หน้าแรก การศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัว แนวทางศึกษาสดด119 ครั้งที่ 1 แนวทางศึกษาพระธรรมสดุดี119

ครั้งที่ 1 แนวทางศึกษาพระธรรมสดุดี119

3108
0

สอนครั้งที่ 1 กลุ่มเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง

วันอาทิตย์ที่ 10..19 เวลา บ่ายสอง

สอน สดด119

พระธรรมตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเขียน แต่นักศาสนศาสตร์คาดว่าน่าจะเป็นปุโรหิต เขียนสมัยเป็นเชลยในบาบิโลนและกลับมาจากการเป็นเชลย ไปอยู่ที่เยรูซาเล็มแล้ว มีสำนวนหลายสำนวนภายในสดด119 ที่เป็นหลักฐานภายในบอกว่าปุโรหิตน่าจะเป็นคนเขียน เข้าใจว่าน่าจะเป็นเอสรา

ความจริงคือ ต่อให้เรารู้ว่าใครเป็นคนเขียน ความจริงนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจอะไรๆให้ชัดเจนในการศึกษามากขึ้นได้ แต่มาจากเนื้อหาของพระคัมภีร์ที่พระเจ้าสำแดงให้เราเข้าใจจากการอ่าน การศึกษาเนื้อหามากกว่า

ลักษณะของวรรณกรรมในสดด119  เขียนโดยการใช้ตัวอักษรฮีบรู (อิสราเอล 22 ตัว) เป็นตอนๆ คือ มี 22 ตัวอักษร ก็มี 22 ตอน แต่ละตอนมี 8 ข้อ รวมเป็น 176 ข้อ  ตัวอักษรที่เล่นคำนั้นในแต่ละตอน แต่ละข้อในแต่ละตอนจะเริ่มจากตัวอักษรตัวที่ตรงกับตอนนั้น โดยทุกๆคำที่เริ่มต้นใช้อักษรตัวเดียวกันกับตอน

ส่ิงที่ปรากฎในสดุดีบทนี้ ทั้ง 22 ตอน  ถ้าเราต้องการศึกษาเป็นเรื่องราวต่อเนื่องกัน เราต้องศึกษาให้เข้าใจทีละตอน เราจะมาดูหัวข้อทั้ง 22 ตอนด้วยกัน เพื่อเป็นประโยชน์ให้เราไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้ โดยมีกรอบการศึกษาแต่ละตอนได้ จากหัวข้อที่อาจารย์ได้ศึกษามา ดังนี้

ตอนที่ 1:1-8 วิถีของพระเจ้า(สุดยอด

จากเนื้อหาของคำเหล่านี้ที่อยู่ในตอนนี้ เช่น คำว่า ปฎิบัติ ดำเนิน สิ่งเหล่านี้เรียกร้องให้เราดำเนินตามพระบัญญัติจนชีวิตดีพร้อม ดีในทุกด้าน บัญญัติของพระเจ้าทำให้เราดำเนินชีวิตได้ดีทุกๆด้าน คำถามคือว่า  ดีขึ้นทุกด้านจริงไหม

ข้อ1 พระบัญญัติทำให้ความคิด อารมณ์ สุขภาพ ศิลธรรมดีขึ้นไหม หากเราตัดสินใจได้ดี ความดีบวกกับถูกต้องไปด้วย จะเป็นดีพร้อม คือ ดีและถูกต้อง

อะไรเป็นตัววัดว่าดีพร้อม ถ้าทุกคนทำตามบัญญัติแล้วดีพร้อม คำถามถามว่าทำไมสังคมทุกวันนี้ไม่ทำตามพระคัมภีร์ หรือในอีกแง่มุมหนึ่งทำไมพระคัมภีร์ กับบอกให้เราทำในส่ิงที่ย่ิงตรงกันข้ามกับสิ่งที่สังคมบอกว่าดี

เราจะต้องคิดใคร่ครวญเสมอๆ ว่าจะแคร์หรือไม่แคร์  ดีไม่ดี ทำหรือไม่ทำ  การที่เราจะพิจารณษสิ่งเหล่านี้ได้

เราต้องนั่งลงจัดเวลา โดยมีปริมาณที่มากเพียงพอและเป็นเวลาที่มีคุณภาพมากเพียงพอ เป็นเวลาที่ดีที่สุดในแต่ละวัน เพื่อเราจะศึกษาพระคัมภีร์

อย่าใช้เศษสมองในการศึกษาพระคัมภีร์เพราะจะไม่ได้ประโยชน์อะไร คริสเตียน เสียผลประโยชน์ในการประเทืองสติปัญญาของพระเจ้าให้กับตนเองก็เพราะ ว่า คริสเตียนไม่ได้ใช้เวลาที่มีปริมาณและคุณภาพกับพระคัมภีร์ ของพระเจ้า

เป็นความจริงแน่ทีเดียวว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถสอนเราได้ เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์   ยน14:26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว

แต่การที่เราพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สอนเรา ก็ไม่เป็นเหตุให้เราไม่เรียนพระคัมภีร์ หรือให้เราไม่ไปเรียนกับคนอื่น  ความเป็นจริงแล้วพระเจ้าสามารถ สอนเราได้ในหลายรูปแบบ หลายคนๆ พระเยซูก็สอนโดยใช้ นกบ้าง สอนโยนาห์โดยใช้หนอน

ดังนั้นเราต้องถ่อมใจเรียนรู้ เราตระหนักหรือไม่ว่าส่ิงต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราไม่ว่าดีหรือร้าย สิ่งเหล่านั้นเป็นบทเรียนของพระเจ้าที่ทรงสอนเรา

หากพระเจ้าสำแดงความจริงของพระองค์อย่างมากมาย พลังงานในร่างกายของเรา พร้อมรับไหม ถ้าเราเหนื่อยหรือเราง่วงนอน ดังนั้นถ้าเราใช้เวลากับพระคัมภีร์ เราจะมีคำถาม มีคำตอบ คำตอบที่ได้มีความสอดคล้องกับพระคัมภีร์ ข้อไหน ตอนไหนบ้าง ซึ่งการที่เราจะศึกษาพระคัมภีร์ได้ดีนั้น เราจำเป็นต้อง มีความรู้พื้นฐานของพระคัมภีร์พอสมควร ส่ิงเหล่านี้มาจากการอ่านพระคัมภีร์สม่ำเสมอให้รู้เรื่อง ให้เข้าใจ ให้รู้ภาพรวมตั้งแต่ปฐมกาล ถึงวิวรณ์ที่พระเจ้า ให้บันทึกเพื่อเราจะเข้าใจ  เราต้องให้เวลากับการศึกษาที่มีปริมาณและคุณภาพเวลาที่เหมาะสม ซึ่งแต่ละคนมีเวลาเหมาะสมแตกต่างกัน ตามกิจกรรมที่แตกต่างกัน

สดด119:18 ขอทรงเปิดตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็นสิ่งอัศจรรย์จากธรรมบัญญัติของพระองค์

ผู้เขียนคนนี้เชื่อว่าพระคำพระเจ้า ไม่ใช่มีเท่าที่เขาเห็นเป็นตัวอักษร พระคำของพระเจ้ามีมากกว่าที่เขาเห็น เช่น ยน3:16 พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์

พระคัมภีร์ข้อนี้ใครๆก็รู้ ใครๆก็จำได้ หลายคนอ่านแล้วไม่เห็นว่ามีเนื้อหาอะไรใหม่เลย  แต่เราต้องใช้สายตาบางอย่างเพื่อจะมองเห็นให้มากกว่าที่เราเคยรู้เราต้องถ่อมใจมองพระคำของพระเจ้าให้เห็นด้วยความเชื่อเมื่ออ่านพระคัมภีร์ พระคัมภีร์ จะมีการสำแดงเปิดเผยให้เราเข้าใจมากขึ้น สดใหม่มากกว่าที่เราเห็น ทุกวันนี้เวลาที่เราอ่านพระคัมภีร์ แล้วเราไม่เห็นส่ิงใหม่ๆก็เพราะเราไม่เชื่อ  อย่ารอแต่กินอาหารที่คนอื่นเคี้ยวให้เรากิน เราต้องหัดอ่านเอง ปรุงเอง ศึกษาเองด้วย

ตอนที่ 1 วิถีของพระเจ้า(สุดยอด)

ตอนที่ 2  วิถีแห่งการหลุดพ้นบาป

ตอนที่ 3 แสงสว่างในวันแห่งความมืด

ตอนที่ 4  อาจารย์จากเบื้องบนคือ พระเจ้า ที่สัตย์ซื่อ

ตอนที่ 5 รักเดียวใจเดียว

ตอนที่ 6 บุรุษแห่งพระวจนะของพระเจ้า

ตอนที่ 7 กำลังใจ

ตอนที่ 8 พระเจ้าทรงเป็นมรดกส่วนของข้าพเจ้า

ชนชาวยิวมีเพียงตระกูลเลวีเท่านั้นที่พูดอย่างนี้ได้ เพราะใช้สิบลดของ11เผ่า ตระกูลปุโรหิต จึงเห็นว่าปุโรหิตน่าจะเป็นคนเขียน หลังกลับมาจากการเป็นเชลยสร้างพระวิหาร เอสราเป็นคนมาอ่านพระคัมภีร์ อสร7:9-10 นักศาสนศาสตร์คิดว่าเอสราเป็นผู้เขียน

ตอนที่ 9 วินัยอันประเสริฐจากพระเจ้า

ตอนที่ 10 พระผู้สร้างที่สัตย์ซื่อ

ตอนที่ 11 องค์พระเจ้าข้า ต้องรออีกนานเท่าไหร่

ตอนที่ 12 พระวจนะของพระเจ้า ไม่เปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 13 แหล่งแห่งความฉลาด

คนฉลาดเรียนจากการเลือกเรียน

ตอนที่ 14 เชื่อฟังด้วยความแน่วแน่

ตอนที่ 15 หลงรักพระโอวาทพระเจ้า

ตอนที่ 16 เบื้องหลังคำอุธรณ์

ตอนที่ 17 สุดยอดพระดำรัสของพระเจ้า

ตอนที่ 18 พระดำรัสกับผู้รับใช้ของพระเจ้า

ตอนที่ 19 สองแหล่งแห่งความหวัง

ตอนที่ 20 ร้องขอต่อชีวิต(ยาวออกไป)

ตอนที่ 21 พระวจนะน่ายกย่อง

ตอนที่ 22 ความหวังการช่วยกู้ของผู้นิยมพระบัญญัติของพระเจ้า

หัวข้อเหล่านี้ผมสรุปจากการอ่าน จากการศึกษามา ท่านลองจัดเวลาให้ตัวเอง ด้วยการซื้อเวลาให้กับตัวเอง แล้วจะรู้ว่าเงินที่ซื้อให้ตัวเองจะคุ้มค่ามากแค่ไหน เพราะเราสามารถใช้หลักการจากพระคัมภีร์ในการดำเนินชีวิตได้ตลอดชีวิต ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง

สดด119:97 โอ ข้าพระองค์รักธรรมบัญญัติของพระองค์จริงๆ เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์เสมอ

โอ เป็นคำอุธาน ความรักในธรรมบัญญัติของพระเจ้า

ความจริงมุมหนึ่งธรรมบัญญัติที่พระเจ้าให้ไว้เป็นพระพรยิ่งใหญ่ของพระเจ้า  ต่อจากชีวิตนิรันดร์ที่พระคริสต์ประทานให้  แสดงว่าการรักพระวจนะของพระเจ้า เป็นเรื่องที่พระเจ้าให้กับเรา ไม่ได้เกิดจากการที่เรารักธรรมบัญญัติด้วยตนเอง

เปรียบเทียบถ้าคุณไม่มีลักษณะชีวิตใหม่จากพระเจ้าคุณจะไม่รักธรรมบัญญัติของพระเจ้า คุณต้องเป็นคนของพระเจ้าก่อนคุณถึงจะรักธรรมบัญญัติของพระเจ้า  ตัวอย่าง หมาอยากกินอาหารของคนไหม หมากินมะระไหม หมาไม่กิน พระบัญญัติของพระเจ้า ขมสำหรับหลายคน แต่สำหรับคนนี้ที่เขียนพระธรรมตอนนี้ พระบัญญัติหวานสำหรับเขา ความรักเหล่านี้มาจากธรรมชาติที่ชีวิตของเขาเป็นคนของพระเจ้า พระเจ้าทำให้เขารักพระวจนะ ไม่ใช่มาจากความรู้สึกของเราเองที่รักพระวจนะ

ในสมัยของพระเยซูพระองค์ พูดกับยอห์น เปโตร ให้ตามเรามา แล้วพวกเขาก็เลิกตามบ้าง ติดตามบ้าง

ยน15:16 ท่านไม่ได้เลือกเรา แต่เราเลือกท่าน

นี่เป็นการเคลียร์ของพระเยซูให้พวกสาวกเขาเข้าใจให้ถูกต้อง ถ้าสาวกเลือกพระเยซู จุดประสงค์สำคัญจะอยู่ที่สาวก ทำให้พระเยซู ต้องทำตามใจพวกเขา ให้อวยพรพวกเขา  แต่พระเยซู บอกว่าพระองค์ เลือกพวกเขา ดังนั้นพวกเขาต้องทำตามจุดประสงค์ของพระองค์ คือ ให้พวกเขาไปเกิดผล

การมีมุมมองต่อพระคัมภีร์อย่างถูกต้องจะทำให้เราตอบสนองไปตามพระคัมภีร์อย่างถูกต้องได้

การที่เราจะรักพระวจนะของพระเจ้า ก็มาจากพระเจ้า เหมือนอย่างที่เรารู้จักพระเจ้าได้เพราะพระเจ้าสำแดง พระเจ้าประทานให้เรารู้จักพระองค์  ไม่ใช่ความฉลาดของเรา

วันนี้ขอพระเจ้า เปิดตาใจให้เราเห็นสิ่งเร้นลับ ส่ิงอัศจรรย์ ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ จะเปิดเผยสำแดง ให้สำหรับคนที่เชื่อในพระเจ้า การสำแดงนั้นไม่ได้ สงวนไว้เฉพาะพวกเพนเทคอส เท่านั้น แต่ให้กับเราทุกคนที่แสวงหาด้วยความเชื่อ

แง่มุมแรกเป็นเรื่องพระพรของธรรมบัญญัติ อีกแง่มุมหนึ่งเป็นอารมณ์ที่ซาบซึ้งในความรักของพระเจ้า จะทำให้เกิดความรักในพระธรรมของพระองค์

สดด138:2 ข้าพระองค์จะกราบลงตรงมายังพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์และจะยกย่องพระนามของพระองค์เนื่องด้วยความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์เพราะพระองค์ทรงเชิดชูพระนามและพระดำรัสของพระองค์เหนือสิ่งสารพัด

พระธรรมตอนนี้บอกว่าพระเจ้า จะยกย่องพระนาม และพระดำรัส เหนือสิ่งสารพัด แสดงว่าพระนามเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิอำนาจของพระเจ้า พระดำรัสเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่ดำเนินโดยสิทธิอำนาจของพระองค์

ดังนั้นท้ังสองเรื่องนี้ถ้าเราทำตามเราจะเป็นคนดีพร้อม

สดด119:105พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์

จงอวดพระนามบริสุทธิ์  เกี่ยวข้องกับชีวิตตามพระลักษณะพระเจ้า เป็นส่ิงที่อยู่เหนือเรื่องผลประโยชน์ ไม่ใช่ถามว่าจะได้ประโยชน์อะไรหากเรามาเชื่อพระเจ้า  แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราจากที่ไม่มีพระเจ้าเป็นคนของพระเจ้า  เปลี่ยนเราจากคนที่ไม่ใช่เป็นคนที่ใช่ในวิถีของพระเจ้า

ดังนั้นพระคัมภีร์มีสิทธิอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา who you are to become? ทำให้เราเป็นคนของพระองค์ ในแบบที่พระองค์ปรารถนาให้เราเป็น ไม่ใช่มาเป็นคริสเตียนเพราะจะได้ประโยชน์อะไร

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สอนครั้งที่ 2 กลุ่มเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง

วันอาทิตย์ที่ 17 ..19 เวลา บ่ายสอง

สดด119

บทความก่อนหน้านี้ให้เรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สดด133:1-3
บทความถัดไปครั้งที่ 2 (จบ) แนวทางการศึกษาสดุดี 119

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่