หน้าแรก เฝ้าเดี่ยวแบบตามพระธรรม พระธรรมผู้วินิจฉัย เฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่19:1-30

เฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่19:1-30

1872
0
ภาพจาก https://www.huffingtonpost.com/entry/trump-nominee-bible-constitution_us_59b004cbe4b0354e440e5379

ส่ิงที่เรียนรู้จากพระธรรมวินิจฉัย คือ ความบาปที่เห็นแก่ตัว คือ การไม่สนใจ ไม่แคร์ ไม่เห็นคุณค่าของคนอื่น สนใจและต้องการแต่ความต้องการของตนเอง เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง เอาตัวเองรอดโดย ไม่สนใจความถูกต้อง ไม่สนใจจริยธรรม

เมื่อท่านศึกษาเฝ้าเดี่ยวพระธรรมผู้วินิจฉัยแล้ว ระมัดระวังบาปแห่งความเห็นแก่ตัว การเอาตัวรอด ด้วยการเอาใจใส่พระเจ้า สนใจพระวจนะของพระเจ้า และดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า

ภรรยาน้อยของคนเลวี

1อยู่มาในสมัยนั้น ไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล ยังมีคนเลวีคนหนึ่งอาศัยอยู่ในแดนไกลโพ้นแห่งเทือกเขาเอฟราอิม เขารับหญิงคนหนึ่งจากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์มาเป็นภรรยาน้อย 2แต่ภรรยาน้อยนอกใจเขาและทิ้งเขากลับไปอยู่บ้านบิดาของนางที่เมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ นางอยู่ที่นั่นได้สี่เดือน 3สามีของนางก็ลุกขึ้นไปตามนาง เพื่อพูดกับนางดีๆ ให้นางกลับมา เขาเอาคนใช้คนหนึ่งและลาคู่หนึ่งไปด้วย นางพาเขาเข้าบ้านบิดาของนาง เมื่อบิดาของหญิงสาวนั้นเห็นเข้าก็ยินดีที่พบเขา 4พ่อตาของเขาคือบิดาของหญิงสาวนั้นได้หน่วงเหนี่ยวเขา ดังนั้นเขาพักอยู่ด้วยสามวัน เขากิน ดื่ม และค้างแรมที่นั่น 5พอถึงวันที่สี่ เขาทั้งหลายก็ตื่นขึ้นแต่เช้ามืด และคนนั้นลุกขึ้นจะไป แต่บิดาของหญิงสาวพูดกับบุตรเขยว่า “กินอาหารสักหน่อยให้มีกำลัง แล้วค่อยไป” 6เขาทั้งคู่ก็นั่งลงกินและดื่มด้วยกัน และบิดาของหญิงสาวก็บอกชายนั้นว่า “ขอค้างอีกสักคืนเถิด ทำใจให้เบิกบาน” 7เมื่อชายนั้นลุกขึ้นจะไป พ่อตาก็ชักชวนไว้ จนเขาต้องค้างคืนที่นั่นอีก 8ในวันที่ห้าเขาก็ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจะออกเดินทางไป บิดาของหญิงนั้นพูดว่า “พักให้สดชื่นและคอยจนบ่ายก่อนเถิด” เขาทั้งคู่ก็กินด้วยกัน 9เมื่อชายนั้นและภรรยาน้อยกับคนใช้ลุกขึ้นจะจากไป พ่อตาของเขาคือบิดาของหญิงนั้นก็บอกเขาว่า “นี่แน่ะ นี่ก็บ่ายใกล้ค่ำแล้ว ขอค้างอยู่อีกคืนหนึ่งเถิด ดูสิ จะสิ้นวันอยู่แล้ว ค้างคืนที่นี่เถิด เพื่อใจของเจ้าจะเบิกบาน แล้วพรุ่งนี้พวกเจ้าจะได้ตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทาง เจ้าจะได้ไปบ้าน”

10แต่ชายนั้นไม่ยอมค้างคืน เขาจึงลุกขึ้นเดินทางไปพร้อมกับภรรยาน้อยและลาคู่หนึ่งที่ผูกอาน จนถึงที่ตรงข้ามเมืองเยบุส (คือเยรูซาเล็ม) 11เมื่อพวกเขามาใกล้เมืองเยบุสก็บ่ายมากแล้ว คนใช้จึงเรียนนายของเขาว่า “ให้เราแวะเข้าเมืองนี้ของคนเยบุสเถิด และให้เราค้างคืนอยู่ในเมืองนี้แหละ” 12แต่นายของเขาตอบว่า “พวกเราจะไม่แวะเข้าเมืองของคนต่างด้าว ผู้ไม่ใช่คนอิสราเอล แต่จะผ่านไปยังเมืองกิเบอาห์” 13เขาจึงบอกคนใช้ว่า “ไปเถิด ให้พวกเราเข้าไปใกล้ที่เหล่านี้แห่งหนึ่ง และค้างในเมืองกิเบอาห์หรือเมืองรามาห์” 14เขาทั้งหลายจึงผ่านไป เมื่อพวกเขามาใกล้เมืองกิเบอาห์ซึ่งเป็นของคนเบนยามินดวงอาทิตย์ก็ตกแล้ว 15พวกเขาจึงแวะเข้าไปจะค้างคืนในเมืองกิเบอาห์ เขาก็เข้าไปนั่งอยู่ที่ลานเมือง เพราะไม่มีใครเชิญพวกเขาเข้าไปค้างในบ้าน

16ในเย็นวันนั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งเข้ามาเมื่อเลิกงานจากไร่นาแล้ว ชายนั้นมาจากแดนเทือกเขาเอฟราอิมมาอาศัยอยู่ในเมืองกิเบอาห์ ส่วนชาวเมืองนั้นเป็นคนเบนยามิน 17เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนเดินทางที่ลานเมือง ผู้อาวุโสจึงถามว่า “ท่านมาจากไหน? และจะไปไหน?” 18เขาตอบว่า “พวกเราเดินทางจากเบธเลเฮมในยูดาห์ จะไปที่แดนไกลโพ้นแห่งเทือกเขาเอฟราอิมซึ่งข้าพเจ้ามาจากที่นั่น ข้าพเจ้าไปเบธเลเฮมในยูดาห์มา และข้าพเจ้ากำลังจะไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ไม่มีใครเชิญข้าพเจ้าเข้าไปพักในบ้านเลย 19พวกเรามีฟางและอาหารสำหรับลา อีกทั้งอาหารและเหล้าองุ่นสำหรับข้าพเจ้าและภรรยากับคนรับใช้ที่อยู่ด้วย พวกเราไม่ขาดสิ่งใดเลย” 20ผู้อาวุโสจึงพูดว่า “สันติสุขจงมีแก่ท่านเถิด ถ้าท่านขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าขอเป็นธุระทั้งสิ้น เพียงแต่อย่าค้างคืนที่ลานเมืองเลย” 21เขาจึงพาชายนั้นเข้าบ้าน เอาอาหารให้ลา ต่างก็ล้างเท้าของตน แล้วก็กินและดื่ม

ความผิดร้ายแรงของชาวเมืองกิเบอาห์

22ขณะที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น นี่แน่ะ คนเมืองนั้นที่เป็นคนอันธพาลมาล้อมบ้านไว้ ทุบประตู ร้องบอกผู้อาวุโสผู้เป็นเจ้าของบ้านว่า “ส่งชายที่เข้ามาอยู่ในบ้านของแกมาให้เราข่มขืน” 23ชายเจ้าของบ้านก็ออกไปพูดกับพวกเขาว่า “อย่าเลย พี่น้องเอ๋ย ขอทีอย่าทำชั่วเช่นนี้เลย เมื่อชายคนนี้มาอาศัยบ้านของข้าแล้ว อย่าทำเรื่องบัดสีเลย 24นี่แน่ะ นี่คือลูกสาวพรหมจารีของข้าและเมียน้อยของเขา ข้าจะพาออกมาให้ท่านเดี๋ยวนี้ จงข่มขืนหรือทำอะไรก็ได้ตามใจชอบเถิด แต่อย่าทำเรื่องบัดสีกับชายคนนี้เลย” 25แต่คนเหล่านั้นไม่ยอมฟังเสียง ชายนั้นจึงฉวยภรรยาน้อยของตนผลักนางออกไปให้พวกเขา เขาทั้งหลายก็ข่มขืนนางอย่างทารุณตลอดคืนจนรุ่งเช้า พอรุ่งสาง พวกเขาก็ปล่อยนางไป 26เมื่อฟ้าแจ้ง ผู้หญิงนั้นก็กลับมาล้มลงที่ประตูบ้านของชายนั้นซึ่งสามีของตนพักอยู่นอนที่นั่นจนสว่าง

27รุ่งเช้า สามีของนางก็ลุกขึ้นเปิดประตูบ้านเพื่อจะออกเดินทาง นี่แน่ะ ภรรยาน้อยของเขานอนอยู่ที่ประตูบ้านโดยมืออยู่ที่ธรณีประตู 28เขาจึงบอกนางว่า “ลุกขึ้นไปกันเถิด” แต่ไม่มีคำตอบ เขาจึงเอานางขึ้นหลังลา ชายนั้นก็ลุกขึ้นเดินทางไปบ้านของตน 29เมื่อถึงบ้านแล้ว ก็เอามีดหั่นศพนางออกเป็นท่อนๆ ได้สิบสองท่อนแล้วจึงส่งไปทั่วเขตแดนอิสราเอล 30ทุกคนที่เห็นก็พูดว่า “เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครเคยพบเคยเห็นตั้งแต่สมัยคนอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงวันนี้ จงตรึกตรองปรึกษากันดูแล้วก็ว่ากันไปเถิด”

พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2011 สงวนลิขสิทธิ์ 2011 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย

A : Attitude

เราได้รับความรู้ใหม่ๆ หรือเราได้รับทัศนคติใหม่ๆ จากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่อ่านเรื่องอะไรบ้าง?

คนทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว ไม่มากก็น้อย ทุกคนล้วนแต่ทำผิดพลาด

คนเลวีเอาตัวรอด ให้ภรรยาน้อยรับการข่มขืนแทนตนเอง แม้ตอนแรกดูเหมือนคนเลวีจะเป็นคนดี เพราะว่าภรรยาน้อยได้ทำผิดกับเขาได้หนีไป แต่เขาก็เดินทางไปรับนางคืนกลับมา

เจ้าของบ้านให้ภรรยาและลูกสาวแก่คนเบนยามินไปข่มขืนแทนแขกของตนเอง เป็นการทำถูกต้องตามวัฒนธรรมต้อนรับแขกแปลกหน้า

คนเบนยามินน่าจะเป็นคนเริ่มต้นปัญหาที่นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างมากต่อเผ่าพันธ์ของตนเอง โดยขอข่มขืนแขกต่างเมืองที่มาพักที่เมืองของตนเอง โดยไม่สนใจความถูกต้องตามวัฒนธรรมต้อนรับแขกแปลกหน้าในเวลานั้นเลย หรือไม่สนใจจริยธรรมทางเพศเลย

ส่วนภรรยาน้อยของคนเลวี พระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของบทนี้บันทึกว่านางนอกใจเขา รากศัพท์บอกว่า เป็นการล่วงประเวณี เป็นเหมือนหญิงโสเภณี หญิงแพศยา แล้วนางก็หนีไปจากคนเลวี  แต่สุดท้ายนางถูกข่มขืนจนตาย นางสมควรรับการลงโทษเช่นนี้หรือ เหตุการณ์นี้เป็นการจุดชนวนการฆ่าล้างเผ่าพันธ์เบนยามินในเวลาต่อมา จากข้อ29-30 เขาสับศพภรรยาน้อยส่งไปทั่วเขตแดนอิสราเอล แทนที่จะทำศพให้นาง

C : Christ in focus

เรามองเห็นพระเยซูเป็นใคร พระองค์ทำอะไรบ้าง ผ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่เราอ่านอย่างไรบ้าง?

พระเยซูคริสต์ไม่เห็นแก่ตัว แต่สละชีวิตของพระองค์เองเพื่อคนบาปทุกคน พระองค์ไม่ทรงแก้แค้นตอบแทนการร้าย พระองค์ทรงสร้างสันติ ทรงยกโทษ ทรงให้อภัย ต่อผู้ที่ทำร้ายพระองค์

การสร้างสันติเต็มไปด้วยการเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาตัวเองรอด พระเยซูจึงตายไถ่บาปช่วยผู้คนได้มากมาย วันที่สามพระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ประกาศความเป็นพระเจ้าผู้จะกลับมาพิพากษาโลกในวันที่พระองค์เสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

T : Transformation

เราต้องการให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในด้านใดบ้าง

ระมัดระวังความเห็นแก่ตัวในชีวิต เอาตัวรอด โดยไม่สนใจคนอื่น ไม่สนใจความถูกต้อง และไม่สนใจพระเจ้า

แก้ไขด้วยการเอาใจใส่พระเจ้าให้มากขึ้น สนใจพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้น และดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า

S : Serve

เราจะดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?

อย่ายอมตอบสนองความต้องการอธรรมของคนอธรรม เราต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาพระเจ้า ยืนหยัดในเรื่องที่ถูกต้อง แล้วพระเจ้าจะเป็นผู้พิพากษา ตัดสินลงโทษคนอธรรม หรือช่วยเหลือคนชอบธรรม

อย่ารับใช้โดยเห็นแก่ผลประโยชน์มากกว่าความถูกต้อง อย่ารับใช้โดยเห็นแก่ความต้องการที่ไม่ถูกต้องของคนส่วนมาก แต่สนใจความต้องถูกต้องกับพระเจ้าต่างหาก ไม่ใช่ความพยายามในการเอาใจคนส่วนมากที่ไม่ถูกต้อง

แก้ไขปัญหาให้ถูกต้องตรงจุดมากกว่าการขยายปัญหาให้ลุกลาม

ขอพระเจ้าอวยพร ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

บทความก่อนหน้านี้เฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่18:1-31
บทความถัดไปเฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่20:1-48

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่