หน้าแรก คำสอน หว่าน หว่านตอนที่ 2 “อย่าหลงและอย่าล้อ”

หว่านตอนที่ 2 “อย่าหลงและอย่าล้อ”

2912
0
The Sower statue atop Nebraska's State Capitol.

.ประยูร สอนเรื่องหว่าน” 15-17 มี.. 19 คริสตจักรตราด

สอน 2 เสาร์เช้าที่ 16 มี.ค. 19

ขอให้เราจดบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้ไว้ อย่าจำอย่างเดียวเพราะเราอาจลืมได้ในอนาคต คำไทยโบราณบอกว่าจดจำแสดงว่าเราต้องจดไว้ สำหรับคนที่อยากพบความสำเร็จต้องเอาสิ่งที่เรียนรู้ไปทำตามที่เราเรียนมา

ชีวิตคริสเตียนเกี่ยวข้องกับเรื่องชีวิต และวิถีการดำเนินชีวิต ก่อนมาเชื่อพระเจ้า เรามีชีวิตอย่างหนึ่ง เราดำเนินชีวิตก็อีกอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่าง นก มีชีวิตแบบ นก จะให้นกมาดำเนินเหมือนคนทำไม่ได้ เช่น คนฝึกให้มันพูดเหมือนคน หรือต่อให้นกเลียนแบบพูดเหมือนคนด้วยตัวมันเองได้ แต่นกมันก็เป็นนกไม่ใช่คน มันไม่สามารถดำเนินชีวิตตามวิถีคนได้ เพราะมันไม่ใช่คน

คนเชื่อพระเจ้ากับคนไม่เชื่อพระเจ้า  มีวิถีการดำเนินชีวิตแตกต่างกัน มันเดินคนละวิถีเลย เดินคนละเส้นทางเลย แต่เราอาจมอง สังเกตไม่เห็นชัดเจนได้

เส้นทางของคริสเตียน เรามีชีวิตกับวิถีคริสเตียน ตามที่พระเจ้ากำหนดให้เราเดิน เราต้องเรียนรู้วิถีชีวิตคริสเตียน เพื่อจะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า

กท6:7-10 อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น 8คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น 9อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร 10เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อทุกคน และเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อคนที่เป็นสมาชิกของครอบครัวแห่งความเชื่อ

ข้อ6 ส่วนคนที่รับการสอนพระวจนะ จงแบ่งสิ่งดีทุกอย่างให้แก่คนที่สอนตนเถิด

เราเรียนรู้พระคัมภีร์ เพื่อจะรับการเปลี่ยนแปลงชีวิต มีตัวอย่าง เรือรบใหญ่เจอไฟส่องอยู่ด้านหน้า กัปตันใหญ่เขาสั่งให้เรือลำนั้นเปลี่ยนเส้นทางให้หลบไป แต่เรืออีกด้านหนึ่งตอบให้คุณกัปตันนั่นแหละเปลี่ยนเส้นทาง กัปตันเรือรบโกรธบอกว่าเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ขอให้คุณเปลี่ยนเส้นทาง อีกฝ่ายหนึ่งก็ตอบว่าคุณต้องเปลี่ยนเส้นทางเพราะนี่คือ ประภาคาร สุดท้ายแม่ทัพใหญ่ต้องเปลี่ยนแปลง เส้นทางเพราะกำลังจะชนประภาคาร

เราชอบให้คนอื่นเปลี่ยนแปลง เราพยายามเปลี่ยนคนอื่น แต่เราไม่ค่อยได้คิดเรื่องตัวเองต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ถ้าเราคิดเรื่องเปลี่ยนแปลงตนเอง ชีวิต ของเราจะดีขึ้นตามพระคำพระเจ้า เราจะเห็นความน่ารักของพระเจ้ามากขึ้น อย่างที่พระองค์เป็น เมื่อเรารับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า

พระคัมภีร์มีคำว่า หว่าน ปรากฎในหลายครั้ง และให้บทเรียนในหลายแง่มุมมาก คำว่า หว่าน เป็นคำกริยา บางครั้งบอกให้เราเป็นคนหว่าน บางครั้งมีพระเจ้าเป็นผู้หว่าน ตัวอย่างเช่นใน มธ13: พระเจ้าเป็นผู้หว่าน เมล็ดคือพระวจนะ จิตใจเราเป็นเหมือนทุ่งนา  บางครั้งพระคัมภีร์ก็บอกว่ามารซาตานและคนอื่นๆ ก็หว่านด้วย เช่นเรื่องข้าวละมาน ข้าวสาลี

สำหรับกาลาเทียที่เรากำลังพูดถึงนั้นเราให้น้ำหนักในฐานะที่เราเป็นผู้หว่านเท่านั้น

ให้เราทำความเข้าใจเนื้อหาของพระธรรมตอนนี้ด้วยกัน พระธรรมตอนนี้กล่าว ถึงเรื่องความประพฤติของคริสเตียน จากข้อ ได้แบ่งความประพฤติของคริสเตียนออกเป็น ประการ

() ความประพฤติที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน

() ความประ พฤติที่ตอบสนองพระวิญญาณ โดยใช้คำว่าหว่านมาเป็นคำเปรียบเทียบเพื่ออธิบายเรื่องนี้

พระธรรมตอนนี้เขียนไปให้พี่น้องคริสเตียนที่คจ.ในแคว้น กาละเทีย และสิ่งที่เราเห็นจากข้อความในข้อที่ คือ คำเตือนสติจาก .เปาโล ต่อผู้ที่เป็นคริสเตียนเหล่า นั้น   ประการ

()อย่าหลงเลย

()อย่าล้อเล่นกับพระเจ้า ไม่ได้ทั้งสองเรื่อง หลงก็ไม่ได้ ล้อเล่นกับพระเจ้าก็ไม่ได้

กท6 ข้อ8 คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น

คนที่หว่านเนื้อหนังก็เก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่า ชีวิตของการหว่านเป็นเรื่องการประพฤติ การดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ไม่ใช่โอกาสในการทำอะไรใหญ่ๆ ในการรับใช้ หรือการฟื้นฟู แต่พูดถึงการดำเนินชีวิตประจำวันที่ออกจากความคิดประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ คำพูด หรือการกระทำ การหว่านดีคือหว่านในส่ิงที่ตอบสนองพระวิญญาณ ส่วนการหว่านชั่วเป็นการหว่านตอบสนองเนื้อหนังของตน

ไม่ว่าคุณทำอะไร ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว คุณกำลังหว่าน ทุกวันเราต้องตระหนักว่าเรากำลังทำอะไร คุณคิดอะไร

ทันทีที่คุณคิด เมล็ดการหว่านเกิดขึ้นแล้ว คุณอยากได้อะไร เรียกร้องอะไร คุณกำลังหว่านแล้ว

เวลาที่ผู้ชายมองหญิงแล้วเกิดใจกำหนัด แค่คิดก็ได้หว่านในการตอบสนองเนื้อหนังแล้ว

ข้อ 8 แบ่งการประพฤติออกเป็นสองประการ หว่านที่ตอบสนองเนื้อหนังกับ หว่านที่ตอบสนองพระวิญญาณ เราต้องระมัดระวังการดำเนินชีวิต แม้คำอุธาน ก็ยังต้องระมัดระวังเลย

พระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเราตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ดังนั้นแม้ร่างกายเราอยู่ภายใต้ความบาป แต่เราต้องใช้มันในทางชอบธรรม เหมือนในพระธรรม รม6:

พระเยซู ส้ินพระชนม์เพื่อชีวิตของเราตลอดเวลา ตั้งแต่เวลาเช้าจนดาวขึ้น ตลอดเวลาที่เราใช้เวลาประพฤติตน หรือทำกิจกรรมอะไร ทำสิ่งใด เราต้องจริงๆจังกับชีวิตการหว่านของเราในทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการประกาศนำวิญญาณคนให้มารับความรอดเพราะเขาได้เห็นชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เขาได้สัมผัส วิถีชีวิตที่พระคริสต์ไถ่แล้ว

พระเยซูอธิษฐานขอให้แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ ในสวรรค์เป็นอย่างไรขอให้เป็นอย่างนั้นในแผ่นดินโลก หมายความว่า พระเยซูขอให้มีส่ิงที่ดีเหมือนสวรรค์อยู่ในคริสตจักร สวรรค์ไม่ใช่สถานที่อีกที่หนึ่ง แต่สวรรค์เป็นที่ประทับของพระเจ้า บรรยากาศของสวรรค์เต็มไปด้วยความรัก ความมีชีวิตชีวา ธรรมชาติของสวรรค์มีความบริสุทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์ เราจะได้เห็นอัศจรรย์ ฤทธิ์เดชของพระเจ้า เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้ในแผ่นดินโลก  ขออย่าให้เราเป็นเหมือนบางคริสตจักร บางแห่งร้อนเหมือนนรก ทะเลาะเบาะแว้งกันตลอด คนอยู่ไม่ได้หนีออกไปหมด

เปาโลเขียนให้พี่น้องแคว้นกาลาเทีย ข้อ7 อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น 

เปาโลเตือน และคำเตือนนี้ ส่งต่อมาถึงเราทั้งหลายทุกคนในการฟื้นฟูครั้งนี้ ดังนั้นขอให้เราเปิดใจออก ถ่อมใจลง ฟังพระสุรเสียงจากพระเจ้าด้วยความตั้งใจจริง แล้วตอบสนองต่อการสำแดงจากพระองค์ที่มาถึงเราทั้งหลายแต่ละคนเป็นส่วนตัวด้วยความจริงใจ

()อย่าหลงเลย

()อย่าล้อเล่นกับพระเจ้า ไม่ได้ทั้งสองเรื่อง หลงก็ไม่ได้ ล้อเล่นกับพระเจ้าก็ไม่ได้

พระคัมภีร์ตอนนี้ โยง เรื่องนี้เข้ากับเรื่อง การหว่าน

สาระของพระธรรมในเรื่องการหว่านนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเรา โดยเปรียบเทียบเรื่องการหว่านเข้ากับสิ่งต่างๆที่พวกเราทำในแต่ละวัน

ส่วนอีกสองประการ ที่เกี่ยวข้องคือ ให้เราระวังความประพฤติของตน อย่าให้ประพฤติผิด คือ หลง หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังแต่หวังว่าจะเก็บเกี่ยวผลในพระวิญญาณ หว่านความชั่วร้ายแล้วจะเก็บเกี่ยวความชอบธรรม รับพระพร อันนี้เราหลงไปแล้ว

เปาโลเมื่อเห็นว่าพี่น้องที่กาลาเทียเริ่มหลงแล้ว ท่านถึงได้เขียนจดหมายมาเตือนไว้ก่อน เพราะคนที่หลงส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังหลง แต่พระเจ้ารู้ว่าเรากำลังหลง ให้เรามาดูความน่ากลัวของการหลงจากพระธรรม

มธ7:21-2321ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ 22เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใหรือ?’ 23เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่าเราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา

คำเตือนแรก คือ อย่าหลง

ขออย่าให้เป็นเราที่หลง เวลาที่เราหลงเราจะไม่รู้ตัว ถ้าเรารู้ตัวว่าเรากำลังหลง เราคงไม่กล้าไปเสนอหน้ากับพระเจ้าขอความดีความชอบ เขาหลงเพราะเขาคิดว่าเขาได้หว่านในฝ่ายวิญญาณ คือ เขาได้รับใช้พระเจ้า แต่พระคัมภีร์บอกว่าเจ้าผู้กระทำชั่ว เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย แสดงว่าเราไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าเราหลง

การหลง คือ การหว่านในส่ิงที่ตอบสนองฝ่ายเนื้อหนัง ซึ่งไม่มีทางจะได้รับพระพรจากพระเจ้าอย่างเด็ดขาด

คุณจะเก็บเกี่ยวแต่ความเปื่อยเน่า ขอให้เราจริงจังเหมือนที่พระเจ้า จริงจังกับเรา อย่าเล่นๆกับพระเจ้า ชีวิตคริสเตียน เล่นๆไม่ได้ .เปาโลเน้นให้เราทั้งหลาย ที่เป็นคนของพระเจ้า

.ทุ่มเทกับการหว่านในสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณอย่างเต็มที่

.ละเว้นจากการหว่านในสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตนอย่างสิ้นเชิง

โดยการชี้แจงให้เห็นผลที่เกิดขึ้นจากการหว่านทั้งสองด้านว่า ถ้าใครหว่านในสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน เขาจะก็เก็บเกี่ยวในสิ่งที่เปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น คือชีวิตของเขาจะไม่มีอะไรที่ดีสักอย่างให้เก็บเกี่ยว

ถ้าใครหว่านในสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะได้เก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น คือชีวิตจะได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่มีค่าสูงสุดของชีวิต ก็คือชีวิตที่เป็นนิรันดร์

คำเตือนที่สอง อย่าล้อพระเจ้าเล่น

พี่น้องคริสเตียนที่กาลาเทียกลุ่มนี้อย่าหลงเลยอย่าหลงอยู่กับความคิดที่เป็นไปไม่ได้แบบนี้อยู่อีกต่อไปเลย และการกระเช่นนั้น เท่ากับเป็นการ ล้อเล่นกับพระเจ้า .เปาโลเตือนพวกเขาว่า อย่าล้อพระเจ้าเล่น และพวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่า จะล้อพระเจ้าเล่นไม่ได้ และน่าจะไม่มีใครคิดจะทำอย่างนั้น เพราะเป็นการกระทำที่แสดงถึงการลบหลู่เกียรติ์ของพระเจ้า

แต่การหว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตนโดยคิดว่าจะไม่ต้องเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังที่หว่านไปนั้นเป็นการหลอกตัวเอง หลงจากความจริงที่ถูกต้องตาม กฏแห่งการหว่าน และเป็นการลบหลู่พระเกียรติ์ของเกียรติ์พระเจ้าอย่างชัดเจน

ประยุกต์เรื่องหว่าน ให้เป็นการดำเนินชีวิตกับทุกๆอย่างที่เราทำ ในชีวิตประจำวัน ขอให้จริงจังกับชีวิต ไม่ว่าจะคิดหรือทำ ส่ิงที่เราเป็นการสะสมต่อยอดไปเพื่อเราเก็บเกี่ยว ฝึกฝนตนเอง เปลี่ยนแปลงตนเอง สอนผู้อื่นช่วยเขา  ชีวิตที่ขึ้นสนิมแล้วเปลี่ยนแปลงยาก เขาจะเบื่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงชีวิต

เราต้องจัดระเบียบชีวิต ให้เราหว่านฝ่ายวิญญาณไม่หว่านฝ่ายเนื้อหนัง เรากำลังหลง หรือกำลังล้อพระเจ้าเล่น ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเรา เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราหว่าน ไม่ว่าจะคิด พูด ทำ ในชีวิตประจำวันของเรา ต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิต

อฟ5:15 เพราะฉะนั้น จงระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าเหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา

การเตือนว่าอย่าหลง แสดงว่ากำลังหลง อย่าหลงไปไกล ขอให้เปลี่ยนตั้งแต่เริ่มต้นหลง จะได้ไม่เสียเวลาโดยระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี ทำให้พิถีพิถันในการดำเนินชีวิต ลองถามตนเองดูเวลาที่ผ่านมาเราระมัดระวังในการดำเนินชีวิตไหม นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปก็ไป อยากนินทาก็นินทา อยากดูก็ดู ให้ระมัดระวังเรื่องชีวิตของตนเอง ไม่ใช่ไประวังเรื่องของคนอื่นนะครับ

ตัวอย่าง เด็กตาดีกว่าหู เด็กดูแล้วเลียนแบบผู้ใหญ่ทำตามได้เลย แต่เวลาเราสอนแล้วสอนอีก ลูกไม่ฟัง หูไม่ดี เราหว่านอะไรในชีวิตลูกเรา เราจะเก็บเกี่ยวอย่างนั้น

ให้ระวังอย่าให้เหมือนคนโง่ พระเจ้าพูดกับเราเพราะเราเป็นคนฉลาด แต่ที่เราโง่ก็เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเราเป็นคนฉลาด  อย่าหลง เราเลยไปดำเนินชีวิตแบบคนโง่ เพราะ ไม่รู้ว่าตัวเองฉลาด

ชีวิตเราเกิดใหม่จากพระวจนะที่ไม่เปื่อยเน่า อยากให้ชีวิตดีเป็นอมตะไม่เปื่อยเน่า เราต้องรักษาชีวิตให้คงอยู่ในพระวจนะตลอด 1ปต1:23 ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากเมล็ดพันธุ์ที่เสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เสื่อมสลาย คือจากพระวจนะของพระเจ้าที่มีชีวิตและดำรงอยู่ 

เปรียบเทียบกับ กท6:8 คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น

เรากำลังเก็บเกี่ยวความเสื่อมสลายเปื่อยเน่า เพราะเรากำลังหลงไปจากพระเจ้า 

ภาคปฎิบัติคือ เราต้องศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน เพื่อเปลี่ยนแปลงและดำเนินชีวิตตามพระวจนะในทุกวัน  หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ คือ วิถีชีวิตที่ตอบสนองน้ำพระทัยพระเจ้า ตามพระวจนะของพระเจ้า  เพราะเราจะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์ในที่สุด เราพลาดไม่ได้ เราต้องระวัง

อย่าหลงเลย อย่าโง่เลย ให้เรามีความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตในพระคริสต์ของเราทุกก้าว ทุกวัน อย่าประมาท อย่าเผลอ และอย่าลืม ขอให้เราทั้งหลายเรียนรู้จักการดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญาจากพระเจ้าทุกวันจริงๆ

เพราะทุกๆก้าวของชีวิตที่ดำเนินไปนั้น คือการหว่าน และมันจะไม่จบแค่นี้ เมื่อวานมันจบไปแล้ว แต่สิ่งตามมาจากผลของ

การหว่านเมื่อวานในชีวิตประจำวันของเราที่ผ่านไปนั้น กำลังก่อตัวขึ้นให้เราได้เก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะอยากเกี่ยวหรือไม่อยากเกี่ยวก็ตาม เราก็ต้องเก็บเกี่ยว เพราะเราหว่านมันลงไปในชีวิตของเราเอง หว่านอะไรเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น

ตื่นหรือยัง รม13:11นอกจากนั้นท่านควรจะรู้ว่านี่เป็นเวลาที่ควรตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าความรอดได้เข้ามาใกล้กว่าสมัยที่เราเริ่มเชื่อนั้น

ตื่นจากหลับได้แล้ว เวลาเดินตอนหลับอยู่ก็น่าจะหลงได้ เราต้องไม่หว่านในเรื่องการตอบสนองของเนื้อหนังเลย คุณต้องทิ้ง ต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดีอย่าเหมือนคนโง่ เพราะเราเป็นคนฉลาด 

คนโง่อยากทำตัวเหมือนคนฉลาด อยากให้คนคิดว่าเขาฉลาดแต่เขาทำไม่เป็น เพราะเขาเป็นคนโง่ เลยอวดฉลาดแต่โชว์โง่ในที่สุด คริสเตียนอวดฉลาดกับพระเจ้าจัง พระเจ้าบอกว่าอย่า แต่เราทำเพราะเราคิดว่าดีกว่าที่พระเจ้าบอก  คิดว่าเราเก่งกว่าพระเจ้า

แต่คนฉลาดสามารถแกล้งทำเป็นคนแสร้งโง่ได้ เพราะเขาเนียนได้ เราที่เป็นคนฉลาดอย่าไปแกล้งเป็นคนโง่ เพราะการเป็นคนโง่ไม่มีคุณค่าที่ควรจะทำ ถ้าเราเป็นคนฉลาดแล้วไปทำเหมือนคนโง่ทำไม อฟ5:15 ขอให้เราระวังในการดำเนินชีวิตด้วยเหตุผลสามประการ

หนึ่ง เพราะชีวิตในพระคริสต์มีค่า

ชีวิตมีค่าเกินกว่าที่เราจะใช้ชีวิตประมาท เวลาเรามีส่ิงมีค่าในบ้านเราต้องระวังอย่างมากใช่ไหม เราไม่กล้าทำให้สิ่งมีค่าเสียหายใช่ไหม เจ้าของเก็บของมีค่าไว้อย่างดีเพราะว่ามันมีค่า ชีวิตเราก็เช่นกันมีค่าสูงมาก เราต้องระมัดระวัง หากเราไม่เห็นคุณค่าตนเองเราจึงใช้ชีวิตอย่างคนไม่มีค่า พระคัมภีร์บอกกับเราว่าเราหว่านสิ่งที่มีค่าเพราะชีวิตเรามีค่า อย่าเอาชีวิตมีค่าไปหว่านในสิ่งไร้ค่า เพราะจะไม่เป็นประโยชน์

สอง ส่ิงที่เราหว่านในวันนี้กำหนดอนาคตข้างหน้า

เราจะเป็นเหมือนที่เราหว่าน ถ้าอยากเห็นชีวิตดี เราต้องหว่านในสิ่งที่ตอบสนองฝ่ายวิญญาณ ทุกวันนี้ที่ชีวิตเราเป็นอย่างนี้ รับผลแบบนี้ ก็เพราะที่ผ่านมาเราได้หว่านอะไรบางอย่าง หากจิตวิญญาณเราในวันนี้ดีขึ้นมาก ก็เป็นเพราะที่ผ่านมาเราได้หว่านสิ่งที่ดี อย่างดี วันนี้เราจึงเก็บเกี่ยว

สาม เพราะบนวิถีชีวิตที่เราเดินมีอันตราย

การหว่านที่ตอบสนองในเนื้อหนังเป็นส่ิงที่อันตรายมาก เพราะถ้าเราไม่ระมัดระวัง เราไม่คิดถึง อันตรายที่เกิดขึ้นกับชีวิตอาจเกิดขึ้นได้ แท้จริงแล้วพระเจ้าห่วงเรา กลัวว่าเราจะเป็นอันตรายหรือเราจะได้รับอันตราย  พระเจ้าบอกให้เราหยุด บอกให้เราเปลี่ยนเส้นทาง เพราะมีอันตรายสำหรับชีวิตของเรา

ขอให้เราปรับชีวิตเราใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงการหว่านของเรา

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน 

บทความก่อนหน้านี้หว่านตอนที่ 1“การหว่านสัมพันธ์กับเวลา”
บทความถัดไปหว่านตอนที่ 3 “ตั้งใจทุ่มเทและตั้งใจละทิ้งในการหว่าน”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่