.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี       

เทศนา อาทิตย์ที่ 30 ก.ย.2018           

คริสตจักรไมตรีจิต รามคำแหง

คำนำ

คนถูกสร้างมาอ่อนแอมากที่สุดในบรรดาการทรงสร้าง คนไม่กัดใคร ไม่ทำร้ายใคร คนไม่ได้ถูกสร้างมาให้ก้าวร้าว ที่ผ่านมาพี่น้องโกรธใครมาบ้างไหม

เราต้องเข้าใจส่ิงที่เราเป็น คนอ่อนแอ เป็นคนผิวบาง เป็นคนหน้าบาง เจ็บง่าย คนต้องการที่พึ่ง คำพูดเป็นลมปากแต่กระทบจิตใจเจ็บนาน

คนที่เป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดคือพระเจ้า แต่บางเรื่องพระเจ้า ก็ต้องการให้เราพึ่งพาคนอื่น เป็นการพึ่งพากันและกัน พึ่งคนที่อยู่รอบข้างเรา คนเหล่านั้นเป็นเหมือนเครื่องมือของพระเจ้าในการช่วยเหลือกันและกัน และช่วยเหลือคนอื่นด้วย หัวข้อคำเทศนาในวันนี้คือ 

 

ยน10:1-19 พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี  (เป็นที่พึ่งพาของเรา) 

พระเยซูเล่าเรื่องการเลี้ยงแกะให้คนอิสราเอลฟัง ทั้งที่พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้ดีมาก แต่พวกเขาไม่เข้าใจ ข้อ6 “เรื่องเปรียบนี้พระเยซูตรัสกับพวกเขา แต่เขาเหล่านั้นไม่เข้าใจความหมายของพระดำรัสที่พระองค์ตรัสกับเขาเลย

เขาเหล่านั้นจาก ยน9:35-41 หมายถึงพวกฟาริสี พวกเขาไม่เข้าใจพระดำรัสที่พระเยซูตรัส เขาอ่านพระคัมภีร์ตามความพอใจของตนเอง ไม่ใช่ตามความจริงของพระเจ้า คนชอบอ่านพระคัมภีร์ตามใจ ฟังเทศน์ตามใจ จริงๆเราต้องฟังอ่านตามที่พระเจ้าต้องการจะสื่อสารถึงเราตามพระทัยพระองค์

ตัวอย่าง เมื่อเขาเห็นเหล่าสาวกใน มธ12:2-8 สาวกทำส่ิงต้องห้ามในวัน

สะบาโตคือ สาวกเด็ดรวงข้าวมากินเพราะหิว พระเยซูจึงถามฟาริสีทั้งที่พวกเขารู้พระคัมภีร์ดีมาก ว่าการละเมิดบางอย่างไม่ผิดมีข้อยกเว้นเพราะไม่มีเจตนาทำผิดกับพระเจ้า สาวกละเมิดธรรมบัญญัติแต่พวกเขาไม่ได้ทำผิดกับพระเจ้า ฟาริสีรู้แต่ตัดสินตามใจตนเอง

1คร2:10-14 พระคัมภีร์ให้หลักการว่า คนใดจะเข้าใจความคิดของพระเจ้าได้นั้น เขาต้องมีพระวิญญาณของพระเจ้า เวลาที่อ่านพระคัมภีร์ควรอ่านให้ลึกถึงพระดำริของพระเจ้าพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์

คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าเราไม่ใช่ผู้นำ หรือศบ.ไม่ต้องรู้พระคัมภีร์ลึกซึ้งก็ได้ แต่ความจริงคือ

 

“พระเจ้าอยากให้เรารู้พระคัมภีร์ให้ลึกซึ้งจริงๆ ไม่ใช่แค่รู้ตามความพอใจของเรา”

หลายครั้งคนรู้สึกว่าการศึกษาพระคัมภีร์เป็นเรื่องยาก ดังนั้น พระเจ้าจึงต้องให้พระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เรา เพื่อเราจะเติบโตขึ้นและเป็นที่พึ่งพาของคนอื่นได้ คนทั่วไปชอบเพียงแค่ส่ิงที่ทำให้เราสะดวก ส่ิงที่ทำให้เราสบาย ส่ิงที่ทำให้เราสนุก ส่ิงที่ทำให้เรามีความสุข ส่ิงที่ทำให้เราได้สตางค์ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ส่ิงเหล่านี้ไม่พอที่จะทำให้เราเติบโตขึ้น

ยน10:1-2 “ เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า คนที่ไม่ได้เข้าไปในคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าไปทางอื่นนั้นเป็นขโมยและโจร 2แต่คนที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ คนที่ไม่เข้าไปทางประตูเป็นผู้เลี้ยง

ในคอกแกะมีสิ่งมีชีวิตสองอย่าง คือ แกะ และคนเฝ้า ส่วนของแกะมีทั้งแกะของพระองค์และแกะที่ไม่ใช่ของพระองค์  ส่วนของคน มีทั้งคนเฝ้าและโจรขโมย พระเยซูเปรียบพระองค์เป็นผู้เลี้ยงของผู้เชื่อซึ่งเป็นแกะของพระองค์  แกะจะไม่รู้ว่าคนไหนเป็นขโมยหรือโจร ผู้เลี้ยงคนไหนมาในฐานะผู้เลี้ยงรับจ้างฉวยเอาแกะมาหาประโยชน์ มีปัญหาถึงหนีไป แต่แกะฟังเสียงและจำเสียงผู้เลี้ยงที่ดีได้ แกะต้องระมัดระวังไม่หลุดจากคอกที่อุดมสมบูรณ์ แกะต้องจำเสียงพระเจ้าให้ได้

ยน10:11 “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะกับข้อ 7 “พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาอีกว่า เราบอกความจริงกับท่านว่า เราเป็นประตูของแกะทั้งหลายแสดงว่า ประตูแกะ เป็นคนเดียวกันกับผู้เลี้ยง หรือกล่าวได้ว่าพระเยซูเป็นทั้งผู้เลี้ยงและ เป็นประตูแกะ (ความจริงพระเยซูยังเป็นทั้งคนเฝ้าประตูและเป็นเจ้าของแกะด้วย )

ข้อ9 “เราเป็นประตู ถ้าใครเข้าไปทางเรา คนนั้นจะรอด เขาจะเข้าออกแล้วก็จะพบอาหาร ” คำว่า เราเป็นประตู แสดงว่าถ้าแกะเข้าออกทางประตูจะพบอาหาร พบความอุดมสมบูรณ์ ขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยง แกะต้องคุ้นเคยเสียงของพระเยซู

พระเยซูเท่านั้นเป็นความมั่นคงปลอดภัยที่แท้จริงของเรา เราต้องแยกให้ได้จากประตูที่ผ่านทางเข้าออก พวกขโมยปีนเข้ามา ข้อ3 “คนเฝ้าประตูจึงเปิดประตูให้คนนั้น แกะย่อมฟังเสียงของท่าน ท่านเรียกชื่อแกะของท่าน และนำออกไปคนเฝ้าประตูจะเปิดประตูให้ผู้เลี้ยง ผู้เลี้ยงที่ดีต้องมาทางพระเยซู

 

อธิบายเพิ่มเติมส่วนที่ไม่ได้อยู่ในคำเทศน์:

มีข้อถกเถียงเรื่องคนเฝ้าประตูว่าไม่ใช่พระเยซู แต่เป็นผู้นำ ผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาล ที่เป็นตัวแทนของพระเยซูในการดูแลฝูงแกะ ความจริงคือ แม้ไม่มีคำว่าเราเป็นคนเฝ้าประตูแต่การเปรียบเทียบของพระองค์ ในตอนนี้พูดกับฟาริสี พระองค์จึงเปรียบว่าพระองค์เป็นอะไรบ้างเพื่อพยายามถึงพระองค์เท่านั้น ไม่ใช่บุคคลอื่นหรือส่ิงอื่น

 

“พระองค์จึงไม่น่าจะหมายถึงบุคคลอื่น”

หรือประเด็นที่ว่าพระเยซูเป็นเจ้าของแกะ ต้องมาให้ผู้นำ หรือศิษยาภิบาลผู้เป็นคนเฝ้าประตู พิจารณาว่าจะเปิดประตูหรือไม่เปิดประตูให้แกะมาหาพระเยซูหรือ ผู้นำหรือศิษยาภิบาลมีสิทธิอำนาจมากขนาดนั้นเลยหรือ ซึ่งไม่น่าจะเป็นความตั้งใจของพระเยซูในบริบทนี้ที่จะบอกว่าคนเฝ้าประตูคือ ผู้อื่น 

ส่วนข้อถกเถียงว่าคนเฝ้าประตูเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็ไม่น่าจะใช้ เพราะพระองค์พยายามเน้นเปรียบเหมือนพระองค์เป็นหลักไม่ใช่ผู้อื่น ตัวอย่าง เมื่อพระองค์บอกว่าพระวิหารนี้พังลง ภายใน 3 วันพระองค์จะสร้างขึ้นใหม่ บริบทพยายามอธิบายถึงพระองค์ หรือเราเป็นอาหารแห่งชีวิต ขนมปังก็เล็งถึงพระกาย น้ำองุ่นก็เล็งถึงพระโลหิต

 

หลักการคือ พยายามอธิบายเกี่ยวกับพระองค์ไม่ได้อธิบายถึงคนอื่น หรือส่ิงอื่น

การประยุกต์ใช้

 

1.เชื่อฟังเสียงของพระเจ้า

1ปต1:14-21 “เช่นเดียวกับบุตรที่เชื่อฟัง อย่าประพฤติตามกิเลสตัณหา อันเกิดจากความโง่เขลาของพวกท่านในอดีต พระคัมภีร์ให้เราเชื่อฟังเหมือนบุตรของพระเจ้า พระองค์เรียกให้เป็นคนบริสุทธิ์ ดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรง ไม่ดำเนินชีวิตไร้สาระ ดังนั้นแกะจะรู้จักพระเจ้า แกะจะฟังเสียงพระเจ้า แกะจะไม่หลงทาง เพราะมีผู้เลี้ยงคนเดียวกัน

คริสเตียนต้องรู้ว่าเสียงไหนเป็นเสียงของพระเจ้า เสียงไหนไม่ใช่ บางครั้งคำสอนที่เราชอบฟัง แต่เป็นคำสอนที่ไม่ได้มาจากพระคัมภีร์ เช่น พวกที่สอนเรื่องความรุ่งเรืองมั่งคั่ง

 

สอนให้เป็นคริสเตียนแบบขอมีมั่ง ไม่ใช่แบบมั่งมี

ฟังดูเหมือนไม่โลภแต่ซ่อนความโลภไว้ ขอให้เราระมัดระวังคำสอนเกี่ยวกับกิเลศ ตัณหาจากคนบาป

คำสอนของพระเจ้าสอนให้เราอย่าดำเนินชีวิตตามกิเลสตัณหา ตามเนื้อหนังตามความบาป เช่น การซื้อเสื้อผ้ามากเกินความจำเป็น มีความอยากได้หลายส่ิงหลายอย่าง อยากมีมั่งเหมือนคนอื่น พวกไฮโซฟุ่มเฟือยต้องระมัดระวัง อยากได้กระเป๋าแพงๆ ทั้งๆที่กระเป๋าแพงๆใส่กล้วยหอมก็เน่าเหมือนกัน

วิธีที่ทำให้เราคุ้นเคยกับเสียงของพระเจ้าคือ การอ่านพระคัมภีร์ ด้วยความตั้งใจเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง หากทำไม่ได้ก็ย่อยเป็นครั้งละ 15 นาทีก็ได้แต่ทำให้ครบชั่วโมงให้ได้  เราจะได้รู้ว่าคำสอนอะไรใช่เสียงพระเจ้า คำสอนอะไรไม่ใช่เสียงของพระเจ้า  การอ่านพระคัมภีร์อย่างจริงจัง ควรมีสมุดจดบันทึก เพื่อเราจะก้าวไปสู่การเป็นผู้เลี้ยง โดยมีแบบอย่างผู้เลี้ยงแบบพระเยซู 

 

2.เลี้ยงดูลูกแกะของพระเจ้า

1ปต5:1-4 “จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน [โดยเอาใจใส่ดูแลไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ [ตามพระประสงค์ของพระเจ้าไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น 3และไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น 4และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่เสด็จมาปรากฏ พวกท่านจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีวันร่วงโรย

ขอให้เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ตามแบบ ยน10 ซึ่งเป็นแม่แบบของการเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เมื่อเราเป็นแกะของพระเจ้าวันนี้ วันข้างหน้าวันหนึ่งเราก็ต้องเป็นผู้เลี้ยงที่ดีเหมือนพระเยซู เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา

อสย40:11 “พระองค์จะทรงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์เหมือนผู้เลี้ยงแกะพระองค์จะทรงรวบรวมลูกแกะไว้ด้วยพระกรของพระองค์พระองค์จะทรงอุ้มไว้ที่พระทรวงและจะค่อยๆ นำแม่แกะที่มีลูกอ่อน

คำพยากรณ์ผู้เลี้ยงที่ดีคือ พระคริสต์ ตามพระสัญญาของพระเจ้าที่สัญญากับอิสราเอล ซึ่งพระเยซู ได้เปิดเผยว่าพระองค์ เป็นผู้นั้นตามพระสัญญา

 

“ท่านเรียกชื่อแกะ และแกะก็ตามท่านไป”

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

 

บทความก่อนหน้านี้ฟป3:12 บากบั่น บุกเบิก และสรรค์สร้าง
บทความถัดไป“เฝ้าเดี่ยวมีอะไรดีมากกว่าที่คิด”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่