กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ เทศนา

อาทิตย์ที่ 5 พ.ค. 19  คริสตจักรนิมิตไทย

ยน6:1-15 พระคริสต์เป็นคำตอบอัศจรรย์

1.รู้ว่าพระเยซูคริสต์ทำอัศจรรย์ (ข้อ11-13)

2.ให้พระเยซูคริสต์ทำอัศจรรย์ในชีวิต (ข้อ9-13)

1หลังจากนั้นพระเยซูเสด็จข้ามทะเลสาบกาลิลีหรือที่เรียกว่าทะเลทิเบเรียส 2มหาชนก็ตามพระองค์ไป เพราะพวกเขาเห็นหมายสำคัญต่างๆ ที่พระองค์ทรงทำต่อบรรดาคนป่วย 3พระเยซูเสด็จขึ้นไปบนภูเขาและประทับอยู่กับพวกสาวกของพระองค์ 4ขณะนั้นใกล้จะถึงปัสกาซึ่งเป็นเทศกาลของพวกยิว 5พระเยซูเงยพระพักตร์ขึ้นและทอดพระเนตรเห็นมหาชนพากันมาหาพระองค์ พระองค์จึงตรัสกับฟีลิปว่าพวกเราจะซื้ออาหารให้คนเหล่านี้กินได้ที่ไหน?” 6พระองค์ตรัสอย่างนั้นเพื่อจะทดสอบฟีลิป เพราะพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่าพระองค์จะทรงทำอย่างไร 7ฟีลิปทูลตอบพระองค์ว่าสองร้อยเดนาริอัน ก็ยังไม่พอซื้ออาหารให้พวกเขากินกันคนละเล็กละน้อย” 8สาวกคนหนึ่งของพระองค์คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า 9ที่นี่มีเด็กชายคนหนึ่งมีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่เท่านั้นจะพออะไรกับคนมากอย่างนี้?” 10พระเยซูตรัสว่าให้ทุกคนนั่งลงเถิด” (ที่นั่นมีหญ้ามาก) คนเหล่านั้นจึงนั่งลง นับแต่ผู้ชายได้ประมาณห้าพันคน 11แล้วพระเยซูก็ทรงหยิบขนมปัง เมื่อขอบพระคุณแล้วก็ทรงแจกจ่ายให้บรรดาคนที่นั่งอยู่นั้น และให้ปลาด้วยตามที่เขาต้องการ 12เมื่อพวกเขากินอิ่มแล้วพระเยซูตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่าจงเก็บเศษอาหารที่เหลือไว้ อย่าให้มีสิ่งใดตกหล่น” 13พวกเขาจึงเก็บเศษขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนที่เหลือหลังจากทุกคนกินแล้วใส่กระบุงได้สิบสองกระบุงเต็ม 14เมื่อคนทั้งหลายเห็นหมายสำคัญที่พระองค์ทรงทำ พวกเขาจึงพูดกันว่าแท้จริงท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้นที่จะมาในโลก

15เมื่อพระเยซูทรงทราบว่าพวกเขาจะมาจับพระองค์ไปตั้งให้เป็นกษัตริย์ พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาอีกตามลำพัง

ในโลกเราทุกวันนี้นี้ต้องการอัศจรรย์อย่างมาก ดูได้จากการ์ตูนต่างๆตอนที่เราเป็นเด็กๆ เราได้ดูโดราเอมอน ซินเดอเลนล่ากับเจ้าชาย อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ สำหรับการ์ตูนไทยก็มีเช่น เทพารักษ์กับชายตัดฟืน สังข์ทองเรียกปลา นิทานเหล่านี้ในวัยเราเป็นเด็กสะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์เราต้องการการอัศจรรย์ ส่ิงที่เกินธรรมชาติ

สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ของเราทุกวันนี้ต้องการอัศจรรย์หรือไม่ ?

ชีวิตส่วนตัวของท่านวันนี้ต้องการอัศจรรย์หรือไม่ ? เวลาเราเจอปัญหาวิกฤติ ที่เราแก้ไขไม่ได้รับมือไม่ได้ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย เราต้องการทางออกอัศจรรย์ไหม?

บริบทของพระคัมภีร์ตอนนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องหมายสำคัญอัศจรรย์ที่พระเยซูทำ เพื่อช่วยคนที่เจอปัญหาวิกฤติในชีวิต คือ การเลี้ยงคน 5,000 คนด้วยขนมปัง 5 ก้อน ปลา 2ตัว ส่วนครั้งที่สอง 2 ที่พระองค์ทำอัศจรรย์ในเรื่องเดียวกันนี้ มก8:5-8 พระองค์ใช้ขนมปัง 7 ก้อน กับปลา 2 ตัว เลี้ยงคน 4,000 คน เหตุการณ์นั้นทำให้สาวกรู้ว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่มาจากพระเจ้า 

อัศจรรย์ก่อนหน้าเหตุการณ์ ยน6: เลี้ยงคน 5,000 คนในครั้งนี้ก็มี เช่น ยน2:11 พระเยซูเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่น

ยน4:54 พระเยซูรักษาบุตรชายของข้าราชการ

ดังนั้นบริบทของพระคัมภีร์ตอนนี้เป็นเรื่องการอัศจรรย์ ดังนั้นวันนี้เราจะมาศึกษาเรื่อง พระคริสต์เป็นคำตอบอัศจรรย์ นี่คือหัวข้อคำเทศนา

1.คนที่รู้ว่าพระเยซูคริสต์ทำอัศจรรย์ (ข้อ11-13)

ในเวลานั้นดูเหมือนเหล่าสาวก และฝูงชนจะไม่รู้ว่าพระเยซูทำอัศจรรย์ได้ ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว อยู่ในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาไม่มีอาหารทาน จะหาอาหารจากที่ไหน

มก6:35 เมื่อเวลาผ่านไปเกือบจะค่ำแล้ว พวกสาวกมาทูลพระองค์ว่าที่นี่เป็นถิ่นทุรกันดาร และตอนนี้เวลาก็เย็นมากแล้ว 

แต่เราในสมัยนี้น่าจะรู้แล้ว ว่าพระคริสต์ทำอัศจรรย์ได้ แต่เรามีประสบการณ์อัศจรรย์กับพระเยซูไหม เราเชื่อไหมในเรื่องการอัศจรรย์

การแก้ไขปัญหาของสาวก เมื่อพระเยซูลองทดสอบเขา (5) “จะซื้ออาหารให้คนเหล่านี้กินได้ที่ไหน  ฟิลลิปแก้ไขปัญหาด้วยเงิน (6) ส่วนอันดรูว์ (9) นำเด็กชายที่มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวมาหาพระเยซู แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร แต่พระเยซูทำอัศจรรย์เลี้ยงคนทั้งหมดได้ 

ลก9:14เพราะมีผู้ชายอยู่ที่นั่นประมาณห้าพันคน พระองค์จึงสั่งพวกสาวกของพระองค์ว่าจงให้พวกเขานั่งลงเป็นหมู่ๆ หมู่ละประมาณห้าสิบคน” พระคัมภีร์บอกวิธีเลี้ยงดูคือ ให้นั่งเป็นวงวงละ50 คน เท่านั้น

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นหมายสำคัญอัศจรรย์จริงๆ ที่เด็กๆมีส่วนร่วมในการมอบถวายให้กับพระเจ้าด้วยปลาสองตัว ขนมปังห้าก้อน

ส่วนคนที่ไม่เชื่อเรื่องอัศจรรย์ก็พยายามอธิบายว่า เมื่อฝูงชนเห็นการ มีส่วนร่วมของเด็กในการถวาย ส่งผลทำให้คนอื่นๆที่มีอาหารติดตัวมาก็ได้นำออกมาแบ่งปันให้คนอื่นๆเช่นกัน พวกเขาเชื่อว่าใกล้เทศกาลปัศกาแล้วคนเดินทางคงต้องมีการเตรียมอาหารมาให้พอกับการเดินทางอยู่บ้าง

พระคัมภีร์เริ่มต้น ยน6:2,14  เริ่มต้นและลงท้ายว่าเรื่องนี้เป็นหมายสำคัญอัศจรรย์ 

2มหาชนก็ตามพระองค์ไป เพราะพวกเขาเห็นหมายสำคัญต่างๆ ที่พระองค์ทรงทำต่อบรรดาคนป่วย

14เมื่อคนทั้งหลายเห็นหมายสำคัญที่พระองค์ทรงทำ พวกเขาจึงพูดกันว่าแท้จริงท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้นที่จะมาในโลก

คนไม่เชื่ออัศจรรย์แต่ต้องการการอัศจรรย์ แต่เราไม่สามารถรับคำตอบ อันอัศจรรย์จากพระเยซูคริสต์ได้ ถ้าเราไม่รู้ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า เป็นองค์อัศจรรย์ และทำอัศจรรย์เพื่อเราได้

ก่อนหน้านั้นพวกเขาเข้าใจว่า พระเยซูเป็นหมอ (2) ,เป็นผู้เผยวจนะ (14,32) ,เป็นกษัตริย์ (15) แต่พระเยซู บอกว่าพระองค์เป็นพระเจ้า เป็นผู้ให้อาหารแห่งชีวิตนิรันดร์ (40,35) 40เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตรและวางใจพระองค์มีชีวิตนิรันดร์ และเราเองจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย

ส่วนคนไม่เชื่อก็เข้าใจว่าพระเยซู เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์

หลังจากเหตุการณ์นี้พวกสาวกรับใช้เกิดผลมีคนเชื่อ 3,000 คนในเยรูซาเล็ม กจ2:41,และเพิ่มขึ้น กจ4:4 เป็น 5,000 คน ปัญหาการขาดแคลนอาหารเกิดขึ้นเวลานั้น คือ คนยิวเดินทางมาร่วมเทศกาลเพนเทคอสต์ พวกเขาคงเตรียมเสื้อผ้า เงินทองและอาหารมาเพียงพอร่วมงานและเดินทางกลับบ้านเกิดของตน แต่พอมาเชื่อพระเจ้า เลยต้องอยู่นานขึ้นเพื่อสามัคคีธรรมและเรียนพระวจนะ ทำให้ต้องมีอาหารทาน การอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นแต่ไม่เหมือนที่พระเยซูทำ แต่อัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนของพระเจ้า

กจ4:32-37 32คนทั้งหลายที่เชื่อนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่มีใครอ้างว่าสิ่งของที่ตนมีอยู่นั้นเป็นของตนเอง แต่ทั้งหมดเป็นของส่วนกลาง 33และด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่บรรดาอัครทูตก็เป็นพยานถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระคุณอันยิ่งใหญ่อยู่กับพวกเขาทุกคน 34เพราะว่าในพวกเขาไม่มีใครขัดสน ใครมีไร่นาบ้านเรือนก็ขายเสีย 35และนำเงินค่าของที่ขายได้นั้นมาวางไว้ที่เท้าของบรรดาอัครทูต พวกอัครทูตจึงแจกจ่ายให้ทุกคนตามความจำเป็น 36โยเซฟผู้ที่บรรดาอัครทูตเรียกว่า บารนาบัส ซึ่งแปลว่าลูกแห่งการหนุนน้ำใจ เป็นเลวีชาวเกาะไซปรัส 37มีที่ดินก็ขายเสีย และนำเงินค่าที่ดินนั้นมาวางไว้ที่เท้าของพวกอัครทูต

ความรอดเป็นเรื่องอัศจรรย์จากพระเจ้า สำหรับเรา

ฮบ2:3-4

3เราจะรอดพ้นได้อย่างไร? ถ้าเราละเลยความรอดอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความรอดนั้นได้เริ่มขึ้นโดยการประกาศขององค์พระผู้เป็นเจ้า และบรรดาผู้ที่ได้ยินพระองค์ก็รับรองกับเราว่าเป็นความจริง 4ทั้งนี้พระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วยโดยหมายสำคัญ การอัศจรรย์ และการอิทธิฤทธิ์ต่างๆ นานา และโดยของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระประสงค์ของพระองค์

การไถ่บาปโดยพระเยซู เป็นเรื่องอัศจรรย์ลบบาปเพียงครั้งเดียวสำหรับตลอดไป ฮบ10:12-14,18 

12แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายเครื่องบูชาเพื่อลบบาปเพียงครั้งเดียวสำหรับตลอดไปแล้ว พระองค์ก็ประทับเบื้องขวาของพระเจ้า 13เพื่อทรงคอยอยู่จนกว่าศัตรูของพระองค์ถูกนำมาเป็นที่รองพระบาทของพระองค์ 14โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ทรงทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์ตลอดไป 

18เมื่อมีการยกโทษบาปแล้ว ก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาเพื่อลบบาปอีกต่อไป

สดด86:10 เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่และทรงทำการอัศจรรย์ต่างๆพระองค์แต่ผู้เดียวทรงเป็นพระเจ้า

(ทุกวันนี้เรารู้ไหมว่าพระคริสต์ทำอัศจรรย์ได้)

2.ให้พระเยซูคริสต์ทำอัศจรรย์ในชีวิตเรา

(ข้อ9-13)

เฉพาะในพระธรรมยอห์นมีการอัศจรรย์ 7 ครั้ง การเลี้ยงคน 5,000 คนในครั้งนี้เป็นอัศจรรย์ครั้งที่ 4 ในพระธรรมยอห์น

เมื่อเรารู้ว่าพระเยซูคริสต์ทำอัศจรรย์ได้ยังไม่พอ เราต้องให้พระองค์ทำอัศจรรย์ในชีวิตของเราด้วย เราต้องเปิดโอกาสให้มีการอัศจรรย์เกิดขึ้นในชีวิตของเราด้วย ตัวอย่างอัศจรรย์เหล่านั้น เช่น การไถ่เราจากผลของความบาป พระเจ้าเปลี่ยนลักษณะชีวิตของเรา พระเจ้าช่วยเราในสถานการณ์ ที่ยากลำบาก ความยากจน เลี้ยงดูเรา รักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยของเรา

(ผมมาเชื่อพระเจ้า มีประสบการณ์พระเจ้า ให้หายจากการสูบบุหรี่ ปอดเป็นปกติหลังจากไอเป็นเลือดจนหายใจไม่ออก)

มีหลายคนในพระคัมภีร์ ที่ขอให้พระเยซู คริสต์ทำอัศจรรย์รักษาโรคในชีวิตเขา นับดูได้ประมาณ 26 เหตุการณ์  แต่ถ้ารวมอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ คิดเป็นการอัศจรรย์ทั้งหมด 35 ครั้ง

ตัวอย่างการอัศจรรย์รักษาโรคจากพระกิตติคุณ

การรักษาชายตาบอดที่เบธไซดา มก8:22-26

ทำให้ลาซารัสฟื้นจากความตาย ยน11:3-4

บุตรสาวของไยรัส มธ9:18-26

อัศจรรย์ของพระเจ้า เป็นเอกสิทธิ์ของพระเจ้า พระเจ้าจะทำหรือไม่ทำเพื่อเราก็ได้ เราไม่มีทางบังคับพระเจ้าให้ทำเพื่อเราได้

อัศจรรย์ของพระเจ้า เป็นพระคุณของพระเจ้า ไม่ขึ้นอยู่กับความดี ความสามารถ หรือการบนบานของเรา

อัศจรรย์ของพระเจ้า เป็นผลดีต่อเราและอณาจักรของพระเจ้า ไม่ทำให้เราตายฝ่ายวิญญาณ ไม่ทำให้เนื้อหนังและบาปทำลายชีวิตฝ่ายวิญญาณ

แต่เราจะรอแต่อัศจรรย์ทุกเรื่องโดยไม่ทำหน้าที่ของตนเองไม่ได้

เราต้องรู้ว่าพระเจ้าเป็นองค์อัศจรรย์ พระองค์จึงทำอัศจรรย์เพื่อเราได้

ขอสรุปการอัศจรรย์ที่กล่าวมาโดยใช้ตัวอย่างประสบการณ์ของเอลียาห์ และเอลีชา ที่พระคัมภีร์ยืนยันว่า การอัศจรรย์ของพระเจ้าเลี้ยงดูชีวิตเราได้ เมื่อเรามีส่วนร่วมในพันธกิจของพระเจ้า  ในคนของพระเจ้า  ในงานรับใช้ของพระเจ้า เหมือนที่พระเยซูให้เด็กน้อยได้มีส่วนรับใช้ด้วยขนมปังห้าก้อน กับปลาสองตัว เด็กได้มีประสบการณ์เห็นคนห้าพันคนได้รับการเลี้ยงดูอย่าง อัศจรรย์ โดยอัศจรรย์นั้นเขาได้มีส่วนร่วมด้วย

เอลียาห์ช่วยหญิงม่ายชาวเศราฟัท 1พกษ17:8-16

แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเอลียาห์ว่า 9“จงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท ซึ่งขึ้นกับเมืองไซดอน และอาศัยอยู่ที่นั่น นี่แน่ะ เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นให้เลี้ยงเจ้า” 10ท่านจึงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท และเมื่อมาถึงประตูเมือง นี่แน่ะ หญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นกำลังเก็บฟืน ท่านจึงเรียกนางว่าขอเอาน้ำใส่ภาชนะมาให้ฉันสักหน่อย เพื่อฉันจะได้ดื่ม” 11ขณะเมื่อนางจะไปเอาน้ำมา ท่านก็เรียกนางแล้วบอกว่าขอนำขนมปังใส่มือมาให้ฉันสักหน่อยหนึ่ง” 12และนางตอบว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดิฉันไม่มีขนมปังเลย มีแต่แป้งสักกำมือหนึ่งในหม้อ และน้ำมันเล็กน้อยในไห ดูสิ ดิฉันกำลังเก็บฟืนสองสามอัน เพื่อจะเข้าไปทำขนมสำหรับตัวเองและลูกชาย เพื่อเราจะได้กินแล้วก็ตาย” 13แต่เอลียาห์บอกนางว่าอย่ากลัวเลย จงไปทำตามที่เธอพูด แต่จงทำขนมก้อนเล็กให้ฉันก่อน แล้วเอามาให้ฉัน ภายหลังจึงทำสำหรับตัวเธอและลูกของเธอ 14เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่าแป้งในหม้อนั้นจะไม่ขาด และน้ำมันในไหนั้นจะไม่หมด จนกว่าจะถึงวันที่พระยาห์เวห์ทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน’ ” 15นางก็ไปทำตามคำของเอลียาห์ แล้วนางและครอบครัวกับเอลียาห์ก็รับประทานอยู่หลายวัน 16แป้งในหม้อก็ไม่ขาด และน้ำมันในไหก็ไม่หมด ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งตรัสทางเอลียาห์

เอลีชาช่วยหญิงม่ายของผู้เผยวจนะ 2พกษ4:1-7

ภรรยาของคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะร้องทุกข์ต่อเอลีชาว่าผู้รับใช้ของท่าน คือสามีของดิฉันเสียชีวิตแล้ว และท่านทราบอยู่แล้วว่าผู้รับใช้ของท่านเกรงกลัวพระยาห์เวห์ แต่เจ้าหนี้ได้มาเพื่อจะเอาลูกสองคนของดิฉันไปเป็นทาสของเขา” 2แล้วเอลีชาตอบนางว่า บอกเราซิว่า จะให้เราทำอะไร? เธอมีอะไรอยู่ในบ้านบ้าง?” นางตอบว่าสาวใช้ของท่านไม่มีอะไรในบ้าน นอกจากน้ำมันขวดหนึ่ง” 3แล้วท่านกล่าวว่าเธอจงออกไปนอกบ้าน ขอยืมภาชนะเปล่าจากเพื่อนบ้านทุกคน อย่าเอามาน้อย 4แล้วจงเข้าบ้าน ปิดประตูขังตัวเองและลูกชายไว้ แล้วเทน้ำมันใส่ภาชนะเหล่านี้ทั้งหมด เมื่อใบหนึ่งๆ เต็มแล้วก็ตั้งไว้ต่างหาก” 5นางก็ไปจากท่าน และปิดประตูขังตัวเองกับบุตรของนางไว้ บุตรส่งภาชนะให้นาง และนางก็เทน้ำมัน 6เมื่อภาชนะเต็มหมดแล้วนางจึงบอกบุตรว่าเอาภาชนะอีกใบหนึ่งมาให้แม่แต่เขาตอบนางว่าไม่มีแล้วแล้วน้ำมันก็หยุดไหล 7นางก็ไปเรียนให้คนของพระเจ้าทราบ และท่านบอกว่าจงไปขายน้ำมัน แล้วเอาเงินชำระหนี้ของเธอ ส่วนที่เหลือนั้นเธอกับลูกๆ จงใช้เลี้ยงชีวิต

ทุกวันนี้พระเจ้ายังทำอัศจรรย์เพื่อให้คนที่รู้จักพระเจ้า ได้รับการช่วยเหลือ ได้มีความมั่นใจในพระเจ้า ที่เรามองไม่เห็นแต่เรายังเชื่ออยู่ พระคริสต์เป็นคำตอบอัศจรรย์สำหรับคนที่รู้ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ที่ทำอัศจรรย์ได้ มีความเชื่อ และให้พระองค์ทำอัศจรรย์เพื่อเรา

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

บทความก่อนหน้านี้2คร5:6-11 ชีวิตที่เกรงกลัวพระเจ้าอย่างจับใจ
บทความถัดไปอฟ4:11-16  การเจริญเติบโตของคริสตจักร

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่