ก้าวที่ 31 ลก8:11-15 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระวจนะของพระคริสต์”
ลักษณะชีวิตผู้ที่ตอบสนองพระวจนะ ลก8:11-15 มีทั้งหมด 5 ตอน
ก้าวที่ 29 ดำเนินชีวิตที่เป็นพระพร(เป็นประโยชน์)
ก้าวที่ 30 อย่าดำเนินชีวิตที่ไม่ตอบสนองพระวจนะ
ก้าวที่ 31 อย่าดำเนินชีวิตตามโลก
ก้าวที่ 32 อย่าดำเนินชีวิตไม่ผ่านการทดสอบทดลอง
ก้าวที่ 33 ดำเนินชีวิตตามที่ได้เรียนรู้เรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
เขียนโดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ วันที่ 9 เม.ษ.2020
ตอนที่ 3 อย่าดำเนินชีวิตตามโลก
1.การแสดงออกของการดำเนินชีวิตตามโลก (14ก)
2.ผลร้ายของการดำเนินชีวิตตามโลก (14ข)
พระเยซูทรงอธิบายอุปมาเรื่อง ผู้หว่านเมล็ดพืช (มธ.13:18-23; มก.4:13-20)
11“อุปมานั้นหมายถึงอย่างนี้ เมล็ดพืชหมายถึงพระวจนะของพระเจ้า
12ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจของเขาเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด
13ที่ตกบนหินหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วก็รับพระวจนะนั้นด้วยความยินดี แต่ไม่มีราก เชื่อได้เพียงชั่วคราว เมื่อถูกทดลองก็หลงไป
14ที่ตกกลางหนามหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว และขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่ ความกังวลทรัพย์สมบัติ และความสนุกสนานของชีวิตนี้ ก็รัดพวกเขาจนทำให้ผลไม่เติบโต
มธ.13:22 และเมล็ดซึ่งหว่านกลางหนามนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ฟังพระวจนะ แต่ความกังวลของโลก และการล่อลวงของทรัพย์สมบัติรัดพระวจนะนั้นเสีย จึงไม่เกิดผล
มก.4:18-19 ส่วนพืชที่หว่านลงกลางหนามนั้นได้แก่คนที่ได้ยินพระวจนะ 19แล้วความกังวลของโลก และความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ และความโลภในสิ่งต่างๆ ประดังเข้ามา และรัดพระวจนะนั้น จึงไม่เกิดผล
15ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน
เบื้องหลังของพระธรรมตอนนี้ เป็นคำสอนเกี่ยวข้องกับเรื่องแผ่นดินสวรรค์ พระองค์สอนบนเรือที่ทะเลสาบกาลิลี โดยสอนเป็นคำอุปมา
มธ13:1-2ในวันนั้นพระเยซูเสด็จจากบ้านไปประทับที่ชายทะเลสาบ
2มีมหาชนมาหาพระองค์ พระองค์จึงเสด็จลงไปประทับในเรือ และฝูงชนทั้งหมดก็ยืนอยู่บนฝั่ง
ผู้ฟังในเวลานั้นมีมหาชน ประชาชนทั่วไป และพวกสาวก เนื้อหาเป็นเรื่องแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้า โดยพระเยซูคริสต์อธิบายคำอุปมาให้สาวกเข้าใจ แสดงว่าพระเยซูคริสต์อธิบายให้คนที่เชื่อพระองค์แล้วเข้าใจ แต่ผู้ที่ฟังอุปมาแล้วไม่เข้าใจในคำสอนของพระเยซูคริสต์ พวกเขาไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องได้
ผู้ที่ฟังแล้วไม่เข้าใจก็เหมือนคนที่ไม่เชื่อ หากคนที่ฟังไม่ว่าจะเป็นคนเชื่อหรือไม่เชื่อหากพวกเขาไม่เข้าใจคำอุปมานี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามอุปมานี้ จนเกิดผลได้
คำเทศนาตอนนี้ เน้นเรื่องลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระวจนะของพระคริสต์” ยังคงเกี่ยวข้องกับเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ผู้เชื่อควรมีลักษณะชีวิตอย่างไรในเรื่องผู้เป็นสุข มธ5:3-12 ไปแล้ว ผู้เชื่อยังต้องดำเนินชีวิตตอบสนองพระวจนะของพระคริสต์ด้วย
ที่นำลก8:11-15 เป็นตอนเทศนาหลัก เนื่องจากการดูภาษาเดิมพบว่า มธ13:23 และมก4:20 ใช้รูปการเขียน ทั้งประโยคไวยากรณ์แทบจะเหมือนกันเลย ดูเหมือนทั้งสองเล่มจะมีแหล่งอ้างอิงการเขียนจากแหล่งเดียวกัน แต่ลูกาบทที่8 มีความแตกต่างจากมัทธิว และมาระโก ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเทศนาสูงสุดจึงเลือกลูกา เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับมัทธิว และมาระโก
ผลที่พระเยซูคริสต์คาดหวังเมื่อสาวกได้ยิน ได้ฟัง ได้เข้าใจพระวจนะ คือ การที่พวกเขาไปเกิดผล แต่ในลก8:11-12 ตอนที่ 3 นี้เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับการคาดหวังของพระเยซูคริสต์เลย
เพราะจากพระคัมภีร์ 3 ตอนที่เราได้อ่านไปแล้วในตอนต้น ลูกาบอกว่าหนามมารัดทำให้ผลไม่เติบโต, มัทธิว:บอกว่า หนามมารัดพระวจนะจึงไม่เกิดผล แต่มาระโกบอกว่าหนามมารัดพระวจนะจึงไม่เกิดผล
ลก8:14, มธ13:22 , มก4:18-19 หนามมารัดพระวจนะ ทั้งสามตอนใช้รากศัพท์คำเดียวกัน GK173:akantha (n) อ่านว่า (ak’-an-thah) หมายความว่า เต็มไปด้วยหนาม,หนาม,พืชที่มีหนาม,พุ่มไม้หนาม ในตอนนี้หมายถึง ท่ามกลางเมล็ดพันธ์หนาม ตัวอย่าง เหนือดินมีเมล็ดพืชหนามซึ่งถูกวางซ่อนไว้มองไม่เห็น
การรัด คือ GK4846:sumpnigó(V) อ่านว่า(soom-pnee’-go) ทั่วไปหมายถึง บีบแน่น เบียดเสียด รัดแน่นเหมือนวัชพืชรัดต้นไม้ ทำให้ตัดขาดจากสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเติบโต รัดอย่างรุนแรง หายใจไม่ออก (แสดงว่าเมล็ดพระวจนะที่ตกลงในใจของผู้ฟัง จะถูกรัดจนตายในที่สุด)
ผู้เชื่อควรระมัดระวังที่จะให้พระวจนะเติบโตเกิดผลในชีวิต อย่าคิดว่าตนรับเชื่อพระเยซูคริสต์ รับความรอดแล้ว แต่ไม่ตอบสนองพระวจนะพระเจ้าอีกต่อไป เพราะเรากำลังตายฝ่ายวิญญาณอย่างช้าๆและจะตายในที่สุด
พระเยซูคริสต์ได้บอกวิธีจัดการสำหรับข้าวละมานที่มาผสมกับข้าวสาลี ซึ่งตอนยังไม่เติบโตออกผลยังสังเกตเห็นได้ไม่ชัด เหมือนกับเมล็ดหนามเช่นกันเมื่อตอนที่หว่านเมล็ดพระวจนะก็ไม่เห็นเมล็ดหนามเช่นกัน
มธ13:27-30 บรรดาทาสของเจ้าบ้านจึงมาแจ้งแก่นายว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านได้หว่านพืชดีไว้ในนาของท่านไม่ใช่หรือ? แต่มีข้าวละมานมาจากไหน?’ 28นายก็ตอบว่า ‘นี่เป็นการกระทำของศัตรู’ ทาสเหล่านั้นจึงถามว่า ‘ท่านปรารถนาจะให้เราไปถอนและเก็บข้าวละมานไหม?’ 29แต่นายตอบว่า ‘อย่าเลย เกรงว่าเมื่อกำลังถอนข้าวละมานจะถอนข้าวดีด้วย 30ให้ทั้งสองเติบโตไปด้วยกันจนถึงฤดูเกี่ยว และในเวลาเกี่ยวนั้นเราจะสั่งบรรดาผู้เกี่ยวว่า “จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อนเผาไฟเสีย แต่ข้าวดีนั้นจงรวบรวมไว้ในยุ้งฉางของเรา
“พระวจนะ” ทั้งสามตอนใช้รากศัพท์อันเดียวกัน GK3056:logos(n) อ่านว่า (log’-os) ในตอนนี้ เป็นหลักคำสอนเกี่ยวกับความสำเร็จผ่านทางพระเยซูคริสต์แห่งความรอดของอาณาจักรของพระเจ้า
Maclaren เมล็ดอย่างเดียวกันแต่ตกตามดินสี่ชนิดที่แตกต่างกัน ผู้หว่านในสมัยนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะหว่านเมล็ดในดินที่ไม่สามารถเกิดผลได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
“หนามที่รัดพระวจนะ คือ อันตรายที่ทำให้ฝ่ายวิญญาณตายอย่างช้าๆ ไม่รู้ตัว และตายในที่สุด การไม่เกิดผล หรือผลไม่เติบโตเป็นสัญญาณที่ต้องปรับปรุงชีวิต”
การตอบสนองของเราต่อเรื่องนี้ คือ ต้องตรวจสอบชีวิตตนเอง เราได้เรียนรู้ว่าหนามคือ อะไร เราต้องปรับปรุงชีวิตในส่วนที่เราถูกหนามรัด เพื่อให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราเกิดผล เติบโต ไม่ตาย ทำให้เรามั่นใจความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และมั่นใจในการรับความรอดในที่สุด
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่องนี้ ผ่านหัวข้อคำเทศนา ลก8:11-15 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “ตามพระวจนะของพระคริสต์” มีทั้งหมด 5 ตอน
ตอนที่ 3 อย่าดำเนินชีวิตตามโลก