ส่ิงที่เรียนรู้จากพระธรรมยากอบ คือ หนทางเอาชนะการทดลองใจและผ่านการทดสอบความเชื่อ มีเป้าหมายการรักษาชีวิตในความชอบธรรม ดำเนินชีวิตในความชอบธรรม เพราะพระเจ้าทำให้เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว

เมื่อท่านศึกษาเฝ้าเดี่ยวพระธรรมยากอบแล้ว ท่านอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ รักษาตัวให้พ้นราคี ยอมรับพระวจนะ และขจัดความโสมม ความชั่วทั้งปวง เพื่อดำเนินชีวิตอย่างคนชอบธรรม

19พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ 20เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ก่อให้เกิดความชอบธรรมของพระเจ้า 21เพราะฉะนั้นจงขจัดความโสมมทุกอย่างและความชั่วที่มีอยู่ดาษดื่น และด้วยใจที่สุภาพอ่อนโยนจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้

22แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง 23เพราะถ้าใครเป็นเพียงผู้ฟังพระวจนะและไม่ใช่ผู้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตนเองในกระจกเงา 24เพราะว่าเมื่อเห็นแล้วก็จากไป และลืมในทันทีว่าตนเองเป็นอย่างไร 25แต่ผู้ที่พินิจพิจารณาธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นธรรมบัญญัติแห่งเสรีภาพและตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นผู้ที่ฟังแล้วก็ลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติตาม ผู้นั้นจะได้รับความสุขในการประพฤติของตน

26ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็นคนมีธรรมะแต่ไม่ได้ควบคุมลิ้นของตน เขาก็หลอกลวงจิตใจของตนเอง และธรรมะของคนนั้นก็ไม่มีประโยชน์ 27ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดานั้น คือการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก

พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2011 สงวนลิขสิทธิ์ 2011 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย

A : Attitude

เราได้รับความรู้ใหม่ๆ หรือเราได้รับทัศนคติใหม่ๆ จากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่อ่านเรื่องอะไรบ้าง?

หนทางการเอาชนะการทดลองใจ และผ่านการทดสอบความเชื่อ คือ การขจัดความโสมมและความชั่ว(21) สาเหตุที่ให้เราทำชั่ว คือ ความโกรธ พระคัมภีร์จึงสอนให้เราโกรธช้า แต่ให้ไวในการฟัง ช้าในการโกรธ การโกรธไม่ชอบธรรมเป็นการทดลองใจอย่างหนึ่ง เมื่อสะสมความโกรธไว้มากๆ ทำให้ทำความชั่วได้ในที่สุด แล้วเราจะชำระความโกรธได้อย่างไร

คำตอบ คือ ด้วยการสะสมพระวจนะของพระเจ้า ยอมรับพระวจนะของพระเจ้า และประพฤติตาม (21,22) เราต้องตรวจสอบใจของเรากับพระวจนะของพระเจ้า ถ้าเราเชื่อพระเจ้าจริงๆเราย่อมไวในการฟังพระวจนะพระเจ้า เมื่อรู้แล้ว เข้าใจแล้ว เชื่อแล้ว เราจะประพฤติตาม สิ่งนี้เป็นการสะท้อนว่ามีความเชื่อในพระเจ้าจริงๆ มีการแสดงออก อาจเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังเดือดร้อน หรือตามที่พระเจ้าให้ช่วยเหลือ(27) เช่น เด็กกำพร้า หญิงม่าย ออกจากปัญหาตนเองให้เอาใจใส่ปัญหาคนอื่นและหาทางช่วยคนอื่น

คนที่มีความเชื่อจะรักษาชีวิตของตนเองให้พ้นจากราคี(27) รู้จักการระมัดระวังคำพูด(19,26) เพราะเป็นการป้องกันไม่ให้เรากลับไปในการดำเนินชีวิตในความบาป ในความอธรรมอีกต่อไป เมื่อเราระวังการทดลองใจ และบททดสอบความเชื่อ เป็นเหมือนการเดินทางระยะทางยาวนาน ยาวไกล เราจำเป็นต้องดูแลชีวิต และบำรุงรักษาความเชื่อ รักษาใจให้ดี เพื่อไปถึงเป้าหมายที่พระเจ้าเรียกให้เราไปรับ

C : Christ in focus

เรามองเห็นพระเยซูเป็นใคร พระองค์ทำอะไรบ้าง ผ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่เราอ่านอย่างไรบ้าง?

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า แต่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ อยู่ในโลกแห่งความบาป แต่พระองค์รักษาชีวิตไม่ทำบาป และผู้เชื่อที่สามัคคีธรรมกับพระเจ้าก็ไม่ทำบาปเช่นกัน ด้วยการรักษาชีวิตในทางชอบธรรมของพระเจ้า

T : Transformation

เราต้องการให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในด้านใดบ้าง

ระมัดระวังการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะการระวังความโกรธที่ไม่ชอบธรรม ที่ทำให้เราไปทำบาป ควบคุมคำพูดไม่ให้สร้างปัญหากับตนเองและผู้อื่น หรือทำให้คนอื่นโกรธ ใช้เวลากับพระวจนะในการศึกษา ใคร่ครวญให้มากขึ้น และประพฤติตามพระวจนะที่ได้เรียนรู้

S : Serve

เราจะดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?

รับใช้พระเจ้าด้วยการชำระล้างบาปในชีวิตของตนเอง รักษาจิตสำนึกชอบ ด้วยการศึกษาพระวจนะ เรียนรู้ยกโทษคนที่ทำให้เราโกรธ ไม่สะสมความโกรธ ที่ทำให้เราบาดเจ็บ โกรธแค้น ช่วยคนอื่นๆให้เอาชนะการทดลองใจ และผ่านบททดสอบความเชื่อในเรื่องนี้ไปให้ได้

ขอพระเจ้าอวยพร ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

บทความก่อนหน้านี้เฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. พระธรรมยากอบ บทที่1:12-18
บทความถัดไปเฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. พระธรรมยากอบ บทที่2:1-13

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่