โดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ วันที่ 1 มี.ค.2025

ภาพรวมบทที่ 1

แนะนำภาพรวมและความคาดหวังต่อบทเรียนนี้ (5นาที)

1.เพื่อผู้เข้าร่วมกลุ่มจะได้รู้จักคำพยานชีวิตของท่านอื่น ๆ

2.เพื่อหนุนใจให้มีโอกาสเป็นพยานกับผู้อื่นอย่างเป็นธรรมชาติ 

3.เพื่อให้เข้าใจเรื่องการเป็นพยานข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์อย่างถูกต้อง

1.สำรวจข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง  กจ22:1-16 (10 นาที) 

1“นี่แน่ะ พี่น้องและท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย บัดนี้ขอฟังข้าพเจ้าแก้คดีต่อหน้าท่าน” 2เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินท่านพูดภาษาฮีบรู เขาก็ยิ่งนิ่งเงียบกว่าเก่า เปาโลจึงกล่าวว่า

3“ข้าพเจ้าเป็นยิว เกิดในเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตขึ้นในเมืองนี้ เป็นศิษย์ของอาจารย์กามาลิเอลและได้รับการอบรมอย่างเคร่งครัดตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษของเรา จึงมีความกระตือรือร้นเพื่อพระเจ้าเช่นเดียวกับพวกท่านในเวลานี้ 4ข้าพเจ้าข่มเหงคนทั้งหลายที่ถือ ‘ทางนี้’ จนถึงตาย ทั้งยังจับพวกผู้ชายและผู้หญิงขังไว้ในคุก 5ตามที่มหาปุโรหิตกับสภาผู้อาวุโสสามารถเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้ถือหนังสือจากเขาทั้งหลายไปถึงพวกพี่น้องที่เมืองดามัสกัส และข้าพเจ้าเดินทางไปที่นั่นเพื่อจับพวกที่อยู่ในเมืองนั้นมัดมารับโทษที่กรุงเยรูซาเล็ม

เปาโลเล่าเรื่องการกลับใจของตน

(กจ.9:1-19; 26:12-18)

6“และเมื่อข้าพเจ้ากำลังเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัสในเวลาประมาณเที่ยง ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากฟ้าส่องรอบข้าพเจ้า 7ข้าพเจ้าจึงล้มลงบนดินและได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?’ 8ข้าพเจ้าจึงทูลตอบว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นใคร?’ พระองค์จึงตรัสกับข้าพเจ้าว่าเราคือเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งเจ้าข่มเหงนั้น’ 9คนทั้งหลายที่อยู่กับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่างแต่ไม่ได้ยินพระสุรเสียงที่ตรัสกับข้าพเจ้า 10ข้าพเจ้าจึงทูลถามว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องทำประการใด?’ พระองค์จึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้นเข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นเขาจะบอกเจ้าให้รู้ทุกสิ่งที่กำหนดให้เจ้าทำ’ 11เมื่อข้าพเจ้ามองอะไรไม่เห็นเพราะความสว่างจ้าของแสงนั้น พวกที่มากับข้าพเจ้าจึงจูงมือข้าพเจ้าพาเข้าไปในเมืองดามัสกัส

12“มีคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เขาเป็นคนถือธรรมบัญญัติเคร่งครัดและมีชื่อเสียงดีในหมู่คนยิวที่อยู่ที่นั่น 13เขามาหาข้าพเจ้าและมายืนใกล้ๆ กล่าวว่า ‘พี่เซาโลเอ๋ย จงมองเห็นได้อีกเถิด’ และทันใดนั้นข้าพเจ้าก็มองเห็น และข้าพเจ้าเห็นท่าน 14ท่านจึงกล่าวว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงเลือกท่านเพื่อให้รู้จักพระทัยของพระองค์ ให้ท่านเห็นพระองค์ผู้ชอบธรรม และได้ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ 15เพราะว่าท่านจะเป็นสักขีพยานของพระองค์ต่อคนทั้งปวงในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินนั้น 16บัดนี้ท่านจะชักช้ารออยู่ทำไม? จงลุกขึ้นรับบัพติศมา รับการชำระบาปของท่าน โดยร้องทูลออกพระนามของพระองค์

2.สรุปหลักการ (5นาที)

1.เปาโลเป็นพยานโดยการแนะนำตนเองให้ผู้ฟังได้รู้จัก (1-6)

2.เปาโลเล่าถึงประสบการณ์ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์(7,13) (เปาโลได้ยินเสียงพระเยซูคริสต์และจากตาบอดกลับมองเห็นได้อีกครั้ง)

3.เปาโลได้เล่าถึงการตอบสนองต่อความเชื่อที่มีในพระเยซูคริสต์ (10,15-16)

3.คำถามเพื่อการอภิปราย (10 นาที)

1.มีท่านใดอยากเล่าคำพยานของท่านให้เพื่อน ๆ ฟังบ้างหรือเพื่อน ๆ อยากฟังคำพยานของท่านใดบ้าง

2.ท่านมีประสบการณ์กับพระเยซูคริสต์อย่างไรบ้างจึงตัดสินใจเชื่อในพระเยซูคริสต์

3.ท่านคิดว่าลูกหลานของคริสเตียนมีประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์หรือไม่ได้รับบัพติศมาหรือยังและกลับใจใหม่จากบาปหรือยัง (กรณีเปาโลเป็นยิวเชื่อพระยาเวห์เป็นพระเจ้า  แต่ยังไม่ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า )

4.การนำไปใช้ในภาคปฎบัติ (10 นาที)

1.หนุนใจให้มีโอกาสเป็นพยานกับผู้อื่นอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการตอบคำถามง่าย ๆ เช่นท่านเป็นใครมารู้จักพระเยซูคริสต์ได้อย่างไรทำไมถึงเชื่อมีประสบการณ์กับพระเยซูคริสต์อย่างไรการเปลี่ยนแปลงชีวิตหลังเชื่อในพระเยซูคริสต์เป็นต้น

2.หนุนใจให้เป็นพยานข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์อย่างถูกต้อง

3.หนุนใจให้สนใจห่วงไยลูกหลานคริสเตียนหรือสมาชิกที่ท่านรู้จักแต่ไม่รู้ว่าเขาได้เชื่อในพระเยซูคริสต์จริง ๆ หรือไม่ลองให้เขาเล่าคำพยานชีวิตกับพระเยซูคริสต์ให้ท่านฟังเพื่อตรวจสอบหรือเพื่อให้เขาได้ฝึกเป็นพยานและเพื่อท่านจะได้รับการหนุนใจจากคำพยานชีวิตของเขาด้วย

รูปแบบและระยะเวลาการอภิปรายในกลุ่มวาระเปรมปรีดิ์ 

1) ใช้บทเรียนเพื่อการอภิปราย  1 ครั้ง ใช้เวลา 40 นาที  สมาชิกทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการอภิปรายตามบทเรียน

2) ให้ส่งบทเรียนล่วงหน้า 1 สัปดาห์ให้ผู้เข้าร่วมเพื่อไปศึกษามาก่อนการอภิปรายหรือก่อนมานำกลุ่มก็ได้

3) อาจจะมีผู้นำการอภิปรายเป็นประจำก็ได้หรือสมาชิกในกลุ่มมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเป็นผู้นำการอภิปรายก็ได้ไม่ได้เน้นสอนความรู้ บทเรียนครอบคลุม 4 ด้าน เพื่อให้สมาชิกร่วมอภิปรายจะได้รับความสมดุลในแต่ละด้านของพระคัมภีร์เพื่อนำไปประยุกต์ใช้

4) บทเรียน RENEW  หมายถึง บทเรียนที่นำสมาชิกกลุ่มให้ทำสิ่งเดิมให้ดีขึ้น หรือทำสิ่งเดิมให้ใหม่ขึ้น

5) บทเรียน REFRESH หมายถึง บทเรียนที่มีการเสริมสร้าง การเพิ่มความสดใหม่ ให้กับสมาชิกกลุ่ม

6) บทเรียน REWARD หมายถึง บทเรียนที่ทำให้ตระหนักถึงผลดีที่จะได้รับ ผลดีที่จะเกิดขึ้น เมื่อนำสิ่งที่เรียนรู้ในกลุ่มปัญญาจารย์ไปปฎิบัติ

7) บทเรียน RELEASE หมายถึง บทเรียนที่ครอบคลุมเรื่องการไปเกิดผลในการรับใช้ เมื่อได้รับการปลดปล่อยความสามารถ ปลดปล่อยศักยภาพ ปลดปล่อยภาระใจ 

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่