หน้าแรก เฝ้าเดี่ยวแบบตามพระธรรม พระธรรมผู้วินิจฉัย เฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่20:1-48

เฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่20:1-48

1708
0
ภาพจาก https://www.huffingtonpost.com/entry/trump-nominee-bible-constitution_us_59b004cbe4b0354e440e5379

ส่ิงที่เรียนรู้จากพระธรรมวินิจฉัย คือ  พระเจ้าจะไม่วางเฉยสำหรับคนอธรรม หรือการอธรรม พระองค์จะมีการพิพากษาอย่างแน่นอน

เมื่อท่านศึกษาเฝ้าเดี่ยวพระธรรมผู้วินิจฉัยแล้ว เรียนรู้ที่จะกลับใจใหม่กับพระเจ้า ไม่ต่อสู้กับพระเจ้า ไม่สร้างปัญหาเสียหายร้ายแรงจากความบาปที่ตนเองไม่กลับใหม่จากความบาปผิด ที่ได้ทำไป

เผ่าอื่นๆ โจมตีเผ่าเบนยามิน

1คนอิสราเอลทั้งหมดตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบา ทั้งแผ่นดินกิเลอาดก็ออกมา ชุมนุมชนนั้นได้ประชุมเป็นใจเดียวกันต่อพระยาห์เวห์ที่เมืองมิสปาห์ 2ผู้นำของประชาชนทั้งสิ้นคือของทุกเผ่าในอิสราเอล ได้ปรากฏตัวในที่ประชุมแห่งประชากรของพระเจ้า มีทหารราบถือดาบ 400,000 คน 3(ครั้งนั้นคนเบนยามินได้ยินว่าคนอิสราเอลได้ขึ้นไปยังมิสปาห์) คนอิสราเอลกล่าวว่า “บอกเรามาว่า เรื่องชั่วร้ายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” 4คนเลวีสามีของหญิงที่ถูกฆ่านั้นตอบว่า “ตัวข้าพเจ้าและภรรยาน้อยมาถึงเมืองกิเบอาห์ซึ่งเป็นของเบนยามินเพื่อจะค้างคืนที่นั่น 5ในคืนนั้นชาวเมืองกิเบอาห์ก็ลุกขึ้นล้อมบ้านที่ข้าพเจ้าพักอยู่ พวกเขาหมายจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย พวกเขาข่มขืนภรรยาน้อยของข้าพเจ้าจนตาย 6ข้าพเจ้าจึงนำศพนางมาหั่นเป็นท่อนๆ ส่งไปทั่วดินแดนที่เป็นมรดกของอิสราเอล เพราะพวกเขาทำเรื่องชั่วและเรื่องบัดสีในอิสราเอล 7นี่แน่ะ ท่านทุกคนผู้เป็นคนอิสราเอล จงให้คำแนะนำและคำปรึกษา ณ ที่นี่เถิด”

8ประชาชนทุกคนก็ลุกขึ้นกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “เราจะไม่กลับไปเต็นท์ เราจะไม่กลับไปบ้าน 9แต่นี่คือสิ่งที่เราจะทำกับเมืองกิเบอาห์ เราจะจับฉลากยกขึ้นไปรบกับเมืองนั้น 10เราจะเลือกคนอิสราเอลทุกเผ่าคัดเอาร้อยละสิบคน พันละร้อย หมื่นละพันให้ไปหาเสบียงอาหาร มาให้กองทัพ เพื่อเขาทั้งหลายจะตอบสนองความบัดสีทั้งสิ้น ซึ่งพวกกิเบอาห์ทำขึ้นในอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงเมืองกิเบอาห์ของเผ่าเบนยามิน” 11คนอิสราเอลทั้งสิ้นก็ร่วมใจกันยกไปสู้เมืองนั้น

12เผ่าต่างๆ ของอิสราเอลก็ส่งคนไปถามทั่วเผ่าเบนยามินว่า “ความชั่วช้านี้ซึ่งเกิดขึ้นในพวกท่านคืออะไร? 13ฉะนั้นบัดนี้ จงมอบตัวพวกคนอันธพาลในเมืองกิเบอาห์มาให้เราประหารชีวิตเสีย เราจะได้กำจัดความชั่วเสียจากอิสราเอล” แต่คนเบนยามินไม่ยอมฟังเสียงคนอิสราเอลพี่น้องของตน 14คนเบนยามินจากเมืองต่างๆ มารวมกันไปยังเมืองกิเบอาห์ เพื่อยกออกไปทำสงครามกับคนอิสราเอล 15คราวนั้นคนเบนยามินจากเมืองต่างๆ มาชุมนุมกัน เป็นทหารถือดาบ 26,000 คน นอกเหนือจากชาวเมืองกิเบอาห์ ซึ่งมาชุมนุมกัน เป็นทหารที่คัดเลือกแล้ว 700 คน 16ในจำนวนทั้งหมดนี้มีคนที่คัดเลือกแล้ว 700 คน ถนัดมือซ้ายและทุกคนสามารถเหวี่ยงก้อนหินให้ถูกเส้นผมได้ไม่พลาดเลย 17คนอิสราเอลยกเว้นคนเบนยามินมาชุมนุมกัน เป็นทหารถือดาบ 400,000 คน ทุกคนเป็นนักรบ

18คนอิสราเอลลุกขึ้นไปยังเมืองเบธเอล และทูลถามพระเจ้าว่า “ผู้ใดในพวกข้าพระองค์จะขึ้นไปรบกับคนเบนยามินก่อน?” พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ยูดาห์ก่อน”

19รุ่งเช้าคนอิสราเอลก็ลุกขึ้นตั้งค่ายต่อสู้เมืองกิเบอาห์ 20คนอิสราเอลออกไปรบกับเบนยามิน และคนอิสราเอลได้จัดทัพรบกับพวกเขาที่เมืองกิเบอาห์ 21ในวันนั้นคนเบนยามินออกมาจากเมืองกิเบอาห์ ฆ่าฟันคนอิสราเอลล้มตาย 22,000 คน 22-23และคนอิสราเอลก็ขึ้นไปร้องไห้คร่ำครวญต่อพระยาห์เวห์จนถึงเวลาเย็น เขาทั้งหลายทูลถามพระยาห์เวห์ว่า “สมควรที่ข้าพระองค์จะเข้าประชิดรบกับคนเบนยามินพี่น้องของข้าพระองค์หรือไม่?” พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ขึ้นไปสู้เขาเถิด” แต่คนอิสราเอลยังหนุนใจกันและจัดทัพในที่ที่พวกเขาจัดทัพในวันแรก

24คนอิสราเอลจึงยกเข้าประชิดคนเบนยามินในวันที่สอง 25และในวันที่สองนั้นเบนยามินก็ยกออกจากกิเบอาห์ไปปะทะกับพวกเขา ฆ่าฟันคนอิสราเอลตายอีก 18,000 คน ซึ่งทุกคนเป็นทหารถือดาบ 26แล้วบรรดาคนอิสราเอลคือกองทัพทั้งหมด ได้ขึ้นไปที่เบธเอลและร้องไห้คร่ำครวญ พวกเขานั่งเฝ้าพระยาห์เวห์ที่นั่น และในวันนั้นได้อดอาหารจนเวลาเย็น อีกทั้งได้ถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์ 27คนอิสราเอลจึงทูลถามพระยาห์เวห์ (เพราะในสมัยนั้น หีบพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่ที่นั่น 28และฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ ผู้เป็นบุตรอาโรน ก็ปรนนิบัติอยู่หน้าหีบนั้นในสมัยนั้น) เขาทูลถามว่า “สมควรที่ข้าพระองค์จะยกไปสู้รบกับคนเบนยามินพี่น้องของข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง หรือควรจะหยุดเสีย?” และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงยกขึ้นไปเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า”

29ดังนั้น อิสราเอลจึงซุ่มคนไว้รอบเมืองกิเบอาห์ 30และคนอิสราเอลก็ขึ้นไปสู้รบกับคนเบนยามินในวันที่สาม และจัดทัพต่อสู้เมืองกิเบอาห์อย่างคราวก่อน 31คนเบนยามินก็ยกออกมาปะทะกับกองทัพ และถูกชักพาให้ห่างไปจากตัวเมือง พวกเขาก็เริ่มฆ่าฟันประชาชนบางคนอย่างคราวก่อน คือตามถนนหลวงซึ่งสายหนึ่งขึ้นไปเบธเอล อีกสายหนึ่งไปยังกิเบอาห์และที่กลางทุ่งแจ้ง คนอิสราเอลล้มตายประมาณ 30 คน 32คนเบนยามินกล่าวว่า “เขาแพ้เราอย่างคราวแรก” แต่คนอิสราเอลพูดว่า “ให้เราถอยเพื่อชักพาพวกเขาออกจากเมืองไปยังถนนหลวง” 33คนอิสราเอลทั้งหมดก็ลุกออกจากที่ของตนและตั้งแถวรบที่บาอัลทามาร์ ส่วนคนอิสราเอลที่คอยซุ่มอยู่ก็ออกจากที่ของตนคือจากที่โล่งของเมืองเกบา 34มีทหาร 10,000 คนที่คัดเลือกแล้วจากอิสราเอลทั้งสิ้นรุกเข้าโจมตีเมืองกิเบอาห์ การสงครามกำลังดุเดือด แต่คนเบนยามินไม่รู้ว่าเหตุร้ายกำลังมาใกล้ตนแล้ว 35พระยาห์เวห์ทรงให้คนเบนยามินพ่ายแพ้คนอิสราเอล ในวันนั้นคนอิสราเอลทำลายคนเบนยามินเสีย 25,100 คนซึ่งทุกคนเป็นทหารถือดาบ 36ดังนั้นคนเบนยามินจึงเห็นว่า พวกเขาแพ้แล้ว

คนอิสราเอลทำเป็นล่าถอยต่อเบนยามิน เพราะวางใจคนที่พวกเขาให้ซุ่มอยู่รอบเมืองกิเบอาห์ 37คนที่ซุ่มอยู่ก็รีบรุกเข้าเมืองกิเบอาห์ คนที่ซุ่มอยู่นั้นก็กระจายออกไปประหารทุกคนในเมืองนั้นด้วยคมดาบ 38คนอิสราเอลและคนที่ซุ่มอยู่นัดให้อาณัติสัญญาณกันว่า ถ้าเห็นควันกลุ่มใหญ่พลุ่งขึ้นมาจากในเมือง 39ก็ให้คนอิสราเอลหันกลับมารบ เมื่อเบนยามินเริ่มฆ่าคนอิสราเอลได้สัก 30 คนแล้วก็พูดว่า “พวกเขาต้องแพ้เราอย่างคราวก่อนแน่เลย” 40แต่เมื่อควันไฟลุกพลุ่งขึ้นมาจากในเมืองเป็นเสาควัน คนเบนยามินก็เหลียวหลังมาดู นี่แน่ะ ทั้งเมืองก็มีควันพลุ่งขึ้นถึงท้องฟ้า 41คนอิสราเอลก็หันกลับ คนเบนยามินก็หวาดกลัว เพราะเห็นว่าเหตุร้ายมาใกล้พวกเขาแล้ว 42พวกเขาจึงหันหลังหนีคนอิสราเอลเข้าไปทางถิ่นทุรกันดาร แต่สงครามติดตามพวกเขาไปอย่างหนัก คนที่ออกมาจากเมืองทั้งหลายก็ทำลายพวกเขาที่อยู่ตรงกลาง 43คนอิสราเอลล้อมคนเบนยามิน และไล่ตามไป แล้วเหยียบย่ำพวกเขาจากโนฮาห์ ไปจนถึงที่ตรงข้ามเมืองกิเบอาห์ทางตะวันออก 44คนเบนยามินล้มตาย 18,000 คน ทุกคนเป็นนักรบผู้กล้าหาญ 45พวกที่เหลือก็หันกลับหนีไปยังถิ่นทุรกันดารถึงศิลาริมโมน คนอิสราเอลฆ่าเขาตายตามถนนหลวง 5,000 คน และติดตามอย่างกระชั้นชิดไปจนถึงกิโดม และฆ่าเขาตาย 2,000 คน 46คนเบนยามินที่ล้มตายในวันนั้น ล้วนเป็นทหารถือดาบ 25,000 คน ทุกคนเป็นนักรบผู้กล้าหาญ 47แต่มีทหาร 600 คนหันกลับหนีไปยังถิ่นทุรกันดารถึงศิลาริมโมน และไปอาศัยอยู่ที่ศิลาริมโมนสี่เดือน 48คนอิสราเอลก็หันกลับไปสู้คนเบนยามินอีก และได้ฆ่าทั้งชาวเมืองฝูงสัตว์เลี้ยงและทุกอย่างที่พวกเขาพบด้วยคมดาบ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาก็เอาไฟเผาเสียทุกเมืองที่พบ

พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2011 สงวนลิขสิทธิ์ 2011 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย

A : Attitude

เราได้รับความรู้ใหม่ๆ หรือเราได้รับทัศนคติใหม่ๆ จากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่อ่านเรื่องอะไรบ้าง?

ทหารอิสราเอล 400,000 คน สู้กับทหารเบนยามิน 26,000 คน ยังไงก็ชนะแม้จะแพ้สองครั้งในตอนแรกเสียทหารไป 40,000 คิดเป็นการสูญเสีย10%ของทหารทั้งหมด แต่เบนยามินเสียทหาร 98%  เหลือทหารแค่ 600 คน แต่ชาวบ้าน สัตว์เลี้ยง สิ่งของ ถูกทำลายหมดสิ้น  แล้วคนเบนยามินสู้รบทำไม ทำผิดในเรื่องการข่มขืนภรรยาน้อยของคนเลวีแล้วทำไมไม่ยอมรับผิด ต่อสู้ทำไม

พระเจ้าทรงอนุญาตให้มีการจัดการชำระความผิดบาปในครั้งนี้ โดยตรัสตอบเมื่อทหารอิสราเอลแสวงหาพระเจ้า ซึ่งตอนแรกดูเหมือนพ่ายแพ้ จนทำให้เบนยามินประมาทกองทัพอิสราเอลจนนำความพ่ายแพ้มาสู่ตนเองในที่สุด

C : Christ in focus

เรามองเห็นพระเยซูเป็นใคร พระองค์ทำอะไรบ้าง ผ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่เราอ่านอย่างไรบ้าง?

พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกนี้เพื่อกำจัดความบาปความอธรรม แต่ช่วยคนบาปคนอธรรมให้กลับใจใหม่ แน่ทีเดียวว่าจะมีการต่อสู้ ต่อต้าน ขัดขวาง จากมารซาตาน ความขัดแย้งเช่นนี้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พระเยซูยอมสู้กับความบาปจนยอมสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปให้กับเรา นี่เป็นเหตุแห่งความชอบธรรมในการต่อสู้ของพระองค์ คือ เพื่อช่วยเราให้พ้นจากความบาปผิด และการลงโทษ

T : Transformation

เราต้องการให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในด้านใดบ้าง

การต่อสู้ใดๆที่ต้องเข้าร่วม ให้แน่ใจว่าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า พระเจ้าทรงนำ เรามีความชอบธรรมในการต่อสู้กับความอธรรมเหล่านั้น การศึกเหล่านั้นจึงจะมีชัยชนะได้

แต่ถ้าเราทำความชั่ว ความอธรรม เราต้องกลับใจใหม่ อย่าต่อสู้กับพระเจ้าเพราะเราจะพินาศ ไม่มีทางชนะได้อย่างแน่นอน อย่าสร้างผลเสียหายจากความบาปของตนเองที่ไม่ยอมกลับใจใหม่ อย่าต่อสู้ด้วยเหตุผลอธรรม

S : Serve

เราจะดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?

รับใช้พระเจ้าโดยไม่ต้องกลัวความขัดแย้ง หรือการต่อสู้ หากเป็นเรื่องจำเป็น เพราะมีความอธรรมเกิดขึ้น คนชอบธรรมต้องไม่นิ่งดูดาย ไม่ปล่อยปะละเลย หรือทำเมินเฉยต่อการอธรรม เพราะการอธรรมเหล่านั้นจะแผ่กว้างออกไป หากเราไม่ต่อสู้หรือไม่ทำอะไรเลย เราอาจจะดูสงบไม่มีปัญหาในตอนแรก แต่ในตอนท้ายสุดเราอาจได้รับความเสียหายก็ได้

ส่วนวิธีแก้ปัญหาก็มีหลายวิธีไม่จำเป็นต้องก้าวร้าว รุนแรง หรือใช้กำลัง แต่ทำให้ผู้ที่ทำผิด เกิดการกลับใจใหม่ ทำด้วยความรักต่อผู้ที่กระทำผิด ให้โอกาสเขาในการเริ่มต้นใหม่

ขอพระเจ้าอวยพร ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

บทความก่อนหน้านี้เฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่19:1-30
บทความถัดไปเฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่21:1-25(ตอนจบ)

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่