ส่ิงที่เรียนรู้จากพระธรรมวินิจฉัย คือ พระเจ้าดูแลคนของพระเจ้า เมื่อพวกเขาตระหนักว่าพระองค์เป็นพระเจ้าของเขา และยอมให้พระองค์ช่วยเหลือ

พระเจ้าให้มีผู้นำและทีมร่วมมือกันต่อต้าน ต่อสู้ศัตรูที่หวังร้ายจะทำลายชีวิตของเราได้

เมื่อท่านศึกษาเฝ้าเดี่ยวพระธรรมผู้วินิจฉัยแล้ว ท่านจะพบว่าพระเจ้ามีวิธีในการจัดการแก้ไขปัญหา หรือจัดการอุปสรรคปัญหา หรือศัตรูของเรา เพื่อช่วยเหลือเราโดยที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นไปได้ ขอให้เราลองมาศึกษาพระธรรมตอนนี้ด้วยกัน ขอพระเจ้าอวยพร

วนฉ4:1-24

เดโบราห์และบาราค

1หลังจากเอฮูดสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลก็ทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์อีก 

2พระยาห์เวห์จึงทรงขายพวกเขาไว้ในมือของยาบินกษัตริย์คานาอัน ผู้ทรงครองราชย์อยู่ ณ กรุงฮาโซร์ แม่ทัพของท่านชื่อสิเสรา เป็นชาวเมืองฮาโรเชทฮาโกยิม 

3แล้วคนอิสราเอลก็ร้องทุกข์ต่อพระยาห์เวห์ เพราะว่ากษัตริย์ยาบินมีรถรบเหล็ก 900 คัน และได้ข่มเหงคนอิสราเอลอย่างหนักถึง 20 ปี

4ยังมีผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้วินิจฉัยคนอิสราเอลในเวลานั้น ชื่อเดโบราห์ ภรรยาของลัปปิโดท 5นางเคยนั่งอยู่ใต้ต้นอินทผลัมแห่งเดโบราห์ที่อยู่ระหว่างรามาห์และเบธเอลในแดนเทือกเขาเอฟราอิม และคนอิสราเอลก็ขึ้นมาหานางที่นั่น เพื่อให้ตัดสินคดี 6นางใช้คนไปเรียกบาราคบุตรอาบีโนอัม ให้มาจากเคเดชในนัฟทาลีและกล่าวแก่เขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงบัญชาท่านว่า ‘จงไปรวบรวมพล 10,000 คน จากเผ่านัฟทาลีและเผ่าเศบูลุนไว้ที่ภูเขาทาโบร์ 7และเราจะชักนำสิเสราแม่ทัพของยาบินให้มาพบกับเจ้าที่แม่น้ำคีโชน พร้อมกับรถรบและกองทหารของเขา และเราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า’ ” 

8บาราคจึงตอบนางว่า “ถ้าท่านไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไป ถ้าท่านไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่ไป” 

9นางจึงตอบว่า “ฉันจะไปกับท่านแน่ แต่ว่าทางที่ท่านไปจะทำให้ท่านไม่ได้รับเกียรติ เพราะว่าพระยาห์เวห์จะขายสิเสราไว้ในมือของหญิงคนหนึ่ง” แล้วนางเดโบราห์ก็ลุกขึ้นไปกับบาราคถึงเมืองเคเดช 10บาราคจึงเรียกเศบูลุนกับนัฟทาลีให้ไปที่เคเดช มีคน 10,000 คนเดินตามขึ้นไปและนางเดโบราห์ก็ไปด้วย

11เฮเบอร์คนเคไนต์ได้แยกตัวออกจากคนเคไนต์ทั้งหลาย คือจากพงศ์พันธุ์ของโฮบับพ่อตาของโมเสส มาตั้งเต็นท์อยู่ไกลออกไปถึงต้นโอ๊กในศานันนิม ซึ่งอยู่ใกล้เมืองเคเดช

12เมื่อมีคนไปแจ้งแก่สิเสราว่า บาราคบุตรอาบีโนอัมขึ้นไปที่ภูเขาทาโบร์แล้ว 13สิเสราก็เรียกรถรบทั้งหมดของท่านออกมา เป็นรถรบเหล็ก 900 คัน รวมกับกองทหารทั้งหมดที่ไปด้วย ยกไปจากเมืองฮาโรเชทฮาโกยิมไปถึงแม่น้ำคีโชน 

14นางเดโบราห์จึงกล่าวแก่บาราคว่า “ลุกขึ้นเถิด เพราะว่านี่เป็นวันที่พระยาห์เวห์ทรงมอบสิเสราไว้ในมือของท่าน พระยาห์เวห์เสด็จนำหน้าท่านไปมิใช่หรือ?”

บาราคจึงลงไปจากภูเขาทาโบร์พร้อมกับทหาร 10,000 คนติดตามท่านไป 15พระยาห์เวห์ทรงทำให้สิเสราและรถรบทั้งสิ้น อีกทั้งกองทัพทั้งหมดของท่านแตกพ่ายด้วยคมดาบต่อหน้าบาราค แล้วสิเสราก็ลงจากรถรบวิ่งหนีไป 16และบาราคได้ไล่ติดตามรถรบทั้งหลายและกองทัพไปจนถึงฮาโรเชทฮาโกยิม และกองทัพของสิเสราก็ล้มตายสิ้นด้วยคมดาบ ไม่เหลือสักคนเดียว

17สิเสราวิ่งหนีไปถึงเต็นท์ของยาเอลภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์ เพราะว่ายาบินกษัตริย์เมืองฮาโซร์เป็นไมตรีกันกับพงศ์พันธุ์เฮเบอร์คนเคไนต์ 18ยาเอลจึงออกไปต้อนรับสิเสราเรียนว่า “เจ้านายของดิฉัน เชิญแวะเข้ามา เชิญแวะเข้ามาหาดิฉัน อย่ากลัวเลย” สิเสราจึงแวะหานางในเต็นท์ และนางก็คลุมตัวท่านด้วยผ้าห่ม 19ท่านจึงพูดกับนางว่า “ขอน้ำให้เราดื่มสักหน่อยเพราะเรากระหาย” นางก็เปิดถุงหนังเอานมให้ท่านดื่ม และเอาผ้าคลุมท่านไว้ 20สิเสราบอกนางว่า “ขอยืนเฝ้าที่ประตูเต็นท์ ถ้ามีใครมาถามว่า ‘มีใครมาพักที่นี่บ้าง?’ จงบอกว่า ‘ไม่มี’ ” 

21แต่ยาเอลภรรยาของเฮเบอร์หยิบหลักขึงเต็นท์ ถือค้อนเดินย่องเข้ามา ตอกหลักเข้าที่ขมับของสิเสราทะลุติดดิน ขณะเมื่อสิเสรากำลังหลับสนิทอยู่เพราะความเหน็ดเหนื่อย แล้วสิเสราก็สิ้นชีวิต 

22และดูสิ ขณะที่บาราคไล่ติดตามสิเสรา ยาเอลก็ออกไปต้อนรับและเรียนท่านว่า “เชิญเข้ามาเถิด ดิฉันจะชี้ให้ท่านเห็นคนที่ท่านค้นหาอยู่นั้น” บาราคก็เข้าไปเห็นสิเสรานอนสิ้นชีวิตอยู่ มีหลักเต็นท์ในขมับ

23ในวันนั้น พระเจ้าทรงทำให้ยาบินกษัตริย์คานาอันนอบน้อมต่อคนอิสราเอล 24และมือของคนอิสราเอลก็ทำต่อยาบินหนักขึ้นทุกที จนเขาทั้งหลายได้กำจัดยาบินกษัตริย์คานาอันเสีย

พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2011 สงวนลิขสิทธิ์ 2011 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย

A : Attitude

เราได้รับความรู้ใหม่ๆ หรือเราได้รับทัศนคติใหม่ๆ จากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่อ่านเรื่องอะไรบ้าง?

เราจะสังเกตพบว่าความร่วมมือของผู้นำทั้งเดโบราห์และบาราคนำมาซึ่งชัยชนะเหนือศัตรู ทั้งสองท่านเคารพต่อบทบาทที่พระเจ้าเรียกแตกต่างกันแต่ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือคนอิสราเอลจากศัตรูได้ เดโบราห์รู้การเปิดเผยของพระเจ้า แต่ต้องบอกให้บาราคเป็นคนดำเนินการไปรวบรวมผู้คนเพื่อมาต่อสู้กับสิเสรา แต่ชัยชนะเกิดขึ้นจากยาเอลภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์ตามที่พระเจ้าแจ้ง กับเดโบราห์ไว้ล่วงหน้าแล้ว

เราอาจจะมีคำถามว่า “การฆ่าคนในขณะที่เขานอนหลับเพื่อพระเจ้าเป็นการกระทำที่ถูกต้องไหม”

ถ้าในสถานการณ์ปกติก็ถือว่าไม่ถูกต้อง แต่นี่อยู่ในช่วงภาวะสงครามการตายของผู้นำทัพก็ย่อมมีผลต่อการพ่ายแพ้ของสงคราม สิเสราก็ต้องระมัดระวังตนเองให้มากกว่านี้

อีกสิ่งหนึ่งคือ พระเจ้ากำจัดเขาในฐานะที่เป็นศัตรูกับคนของพระองค์ เขาไม่ได้รับเกียรติในการตายโดยต่อสู้ในในสงครามเลย แต่ตายเพราะความประมาทไม่ระมัดระวังชีวิตตนเอง

วันสุดท้ายที่พระเจ้าพิพากษาลงโทษมาร ซาตาน และสมุนของพวกมัน มันก็จะไม่ได้รับเกียรติในการโยนลงไปในบึงไฟอย่างแน่นอน

แต่พระเจ้ามีปลายทางที่ดีสำหรับคนของพระองค์ เมื่อกลับใจใหม่ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้า โดยเฉพาะผู้นำเมื่อใกล้ชิดพระเจ้าทำตามแผนการพระเจ้า ชีวิตผู้นำจะเป็นพระพรแก่คนของพระเจ้า เป็นพระพรแก่งานของพระเจ้า

เราต้องเรียนรู้จากพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า

คนของพระเจ้าต้องร่วมมือกันรับใช้

เพื่อเป็นพระพรต่อผู้อื่น

C : Christ in focus

เรามองเห็นพระเยซูเป็นใคร พระองค์ทำอะไรบ้าง ผ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ตอนที่เราอ่านอย่างไรบ้าง?

พระเยซูมาบังเกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ก็เพื่อจะสื่อสารเรื่องแผนการความรอดของพระเจ้าให้กับมนุษย์ และคริสตจักรหรือชุมชนผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เป็นเครื่องมือที่พระเจ้าให้สื่อสารเรื่องแผนการความรอดนี้ต่อไป คริสตจักรต้องร่วมมือกับพระคริสต์

พระเยซูมาเพื่อไถ่บาปด้วยตนเอง มาเพื่อสื่อสารความเป็นพระเจ้าของพระองค์ เพื่อให้ความหวังแก่มนุษย์ที่ต้องการหลุดพ้นจากความผิดบาป กลับคืนดีกับพระเจ้าได้ และพระองค์มอบเรื่องนี้ให้คริสตจักรเป็นผู้ดำเนินการร่วมมือกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อทำพันธกิจแห่งการคืนดีนี้ต่อไป

คริสตจักรต้องร่วมมือด้วยใจเชื่อฟังกับพระคริสต์ ทำพันธกิจของคริสตจักรไม่ใช่ทำกิจธุระของโลกมากกว่าพันธกิจหลักของพระเจ้าในการช่วยเหลือคนบาปให้กลับคืนดีกับพระเจ้า เตรียมเขาเป็นธรรมิกชนเพื่อจะทำการดี เพื่อพระเจ้าต่อไป

T : Transformation

เราต้องการให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในด้านใดบ้าง?  

 คนของพระเจ้าเรียนรู้ที่จะไม่ทำชั่วในสายพระเนตรพระเจ้าโดยเราต้องรู้พระทัย ต้องรู้พระดำริของพระเจ้า ผ่านพระคัมภีร์

มองหาติดตามผู้รับใช้ที่ติดตามพระเจ้า รับใช้ร่วมกับผู้นำที่ทำการของพระเยซูคริสต์ รับใช้พระเจ้าเพื่อช่วยเหลือคนของพระเจ้าไม่ใช่หาประโยชน์จากคนของพระเจ้า

เรียนรู้ที่จะเป็นผู้นำ เป็นผู้รับใช้ ตามที่พระเจ้าแต่งตั้ง ตามที่พระเจ้าทรงนำ โดยมีความร่วมมือกันและกันเพื่อคนของพระเจ้าเพื่อช่วยเหลือคนอื่นให้มาถึงพระเจ้า

S : Serve

เราจะดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?

เรียนรู้ที่จะรับใช้พระเจ้า โดยให้ชีวิตของตนเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น โดยเฉพาะกับคริสตจักรของพระเจ้า เพื่อให้พันธกิจที่พระเยซูมอบหมายให้กับคริสตจักรจะสำเร็จตามพระมหาบัญชา

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

บทความก่อนหน้านี้เฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่ 3:1-31
บทความถัดไปเฝ้าเดี่ยวแบบ A.C.T.S. ผู้วินิจฉัย บทที่ 5:1-31

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่