย

พระคัมภีร์ ไม่ใช่หนังสือศักดิ์สิทธิ์ การอ่านพระคัมภีร์ไม่ใช่เพื่อทำให้เราได้อานิสงค์ของการอ่านพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เราอาจจะอ่านแล้วได้ความรู้บ้างจากพระคัมภีร์พูดอะไรไว้บ้าง เนื้อหาบางตอนเป็นเรื่องราว เป็นคำอุปมา ให้บทเรียนที่ดี บางเรื่องทำให้เราเพลิดเพลินบ้างผ่านบุคคลในพระคัมภีร์

แต่พระเจ้าดลใจให้เขียนพระคัมภีร์ขึ้น รวบรวมเป็นเล่มเพื่อเราจะใช้ในการดำเนินชีวิตในโลกนี้ เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะหลังจากที่เราตายไปแล้วเราไม่ต้องไปอ่านพระคัมภีร์อีกแล้ว ไปสวรรค์แล้วไม่ต้องอ่าน

ขอให้อ่านตั้งแต่ตอนนี้ไม่ต้องรอไปสวรรค์แล้วจะอ่าน พระพรเกิดขึ้นจากการ ดำเนินชีวิตตามเส้นทางที่พระเจ้ากำหนดไว้ในพระคัมภีร์ พระพรอยู่บนเส้นทางแห่งพระวจนะ การเดินไปกับพระเจ้าในแต่ละก้าว ตั้งแต่ก้าวแรก มีพรทุกก้าว เราก็เก็บพระพรไปทุกก้าว 

การเพียงแต่อ่านพระคัมภีร์เท่านั้น ยังไม่ทำให้เราได้รับพระพรการประพฤติ และทำตามพระคัมภีร์ต่างหากที่ทำให้เราได้รับพระพร

ข้อ5 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกกับพวกท่าน คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย

แปลว่า ยอห์นได้รับการสำแดงจากพระเจ้า พระองค์ต้องการให้เรารู้ว่าพระองค์เป็นความสว่าง มีข้อพระคัมภีร์สนับสนุนมากมายที่เน้นเรื่องพระเจ้าเป็นความสว่าง

ยน8:12พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่าเราเป็นความสว่างของโลกคนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต

พระเยซูเปิดเผยเราเป็นความสว่างของโลก มีความสว่างแห่งชีวิต

ยน9:5 ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราก็เป็นความสว่างของโลก

ยน12:46 เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะไม่อยู่ในความมืด

ยน12:36 ขณะที่พวกท่านมีความสว่าง จงวางใจในความสว่างนั้น เพื่อจะได้เป็นลูกของความสว่าง

กจ13:47 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งเราว่าอย่างนี้เราตั้งเจ้าไว้ให้เป็นความสว่างสำหรับคนต่างชาติ เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก

เราที่เกี่ยวข้องกับพระเยซู เราจะซึมซับความสว่างเข้ามาในชีวิต เพื่อนำความสว่างไปสุดปลายแผ่นดินโลก ให้คนที่อยู่ในความมืดให้พบความสว่าง

กจ26:18 ไปเปิดตาของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาหันจากความมืดมาหาความสว่าง จากอำนาจของซาตานมาหาพระเจ้า เพื่อให้พวกเขาได้รับการอภัยบาป และมีส่วนอยู่ท่ามกลางคนที่ได้รับการชำระให้เป็นธรรมิกชนโดยความเชื่อในตัวเรา

เราเป็นตัวแทนความสว่างของพระเจ้า นำคนให้มาถึงความสว่าง ช่วยเขาเปิดตาเขาให้เห็นความสว่าง

กจ26:23 คือว่าพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมาน และพระองค์จะทรง    แสดงความสว่างแก่ชนชาติอิสราเอลและแก่พวกต่างชาติโดยที่ทรงเป็นผู้แรกที่เป็นขึ้นจากตาย

พระเยซูสิ้นพระชนม์ เพื่อให้ความสว่างของพระองค์ ปรากฎแก่ทุกคน รวมทั้งพวกเราด้วย นอกเหนือจากคนอิสราเอล

พระคัมภีร์หลายข้อ แสดงเจตนาของพระคริสต์ ที่เข้ามาในโลกนี้จนถึงวันสิ้นพระชนม์และเป็นขึ้นจากตาย ก็เพื่อเป็นความสว่างของโลก พระเยซูเข้ามาในโลกไม่ใช่เพื่อสำแดงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เพราะโลกอยู่ในความมืดตั้งแต่อาดัม ล้มลงในบาปจนถึงวันนี้  คนทั้งสังคมเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด เราต้องเป็นตัวแทนของพระเจ้า ในการเป็นความสว่างของโลก

มธ5:14ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้ 

นี่คือ ทั้งหมดชี้ให้เห็นความจริงว่าท่านเป็นความสว่างของโลก

2คร4:6เพราะว่าพระเจ้าผู้ตรัสว่าให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืดทรงส่องสว่างเข้ามาในใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า ที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระคริสต์

แปลความว่า ให้ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด มีข้อพระคัมภีร์มาก มายสรุปว่าเราเป็นตัวแทนของพระเจ้าในฐานะเป็นความสว่างของพระเจ้า เรื่อง ความสว่าง

เราไม่ต้องไปพิพากษาใครเป็นงานของพระเจ้า เพราะพระเจ้า รู้จริงมีใจเป็นธรรม ไม่ลำเอียง

เรารู้ไม่จริง ลำเอียงด้วย ใจไม่เป็นธรรม ดังนั้นพระเจ้าให้เราเป็นความสว่างไม่ใช่ไปพิพากษา แทนพระเยซูที่เป็นความสว่าง

เราต้องเรียนรู้ว่าพระเจ้าเป็นความสว่างชนิดความมืดไม่มีเลย 

1ยน1:5 สว่างชนิดความมืดไม่มีเลย และ ข้อ7แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง เราก็มีสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจาก บาปทั้งสิ้น

แปลความว่า ชีวิตเราในโลกนี้ต้องดำเนินทุกๆก้าว ต้องเดินในทางความ สว่างเหมือนพระคริสต์ทรงสถิตย์ในความสว่าง คือ ตามมาตรฐานของพระคริสต์ ไม่ใช่สลัวๆ เทา ดำ ปน อยู่ ไม่มีข้อแก้ตัว ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้ออ้าง แต่ต้องปรับปรุง แก้ไขใหม่

ทำไมเราทำไม่ได้ ทำไมเราสว่างเหมือนพระเยซูได้ ขอให้จัดการทิ้งไป ความคิดอะไรที่ทำให้เราเดินกับพระเจ้า ไม่ได้ อารมณ์อะไรที่ทำให้เราไม่เดินกับพระคริสต์ทิ้งไปเลย พฤติกรรมอะไรที่ทำให้เราดำเนินกับพระคริสต์ไม่ได้ ให้ทิ้งมันไปเลย ไม่ต้องเก็บเอาไว้ ไม่ทำเลย ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังคน

ทรัพย์สินตัวไหน ทรัพย์สมบัติอะไร อุปกรณ์อะไร เป็นอุปสรรคขัดขวางการ ดำเนินชีวิตกับความสว่างตามมาตรฐานพระเจ้าเหมือนพระเยซู  ทิ้งไปเลย เราต้อง ดำเนินชีวิตในความสว่างชนิดความมืดไม่มีเลย

ถ้าเราไม่ดำเนินชีวิตในความสว่างเหมือนพระเยซู จะเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะคิดว่าจะดำเนินชีวิตแบบค่อยๆทำค่อยๆเปลี่ยน ตอนตายคงทำได้ แต่พระเยซูบอกให้ดำเนินชีวิตเหมือนพระคริสต์ ในความสว่างชนิดความมืดไม่มีเลย

ผลเสียของการไม่หว่านในความสว่าง

(หมายถึง การไม่ดำเนินชีวิตเป็นความสว่างชนิดความมืดไม่มีเลย ตามมาตรฐานของพระเจ้า)

ประการที่ 1 เราจะสูญเสียพลานุภาพในการดำเนินชีวิตตาม พระวจนะพระเจ้า

1ยน1:6 ถ้าเราจะว่า เรามีสามัคคีธรรมกับพระองค์ขณะที่ยังเดินอยู่ในความมืด เราก็โกหก และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง

ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง คือ ตามพระวจนะ เพราะเขาทำไม่ได้ แม้มีความอยาก มีความพยายามแต่จะทำไม่ได้ ถ้าเราไม่ดำเนินชีวิตในความสว่างเราจะทำไม่ได้แม้ข้อพระคัมภีร์แบบง่าย

ยน17:17ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง

ขอทรงแยกพวกเขาด้วยพระวจนะ แห่งความจริง

ถ้าเราดูพระคำแล้วคิดว่าทำไม่ได้ แสดงว่าเรายังไม่ได้อยู่ในความสว่างจริง ถ้าเราอยู่ในความสว่างจริงไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้เลย แอกที่เป็นภาระที่พระเยซู ให้เราไปทำ มันพอเหมาะ เบาแรง แต่ถ้าเราคิดว่าหนักแสดงว่าเราไม่ได้ดำเนินตามมาตรฐานพระวจนะ พระเจ้า  ดูได้จากสองสิ่ง

1ยน1:2-3 (และชีวิตที่ว่านี้ปรากฏขึ้น เราได้เห็น และเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นี้กับพวกท่าน เป็นชีวิตที่ดำรงอยู่กับพระบิดาและมาปรากฏแก่เรา3สิ่งที่เราได้เห็นและได้ยินนั้น เราก็ประกาศให้พวกท่านรู้ด้วย เพื่อท่านจะได้มีสามัคคีธรรมกับเรา และเราก็มีสามัคคีธรรมกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์

ถ้าเราทำตามพระวจนะ แสดงว่าเรารู้จักพระเจ้า

หนึ่ง การรู้จักพระเจ้า คือหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า

รู้จัก หมายถึง ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง หลายครั้งใช้เป็นความสัมพันธ์เหมือนสามีภรรยา ถ้าเราไม่ดำเนินตามพระวจนะ  เราจะไปไม่ถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้า แต่ถ้าไม่ดำเนินชีวิตตามพระวจนะ  เพราะไม่มีพลัง เราจะไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้า

ทำไมวันนี้เรารู้จักพระเจ้าแบบห่างๆแม้ว่ารู้จักพระเจ้า มานานแล้วเพราะอะไร เพราะไม่มีพลังในการดำเนินตามพระวจนะ

สอง ไม่มีความรักของพระเจ้า ปรากฎในชีวิต ถ้ายังไม่ทำตามพระวจนะ

1ยน1:5 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกกับพวกท่าน คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย

เราเป็นคริสเตียน มานมัสการ ถวายทรัพย์ ร้องเพลง แต่ไม่ดำเนินชีวิตตามพระ วจนะ  คุณยังไม่มีความรักของพระเจ้า

ประการที่ 2 เราจะสูญเสียคุณสมบัติที่จะรองรับพระวจนะของพระเจ้าในชีวิต

พระเจ้าสร้างเราจากคำพูด พระองค์ตรัสส่ิงนั้นก็เกิด โลกเกิดจากพระดำรัสดินเกิดจากการตรัสแล้วเอาดินมาปั้นเรา หลังจากมนุษย์ทำบาป พระเจ้าใช้พระวจนะมาชำระเราใหม่  ให้เรารับชีวิตใหม่ เพื่อรองรับพระวจนะของพระเจ้า เรากับพระคำพระเจ้า สนิทแนบแน่น ตอบสนองชีวิตเรา อิ่มบริบูรณ์ได้ เพราะเราถูกสร้างให้มีคุณสมบัติรองรับพระวจนะ เวลาคุณอ่านคุณเพียบพร้อมที่จะรองรับพระวจนะ ของพระเจ้า ถ้าเราดำเนินชีวิตแห่งความสว่างตามมาตรฐานของพระเจ้า

1ปต1:2 ตามที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้า และพระวิญญาณทรงทำให้บริสุทธิ์ เพื่อจะเชื่อฟังพระเยซูคริสต์ และได้รับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์ขอพระคุณและสันติสุขจงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายยิ่งขึ้นเถิด

เราเกิดใหม่โดยพระวจนะ เพื่อรองรับพระวจนะ ชีวิตเรากับพระวจนะ เท่าเทียมกันให้สมบูรณ์

1ยน1:8ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย 

สัจจะคือ ความจริง พระวจนะ คือ ความจริง หากเราสูญเสียสัจจะ สูญเสีย ความจริง คนนั้นจึงไม่มีความน่าเชื่อถือเลย เพราะสัจจะไม่ได้อยู่ในเขา

1ยน2:13-14ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะท่านรู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาลท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะท่านได้ชนะมารร้ายนั้น14ท่านทั้งหลายที่เป็นลูก ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะพวกท่านรู้จักพระบิดาท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะท่านรู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาลท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะพวกท่านมีกำลังมากและพระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในพวกท่านและท่านชนะมารร้ายนั้นแล้ว

แปลความว่า ชีวิตเขาพร้อมรองรับพระวจนะแล้ว เมื่อพระวจนะเข้ามาในชีวิต คุณสมบัติพร้อมรองรับ ทำให้เขามีกำลังมาก จนมารซาตานยังพ่ายแพ้

คุณรู้ไหมว่าตั้งแต่พระเจ้า สร้างโลกนี้มาไม่มีมนุษย์ คนไหนชนะมารได้เว้นแต่พระเยซู แต่พระคัมภีร์ตอนนี้บอกว่าใครก็ตามที่มีพระวจนะในชีวิต สามารถเอาชนะมารร้ายได้  แต่เรายังแพ้อยู่เพราะเราขาดคุณสมบัติที่จะให้พระวจนะเข้ามาในชีวิต คนไม่เชื่ออ่านพระคัมภีร์ได้ แต่ชีวิตไม่รองรับพระวจนะ ไม่มีพลัง

คนไม่เชื่อก็อ่านพระคัมภีร์ได้ แต่เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ เป็นความรู้ แต่  คริสเตียนสามารถเข้าถึงพระคัมภีร์ได้อีกแบบหนึ่ง เป็นพลานุภาพที่เอาชนะมารร้ายได้ การดำเนินชีวิตเป็นความสว่างกับพระเยซู ทำให้มีสิทธิอำนาจเหนือมารร้ายได้ แต่พวกเราส่วนใหญ่ไม่เคยชนะมารร้าย กินเหยื่อของมารที่วางกับดักหลอกไว้  เพราะเราขาดคุณสมบัติที่จะรองรับพระวจนะ

1ยน1:10 ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง และในตัวเขานั้นไม่มีอะไรทำให้สะดุด 

เราหลอกคนอื่นได้ เราหลอกมารไม่ได้ เราชนะมารไม่ได้ ถ้าไม่ดำเนินชีวิตตามพระวจนะ

ยน15:7 ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น 

ถ้าเราติดสนิทกับถ้อยคำของพระเจ้า  จะมีผลต่อการอธิษฐานของเรา ขออะไรก็จะได้ แต่ถ้าไม่มีความสว่างของพระเจ้าทำให้พระคำไม่สามารถติดสนิทในชีวิตเราได้  เมื่อขาดคุณสมบัตินี้ ขออะไรก็ไม่ได้ เพราะไม่ติดสนิทกับพระเจ้า

ประการที่สูญเสียความสัมพันธ์แท้จริงกับพระเจ้า 

1ยน1:6 ถ้าเราจะว่า เรามีสามัคคีธรรมกับพระองค์ขณะที่ยังเดินอยู่ในความมืด เราก็โกหก และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง 

อยู่ในความมืดแล้วบอกว่ามีสัมพันธ์กับพระเจ้า แสดงว่าโกหก เพราะไม่มีสามัคคีธรรมกับพระเจ้า คุณจะเบื่อพระเจ้า ในที่สุด ไม่ยำเกรงพระเจ้า นั่นคือ อันตรายยิ่งนัก เราจะสงสัยความรักของพระเจ้า สงสัยพระเจ้า เวลาเจอปัญหาต่างๆเข้ามาในชีวิต เปาโลไม่สงสัยพระเจ้าเวลาเรือแตกสามครั้ง

การดำเนินชีวิตในความสว่างตามมาตรฐานของพระคริสต์ ชนิดความมืดไม่มีเลย เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก

ยน3:20 เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาหาความสว่าง เนื่องจากกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ

คนไม่มีสามัคคีธรรมกับพระเจ้า นำเราไปสู่ความสว่าง ทำให้คนมองเห็นชีวิตเรา ไม่ว่าจะดีหรือชั่วคนก็จะเห็น แต่คนทำชั่วมีความลับเยอะเขาไม่อยากให้คนมาเห็น หรือมารู้

คนประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง เพราะกลัวว่าความชั่วของตนจะปรากฎ เวลาเราเป็นคนสว่างคนจะมองเห็นเราชัดเจน คิดชั่วคนก็จะรู้ แต่ถ้าเราเป็นความสว่างของพระคริสต์ เราก็ไม่กลัวที่คนจะรู้ตัวตนของเราจริงๆ ไม่ว่าจะแอบมองหรือมองตรงๆ ไม่ใช่ความลับเยอะมากที่พยายามปกปิด

คนบาปเกลียดความสว่างเพราะทำให้ความลับของตนปรากฎ เพราะเป็นคนไม่จริงใจ ต่อให้มีแผนการลึกลับซับซ้อนในการหลอกลวงอยากได้ของคนอื่น หลอกเราไม่ได้เพราะเราไม่โลภ เราจริงใจ ถ้าเราเป็นคนสว่างจริงใจไม่มีใครหลอกลวงเราได้ ที่เรายังโดนหลอก  เพราะเรายังไม่จริงใจจริงๆ

ประการที่สูญเสียความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับพี่น้องคริสเตียน

1ยน1:7แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง เราก็มีสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น

จะมีความสัมพันธ์กับพี่น้องไม่ดี ไม่ยกโทษให้อภัย แต่จะไปหาเรื่อง หาคนผิด  เพราะดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด มีเงื่อนไขในการยกโทษเราจะเริ่มมีปัญหากับผู้นำ ปัญหากับคน

แต่ถ้าเราดำเนินชีวิตในความสว่างเหมือนพระคริสต์ เราจะไม่มีปัญหากับคน เพราะสามัคคีธรรมแท้ทำให้อวัยวะในพระกายไม่หาเรื่องกันเอง นิ้วโป้งเราไม่หาเรื่องอวัยวะส่วนอื่น เจ็บนิ้วก็เจ็บทั้งตัว พระเยซูเป็นศรีษะ คนเชื่อเป็นอวัยวะ เจ็บนิดเดียวก็เจ็บทั้งตัว เวลาเห็นพี่น้องเดือดร้อนอยากช่วยเหลือ ไม่ใช่อยากซ้ำเติม

ประการที่สูญเสียลักษณะชีวิตของพระคริสต์ในชีวิตของเรา

ยน8:12พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่าเราเป็นความสว่างของโลกคนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต

แปลว่า ถ้าไม่ดำเนินในความสว่าง ความสว่างของพระคริสต์จะไม่ปรากฎในชีวิตของเรา

ประการที่สูญเสียความเจริญรุ่งเรือง

สภษ28:13 ผู้ซ่อนการละเมิดของตนไว้จะไม่เจริญแต่ผู้สารภาพและทิ้งมันจะได้ความกรุณา

ผู้ซ่อนการละเมิดจะไม่ได้รับความกรุณาจะไม่เจริญ หากมีการละเมิดซ่อนอยู่ เพราะมีความมืดอยู่ในชีวิต พระคัมภีร์เน้นไปที่คนของพระเจ้า และพูดถึงคนทั่วไปด้วย

สดด66:18ถ้าข้าพเจ้าได้บ่มความชั่วไว้ในใจองค์เจ้านายจะไม่ทรงสดับ

เวลาอธิษฐาน แต่ชีวิตซ่อนการละเมิดไว้จะไม่เจริญ ไม่ได้รับคำตอบ พระเจ้าไม่ฟังเพราะบ่มความมืดในชีวิต

สดด 51:8-9ขอทรงให้ข้าพระองค์ได้ยินความปีติและความยินดีขอกระดูกซึ่งพระองค์ทรงหักนั้นเปรมปรีดิ์9ขอซ่อนพระพักตร์พระองค์จากบาปทั้งหลายของข้าพระองค์และขอทรงลบความชั่วทั้งสิ้นของข้าพระองค์

แปลว่า ถ้าคุณมีความชั่วความบาปในชีวิต ความปิติยินดีจะหายไป ถ้าซ่อนความมืดไว้ แต่เขาเปิดเผยสารภาพกับพระเจ้า เพื่อให้มีความยินดี

สดด32:3-4เมื่อข้าพระองค์ไม่สารภาพบาป ร่างกายของข้าพระองค์ก็ทรุดโทรมไปโดยการคร่ำครวญวันยังค่ำ4พระหัตถ์ของพระองค์หนักอยู่บนข้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืนกำลังของข้าพระองค์ก็เหือดแห้งไปอย่างกับถูกความร้อนในหน้าแล้ง

สุขภาพจะไม่ดี ทรุดโทรมลงไป ถ้าไม่ดำเนินชีวิตในความสว่างเหมือน พระคริสต์ ชนิดความมืดไม่มีเลย ดังนั้นเราเป็นความสว่างและความมืดไม่มีในเราเลย เพราะเราดำเนินเหมือนพระเยซู เราจะชนะมารร้าย เราจะซึมซับพระวจนะเป็นชีวิตไม่ใช่ความรู้ เพราะมีคุณสมบัติชีวิตรองรับพระวจนะ

เราจะปล่อยให้ชีวิตอยู่ในความมืดหรือในเมื่อพระคริสต์มาตายไถ่บาป เป็นขึ้นจากตายเพื่อเราจะเป็นความสว่าง 

ศาสนาสอนคนให้เป็นคนดีแต่พระคริสต์มาเพื่อเปลี่ยนชีวิตของเราให้เป็นคนดี ไม่ใช่มาเปลี่ยนศาสนาให้เรา

ขอให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

บทความก่อนหน้านี้หว่านตอนที่ 5 “หว่าน คือ การดำเนินชีวิตในความสว่าง”
บทความถัดไปหว่านตอนที่ 7 (จบ) “หว่านอย่างไรไม่หยุดที่จะหว่าน”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่