กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์
อาทิตย์ที่ 19 พ.ค. 19 คริสตจักรชีวิตรุ่งเรือง
สภษ30:24-28 คุณค่าของปัญญา
ตอน : ปัญญาสร้างสุขในชีวิต
1.เตรียมตัว (ข้อ25) เหมือนมด
2.ปรับตัว (ข้อ26) เหมือนกระจงผา
3.ฝึกตัว (ข้อ27) เหมือนตั๊กแตน
4.สร้างตัว (ข้อ28) เหมือนแมงมุม
24มีสี่สิ่งในโลกที่เล็กเหลือเกินแต่มีปัญญามากเหลือล้น
25มด เป็นประชากรที่ไม่แข็งแรง แต่มันยังเตรียมอาหารของมันไว้ในฤดูแล้ง
26ตัวกระจงผา เป็นประชากรที่ไม่มีกำลัง แต่มันยังสร้างบ้านของมันในซอกหิน
27ตั๊กแตนปาทังก้าไม่มีราชาแต่มันทั้งหมดยังเดินขบวนเป็นแถว
28จิ้งจกนั้น เจ้าเอามือจับได้ แต่มันยังอยู่ในพระราชวัง
(ภาษาเดิมแปลว่า แมงมุม(สายพันธ์หนึ่งของกิ้งก่า)มันชำนาญในการจับ เหยื่อด้วยมือของมันเอง และมันอาศัยในวังของพระราชา)
การสอนโดยใช้ตัวอย่างประกอบทำให้ผู้เรียน หรือผู้ฟัง สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้โดยง่าย ตัวอย่างที่นำมาใช้ประกอบการสอน บางครั้งก็เป็นชีวิตคน หรือเหตุการณ์ที่น่าสนใจ คนไทยก็มีสอนเรื่องกระต่ายกับเต่า
แต่พระธรรมสุภาษิตตอนนี้ อากูร์นำชีวิตสัตว์ มาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเรียนรู้เรื่องปัญญาผ่านสัตว์สี่ ชนิด จากลักษณะการดำเนินชีวิตของมัน
สิ่งเล็กๆทั้งสี่เปรียบเทียบได้กับ คนที่ไม่มีอำนาจ ไม่มีความแข็งแรง อ่อนแอ ไม่มีคนปกป้อง แต่มีปัญญา ใช้ปัญญาสร้างสุขในชีวิต
โยบ12:7-8 “แต่จงถามสัตว์ทั้งหลาย และมันจะสอนท่านจงถามนก บนฟ้า และมันจะบอกท่าน8จงพูดกับแผ่นดินโลก และมันจะสอนท่านและถาม ปลาในทะเล มันจะแจ้งแก่ท่าน
เนื้อหาของสุภาษิตบทที่ 30 ถ้อยคำของอากูร์หรือสติปัญญาของอากูร์ มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องการมีสติปัญญา อากูร์น่าจะเป็นนักปรัชญา นัก ปราชญ์ หรือเป็นอาจารย์ ชื่ออากูร์ เขาเป็นใคร? จากหลักฐานภายใน
นหม11:7 และต่อไปนี้ เป็นพงศ์พันธุ์เบนยามิน คือ สัลลู บุตรเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรโยเอด ผู้เป็นบุตรเปดายาห์ ผู้เป็นบุตรโคลายาห์ ผู้เป็นบุตรมาอา เสยาห์ ผู้เป็นบุตรอิธีเอล ผู้เป็นบุตรเยชายาห์
เปรียบเทียบกับ สภษ30:1ถ้อยคำของอากูร์ บุตรของยาเคห์แห่งมัสสา ชายคนนั้นพูดกับอิธีเอลกับอิธีเอลและอูคาลว่า
แต่ก็เป็นปัญหาเรื่องช่วงเวลาที่เนหะมีย์ เป็นเหตุการณ์ห่างจากกษัตริย์ โซโลมอนผู้รวมรวมพระธรรมสุภาษิตไว้ประมาณ 500ปี ซึ่งห่างกันมาก
บริบทของพระคัมภีร์ตอนนี้เป็นเรื่องสติปัญญาของสิ่งต่างๆที่พระเจ้า ทรงสร้าง สะท้อนปัญญาของผู้ทรงสร้าง นำเรื่องสัตว์มาสอนเราใช้ปัญญาสร้างสุขในชีวิตได้ ถ้าเรายำเกรงพระเจ้าเราเรียนรู้จากสัตว์เหล่านี้ได้
สุภาษิต 9:10 ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของ ปัญญา และการรู้จักองค์บริสุทธิ์เป็นความรอบรู้
ความยำเกรงพระเจ้า ทำให้เกิดปัญญา พระธรรมสุภาษิตตลอดเล่ม กล่าวว่า ความยำเกรงพระเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งสติปัญญา ให้เรามาเรียนรู้ “คุณค่าของสติปัญญา” ตอน ปัญญาสร้างสุขในชีวิต 4 ประการ
1.เตรียมตัว (ข้อ25) เหมือนมด
มดมีปัญญาในเรื่อง การเตรียมตัวในปัจจุบันนี้ มีการวางแผนสำหรับ อนาคต รู้จักทำงานวันนี้เพื่ออนาคตข้างหน้า มีกินในอนาคตมีความสุข แน่นอน คุณค่าของปัญญา คือ ปัญญาสร้างสุขให้ชีวิตได้ เริ่มต้นที่จะเตรียมตัว
มดมีความขยันขันแข็ง สะสมจากเล็กน้อย มดตัวเล็กไม่แข็งแรง แต่ เตรียมอาหารไว้ในฤดูแล้ง
สภษ6:6-8 คนเกียจคร้านเอ๋ย ไปหามดไป๊พิเคราะห์ดูทางของมัน และ จงมีปัญญา 7โดยปราศจากหัวหน้าเจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครอง 8มันเตรียมอา หารของมันในฤดูแล้งและสะสมเสบียงของมันในฤดูเกี่ยว
คนมีปัญญารู้ว่าอะไรสำคัญ รู้ว่าอาหารการกินสำคัญต่อฝ่ายร่างกาย คนมีปัญญาก็ต้องรู้ว่าอาหารฝ่ายวิญญาณก็สำคัญต่อชีวิตฝ่ายวิญญาณ
คนมีปัญญารู้จักการใช้เวลา เพราะมีเวลาแห้งแล้วหมายความว่าเรา จะทำการหาอาหารไม่ได้ มีเวลากันดาร มีเวลาอุดมสมบูรณ์ มีเวลามีกินมีใช้ ไม่ขัดสน ดังนั้นต้องรู้จักเตรียมตัวอดออมสะสม เก็บเล็กผสมน้อย ทีละนิดที ละน้อย
คนมีปัญญาต้องรู้ว่ากิจกรรมแบบไหนเหมาะสมกับช่วงเวลาแบบไหน อะไรที่จะทำไม่ได้ในอนาคต หากมีโอกาสทำต้องทำตอนนี้ก่อนไม่ต้องรอ
อนาคตฝ่ายกายภาพเราอยู่ที่ไหน? แต่อนาคตฝ่ายวิญญาณเราอยู่ที่ พระเจ้า วันหนึ่งเราจะถูกพิพากษาต่อหน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เตรียมตัวที่ จะพบกับพระเจ้าเมื่อเราจบชีวิตในโลกนี้
2 โครินธ์ 5:10 เพราะว่าเราทุกคนจำเป็นต้องปรากฏตัวต่อ หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อแต่ละคนจะได้รับสิ่งที่สมกับการกระทำในกาย นี้ ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว
วว20:4ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งอยู่บนนั้นได้รับมอบ อำนาจในการพิพากษาข้าพเจ้าเห็นดวงวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกตัด ศีรษะเพราะการเป็นพยานถึงพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า พวก เขาไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายหรือรูปของ มัน และไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่ หน้าผากหรือที่มือของเขา เขาทั้งหลายกลับมีชีวิตขึ้นอีกและครอบครองร่วม กับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี
วว20:11-15 11แล้วข้าพเจ้าเห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาวและเห็นพระองค์ผู้ ประทับบนพระที่นั่งนั้น แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ก็หายไปจากพระพักตร์ของ พระองค์ และไม่มีใครพบเห็นที่อยู่ของพวกมันอีกเลย 12ข้าพเจ้ายังเห็น บรรดาคนตาย ทั้งคนใหญ่โตและคนเล็กน้อยยืนอยู่หน้าพระที่นั่งนั้น แล้วหนัง สือต่างๆ ก็ถูกเปิดออก และหนังสืออีกเล่มหนึ่งก็ถูกเปิดออกด้วย คือหนังสือ แห่งชีวิต คนตายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของเขาทั้งหลายที่เขียนไว้ใน หนังสือเหล่านั้น 13ทะเลก็ส่งคืนคนตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนคน ตายก็ส่งคืนคนตายที่อยู่ในนั้น แต่ละคนก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของ ตน 14แล้วความตายและแดนคนตายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละ คือความตายครั้งที่สอง 15และถ้าพบว่าใครไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต เขาก็จะถูกโยนลงไปในบึงไฟ
อนาคตฝ่ายวิญญาณจะนิรันดรกว่า ชีวิตฝ่ายกายภาพ แล้วเราใช้ชีวิต ในฝ่ายกายภาพเพื่อเนื้อหนัง หรือเพื่อเก็บเกี่ยวฝ่ายวิญญาณขอให้เราเตรียมตัวเพื่อชีวิตนิรันดร
ถ้าพระเจ้าสร้างโลกนี้ได้จริง พระเยซูเป็นพระเจ้ามาเกิดในประวัติ ศาสตร์มนุษย์จริง คริสตจักรยังประกาศเรื่องพระเจ้าทุกวันนี้ การเขียนพระคัมภีร์หนึ่งเล่มไม่ยากเลย เนื้อหาพระคัมภีร์เป็นจริง เพราะพระเจ้าผู้ให้เขียนเป็นจริง
2.ปรับตัว (ข้อ26)
กระจงผา (hyraxes or coney) ลักษณะเหมือนกระต่าย หรือหนูตัวยักษ์
มีปัญญาในเรื่อง รู้จักตนเองรู้ว่าตัวเองอ่อนแอ ชีวิตอาจไม่ปลอดภัย ต้องหาที่ซ่อนตัวเพื่อให้ชีวิตปลอดภัย
มันปรับตัวเพื่อความปลอดภัยให้ตนเอง แทนที่จะวิ่งหนีเสือ สิงห์โต มันปรับตัวเข้าไปหลบในซอกหินผา เมื่อเจอเสือ สิงห์โต คุณค่าของปัญญา คือ ปัญญาสร้างสุขให้ชีวิตได้
มันปรับตัวโดยใช้พละกำลังของมันในการปีนเพื่อหลบศัตรู แทนที่จะวิ่ง หนีศัตรู เข้าไปที่ปลอดภัยจากศัตรู
สดด104:18 ภูเขาสูงเป็นของเลียงผาหินเป็นที่ลี้ภัยของตัวกระจงผา
มนุษย์เราคิดว่าตัวเองแข็งแรงกว่า ฉลาดกว่า จึงมีความหยิ่งผยอง โดยเฉพาะต่อพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขามา แต่คริสเตียนเป็นคนที่รู้ว่ามนุษย์เรา อ่อนแอ เราต้องการพระเจ้า โดยเฉพาะเรื่องการยกโทษบาป ให้รอดพ้นจาก การลงพระอาชญาของพระเจ้า ในวันพิพากษา
พระเจ้าเป็นศิลา เป็นที่ลี้ภัย คนชอบธรรมวิ่งเข้าไปและซ่อนตัวจากศัตรู พระคริสต์เป็นศิลาในชีวิต ส่วนคนที่ไม่เชื่อจะพบอันตรายในวันสุดท้าย
สดด 62:5-7 จิตใจของข้าพเจ้าสงบคอยพระเจ้าเท่านั้น เพราะความ หวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์ 6พระองค์เท่านั้นทรงเป็นศิลาและความรอด ของข้าพเจ้าทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว7สวัสดิ ภาพและเกียรติของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้า ศิลาแข็งแกร่งและที่ลี้ภัยของ ข้าพเจ้าคือพระเจ้า
สดด31:1-4ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ขออย่าให้ ข้าพระองค์อับอายเลยขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นภัยโดยความชอบธรรม ของพระองค์ 2ขอเงี่ยพระกรรณมายังข้าพระองค์ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์โดย เร็วเถิดขอทรงเป็นศิลาลี้ภัยของข้าพระองค์เป็นป้อมปราการที่จะช่วยข้าพระ องค์ให้รอด 3พระองค์ทรงเป็นศิลาและเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ ขอทรงนำทางข้าพระองค์ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์ 4ขอทรงปลดข้า พระองค์ออกจากข่ายที่ดักข้าพระองค์อยู่เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้า พระองค์
สดด32:7พระองค์ทรงเป็นที่กำบังของข้าพระองค์พระองค์ทรงปกป้อง ข้าพระองค์จากความยากลำบากพระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์ไว้ด้วยเพลง ฉลองการช่วยกู้
ไม่มีพระเจ้าเราไม่มีความหวังสำหรับความรอด การถูกทำลาย การรอด พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก แต่ในพระเจ้าเราพระสัญญาของพระองค์ที่เรา เชื่อ ที่เรายึดมั่น เรามีความหวังในการช่วยกู้ ในการปกป้องของพระเจ้า
เราอาจจะดูเหมือนเสียเสรีภาพหรืออิสระบ้างที่มาเชื่อพระเจ้า วันอาทิตย์ต้องมาคริสตจักร ทำบาปไม่ได้ แต่การมีชีวิตอยู่ใกล้ชิดพระเจ้าดีกว่าการอยู่ใกล้ชิดโลก เหมือนกระจงผาคงอยากไปเที่ยวทะเลบ้าง ไปเที่ยวป่าบ้างแต่สถานที่เหล่านั้นมันอัตรายกับชีวิต หากเจอศัตรู เพราะไม่มีภูเขาสำหรับลี้ภัย ไม่มีที่ปลอดภัยสำหรับชีวิตนั้นมันอันตราย
3.ฝึกตัว (ข้อ27)
ตั๊กแตนมีปัญญาในเรื่อง การฝึกตัว ให้มีระเบียบวินัย ไม่ทำตามใจตน เอง มีการฝึกตัว ฝึกฝน มีการฝืนใจตนเอง คุณค่าของปัญญา คือ ปัญญา สร้างสุขให้ชีวิตได้
ตั๊กแตนมีปัญญาในเรื่อง ฝึกตัวให้มีความเป็นเอกภาพ อยู่เป็นกลุ่มก้อน เป็นชุมชนที่มีพลัง แม้ไม่มีผู้นำแต่ก็รวมพลังได้ รู้ว่าถ้าอยู่ลำพังจะไม่มีพลัง แม้ว่าการอยู่ลำพังจะง่ายกว่าก็ฝึกตัวให้อยู่กับตัวอื่นๆ แม้ดูยากกว่าแต่เพื่อ ให้มีพลัง จึงต้องฝึกตัว
ตั๊กแตนไม่มีราชา แต่เดินเป็นขบวน แสดงว่ามีวินัยสูง การมีวินัยสูงต้อง ฝึกตัว แต่ละตัวมีความเคารพกันและกัน เพราะไม่มีหัวหน้าควบคุมงาน แต่ ละตัวยังรู้ว่าต้องทำหน้าที่อะไร ต้องประสานงานกันอย่างไร เพื่อรักษาความ เป็นเอกภาพเพื่อให้มีพลัง
คริสตจักรแม้ไม่เห็นพระเยซูผู้เป็นศรีษะของคริสตจักรก็ต้องทำงาน อย่างมีสติปัญญาแบบตั๊กแตน คริสเตียนต้องฝึกตัว รู้ว่าต้องดำเนินชีวิตอย่าง ไร มีวินัย ต้องรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ มีความรับผิดชอบ
ยอล2:7-8พวกมันวิ่งเหมือนนักรบและปีนกำแพงเหมือนทหารต่างก็เดิน ตามทางของตัวเอง พวกมันเดินอย่างไม่แตกแถว8พวกมันไม่ชนกันเลยต่าง ก็เดินอยู่ในทางของตนมันตะลุยฝ่าอาวุธและไม่มีอะไรอาจยับยั้งได้
ถ้าเราเป็นตั๊กแตนตัวเดียวเราจะไม่มีพลัง เราต้องฝึกตัว จึงเป็นคนมี ปัญญา มีวินัย สร้างพลังด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีเอกภาพให้ได้
4.สร้างตัว (ข้อ28)
28จิ้งจกนั้น เจ้าเอามือจับได้ แต่มันยังอยู่ในพระราชวัง (ภาษาเดิม แปลว่า แมงมุม (เหมือนเป็นสายพันธ์หนึ่งของกิ้งก่า) มันชำนาญในการ จับเหยื่อด้วยมือของมันเอง และมันอาศัยในวังของพระราชา) ที่คิดว่า แปลเป็น “แมงมุม” เพราะคนยิวในอดีตให้ความหมายอย่างนั้น
จากทัลมุด หรือพระคัมภีร์ยิวโบราณใช้คำว่า แมงมุม (Akkabish) ใน สภษ30:28 ตอนนี้ ซึ่งคำว่าแมงมุมมีอีกสองตอนจาก อสย59:5พวกเขาฟักไข่งูทับทางเขาทอใยแมงมุมคนที่กินไข่ของพวกเขา ก็ตายไข่ใบไหนถูกทุบแตก งูกะปะก็ออกมา และ
โยบ8:14สิ่งที่เขาไว้ใจ จะหักสะบั้นและสิ่งที่เขาวางใจจะบอบบางอย่างใยแมงมุม ใช้คำ เดียวกันว่าเป็น “แมงมุม”
แต่ในสภษ30:28 ใช้คำว่า (ma-mit) ซึ่ง7ถ้าจะแปลว่า “จิ้งจก” ในตอนนี้น่าจะใช้รากศัพท์ฮีบรูว่า ในลนต11:30 ใช้คำว่า ละธาอาห์
(“In Leviticus xi. 30, the word Lizard is used as the rendering of the Hebrew word letââh (pronounced as L’tâh-âh).”)