.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี เทศนาเช้า เชื่อฟังและทำตาม สดด19:7-14

อาทิตย์ที่ 3 มี.. 2019  คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์ ธนบุรี 

คำนำ

ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ดีพร้อมและฟื้นฟูชีวิต

พระโอวาทของพระยาห์เวห์นั้นแน่นอนทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา

8ข้อบังคับของพระยาห์เวห์นั้นถูกต้องทำให้ใจยินดีพระบัญญัติของพระยาห์เวห์นั้นบริสุทธิ์ทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง

9ความยำเกรงพระยาห์เวห์นั้นสะอาดหมดจดถาวรเป็นนิตย์

กฎหมายของพระยาห์เวห์ก็สัตย์จริงและชอบธรรมทั้งสิ้น

10น่าปรารถนามากกว่าทองคำยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์มากนัก

หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่หยดลงจากรวง

11อนึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นที่ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์

การรักษาข้อความเหล่านั้นก็ได้บำเหน็จยิ่งใหญ่

12แต่ผู้ใดจะเห็นความผิดพลาดของตนได้เล่า?

ขอทรงชำระข้าพระองค์ให้พ้นจากความผิดที่ซ่อนเร้นอยู่

13ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์จากการทำบาปโดยตั้งใจนั้นด้วยเถิด

ขออย่าให้มันมีอำนาจเหนือข้าพระองค์เลยแล้วข้าพระองค์จะไร้ตำหนิ

และพ้นผิดจากการละเมิดใหญ่หลวงนั้น

14ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์

ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ

เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด

ความจริงแล้วพระคัมภีร์มีเนื้อหาไม่มาก และอ่านง่าย ถ้าคริสเตียนอ่าน พระคัมภีร์เพื่อให้ดำเนินชีวิตกับพระเจ้าอยู่ต่อไปจะอ่านได้ไม่ยาก แต่ถ้าให้ดำเนินชีวิตลึกซึ้งใกล้ชิดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้น เราจะรู้สึกว่าอ่านพระคัมภีร์ ยากขึ้น

แต่พระเจ้าสำแดงความจริงของพระองค์แก่เรา มนุษย์เป็นส่ิงทรงสร้างที่แตกต่างจากส่ิงที่พระเจ้าทรงสร้างอย่างอื่นทั้งสิ้น พระเจ้าให้เรามีสติปัญญาเพื่อให้เราเข้าใจ เข้าถึงความจริงของพระเจ้าได้มากขึ้น แต่หลายครั้งเราไม่ค่อยทำตามส่ิงที่พระคัมภีร์บอกไว้ แม้เราอ่านรู้เรื่องแล้ว เข้าใจแล้วหรือ เราเลือกทำบางอย่าง ไม่ทำบางอย่างเท่าที่เราเข้าใจ

เรื่องที่น่าเบื่อที่สุดคือ การทำตามพระคำพระเจ้า

ตอนเรามาเชื่อใหม่ๆเราก็ตื่นเต้นดี เลิกนิสัยบาปได้ เห็นชีวิตดีขึ้นแตกต่างจากตอนไม่เป็นคริสเตียนอย่างชัดเจน ก่อนมาเชื่อเราคิดว่าหากเราไม่ทำเลว ทำชั่วก็ถือว่าเราได้ทำดีแล้ว แต่พอมาเป็นคริสเตียน พระเจ้าสอนว่าหากเรารู้ว่าอะไรดี แต่ไม่ทำ สิ่งนั้นก็เป็นบาปด้วย เช่น มีขยะตกไม่เก็บก็เป็นบาป ลองคิดดูตามมาตรฐานพระเจ้า วันหนึ่งเราทำบาปไปกี่ครั้ง ดังนั้นพระคำของพระเจ้ามีไว้เพื่อให้เราทำตาม

ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้า เราต่างก็รู้ว่าชีวิตเราต้องมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง พระองค์ไม่ใช่องค์ศักดิ์สิทธิ์ที่เรามาขอแต่พระพรแค่นั้น หรือมาเพื่อบนบานกับพระองค์ ถ้าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานก็จะถวายสิน บนให้กับพระเจ้า 

แต่พระเจ้าเป็นพระบิดาเราผู้ให้กำเนิดเรา ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าที่มีต่อกันเป็นเรื่องสำคัญ  ไม่เพียงแค่นั้นเราต้องมีความผูกพันกับพระคำของพระเจ้า อย่างเหนียวแน่น เรามีเวลาคุยกับพระเจ้า  ปรึกษาหารือพระองค์ได้ ตั้งใจทำอะไรไม่ให้พระเจ้าเสียพระทัย ตั้งใจให้การตัดสินใจทุกอย่าง อยู่บนเส้นทางของพระเจ้า เราทุกคนต้องรักพระเจ้า แต่บางคนรักพระเจ้าน้อยกว่าเงินทอง เลยมาขอเงินทองจากพระเจ้าให้อวยพร ถ้าเราได้เงินทอง เราก็ดี เรื่องของจิตใจเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความรักก็เป็นเรื่องของอารมณ์หากเชื่อในพระเจ้า  ก็ต้องทำตามพระวจนะของพระเจ้า

ความน่าเชื่อถือของพระวจนะ สำหรับคนของพระเจ้า เพื่อคนของพระเจ้า จะได้เป็นคนที่น่าเชื่อถือ เท่ากับพระคำพระเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นโดยทำตามพระวจนะ ที่น่าเชื่อถือ

คนทุกวันนี้ไม่น่าเชื่อทุกด้าน มีบางด้านเท่านั้นที่เชื่อถือได้ วันนี้ปัญหาครอบครัวเกิดขึ้นจากความไม่น่าเชื่อถือของสามีหรือภรรยา นิยมมีชู้ มีกิ๊ก การที่มนุษย์เป็นคนบาปจึงไม่มีใครน่าเชื่อถือเลย

การหาเสียงตามป้ายเลือกตั้งในทุกวันนี้ ก็มีแต่คนที่น่าเชื่อถืออยู่ตามป้ายหาเสียง มีคนด้านหลังยืนประกบเพื่อให้น่าเช่ือถือ มีคนเรียกร้องให้เราเชื่อถือเขา สำหรับพระคำพระเจ้าน่าเชื่อถือทุกคำ หากคุณทำตามพระคำพระเจ้าคุณจะเป็นคนน่าเชื่อถือ เพราะคุณทำตามพระวจนะที่น่าเชื่อถือ ให้เรามาดูลักษณะของพระคำพระเจ้าที่น่าเชื่อถือ ด้วยกัน

ประการที่ 1 ดีพร้อม (ข้อ 7)

พระคำดีพร้อม หมายถึง ไม่มีที่ติ ไม่มีข้อบกพร่องเลย ดีทุกอย่าง ดีทุกเรื่อง ดีทุกตอน ดีทุกคำ ทุกประโยค พระเยซู ปรารถนาให้เราเป็นคนดีพร้อม

มธ5:48 เพราะฉะนั้น พวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม เหมือนอย่างที่พระบิดาของท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม

ดีพร้อมในมาตรฐานเดียวกับพระเจ้าในสวรรค์ ซึ่งไม่มีคนบาปคนไหนหรือใครจะทำได้ แต่สำหรับคนที่ตั้งใจทำตามพระคำพระเจ้า ชีวิตเราก็จะดีพร้อมตามมาตรฐานของพระเจ้า คริสเตียนบางครั้งละเลยพระคำของพระเจ้า ดีพร้อมเป็นเรื่องของคุณภาพ

ตอนผมเรียนช่างก่อสร้างพยายามทำงานก่อสร้างให้ตรงตามแบบซึ่งความเป็นจริงทำไม่ค่อยได้ แต่เป็นคริสเตียนต้องตั้งใจทำตามพระวจนะของพระเจ้า 

การเป็นคนดีพร้อม หมายความว่า เราให้พระวจนะเข้ามาขัดเกลาชีวิตของเราโดยผ่านการดำเนินชีวิตทุกๆวันกับพระวจนะ 

พัฒนาการชีวิตของเราตามพระวจนะ  พระเจ้าเรียกให้เราเป็นคนดีพร้อมตอนมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตอนไปสวรรค์แล้ว แต่เป็นตอนนี้ที่เรายังอยู่ในโลกนี้ และเป็นไปได้

2ทธ3:16 พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมใน ความชอบธรรม” 

พระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า  มีความชอบธรรม หมายถึง มาตรฐานดีพร้อมของพระเจ้า เมื่อเราทำตามทำให้เรากลายเป็นคนน่าเชื่อถือเหมือนพระคัมภีร์ที่น่าเชื่อถือ

คนน่าเชื่อถือค่าตัวแพงมาก สังเกตเวลารับคนเพื่อมาทำงาน เราจะมีคำถามว่าคนๆนั้นไว้ใจได้ไหม มีใครรับประกันเขาได้ไหม ถ้าเราเห็นความสำคัญของความน่าเชื่อถือ และรักษาคุณภาพชีวิตเรา เราจะเป็นคนที่มีคุณค่าสูงขึ้นอย่างที่เราคิดไม่ถึงมาก่อนเลย

ประการที่ 2 พระโอวาทนั้นแน่นอน (7)

แน่นอน แปลว่า ความน่าไว้ใจทุกเวลา ทุกยุค ทุกสมัย ความไว้ใจได้ตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลง ตามสถานการณ์ ใช้ได้กับทุกคน ทุกประเภท ทุกชนชั้น

มธ24:35 ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายไปเลย

ไม่มีอะไรทำลายความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจพระคัมภีร์ได้

สดด111:7 ผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์นั้นคือความซื่อสัตย์และ ความยุติธรรมข้อบังคับทั้งสิ้นของพระองค์ก็ไว้ใจได้

พระวจนะ ไว้ใจได้แน่นอน  เมื่อคริสเตียนบังเกิดใหม่แล้ว รับบัพติศมาแล้ว เราเป็นคนเกิดใหม่โดยพระวจนะ และพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว

แต่เราก็ยังไม่ดำเนินตามพระวจนะจริงๆ   สำหรับชีวิตใหม่นั้น ไม่ได้รับประกันว่าคุณจะเป็นคนที่น่าเชื่อถือ เพราะหากคุณไม่ทำตามพระวจนะที่น่าเชื่อถือหลังจากมีชีวิตใหม่

ยก1:22-24 แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง 23เพราะถ้าใครเป็นเพียงผู้ฟังพระวจนะและไม่ใช่ผู้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตนเองในกระจกเงา 24เพราะว่าเมื่อเห็นแล้วก็จากไป และลืมในทันทีว่าตนเองเป็นอย่างไร

พระคัมภีร์บอกให้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่แค่ฟัง เพราะการไม่ทำตามเป็นการหลอกตัวเอง เราเห็นข้อบกพร่องของตนเองแต่ไม่แก้ไข

ยก2:17 ทำนองเดียวกัน ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว

ความเชื่อที่ไม่ปฎิบัติก็ตายแล้ว เราบังเกิดใหม่จากความเชื่อ ความเชื่อนำเราไปสู่การทำตามพระวจนะ ถ้าไม่ทำก็เหมือนคนตายแล้ว ซึ่งคนที่ตายแล้วไม่น่าเชื่อถือแล้ว

ยก2:26 กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น

กายที่ปราศจากจิตวิญญาณก็ตายแล้ว คริสเตียนที่บังเกิดใหม่แต่ไม่ทำตามพระวจนะก็ตายแล้วเช่นกัน ใครจะเชื่อถือคนที่ตายแล้ว

อฟ2:1-3 ท่านทั้งหลายตายโดยการละเมิดและการบาปของท่าน 2เมื่อก่อนพวกท่านเคยดำเนินชีวิตในการบาปนั้นตามวิถีของโลกนี้ ตามผู้ครอบครองที่มีอำนาจในฟ้าอากาศ คือวิญญาณที่ทำกิจอยู่ในพวกคนที่ไม่เชื่อฟังในเวลานี้ 3เมื่อก่อนเราทุกคนเคยประพฤติเหมือนพวกเขาตามตัณหาของเนื้อหนัง คือทำตามความต้องการของเนื้อหนังและของความคิด โดยวิสัยแล้วเราจึงเป็นคนที่สมควรได้รับการลงโทษเหมือนอย่างคนอื่นๆ

ท่านทั้งหลายตายโดยการละเมิด เมื่อก่อนเราตาย ก่อนที่เราจะมีชีวิตใหม่ แต่หากเรามีชีวิตใหม่แล้ว เราก็ยังไม่ทำตามพระวจนะ แต่ไปทำตามเนื้อหนัง ทำตามตามตัณหา หรือตามวิถีของโลก เราก็ตายเหมือนเดิม

ยก2:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียว นั่นก็ดี แม้พวกผีก็เชื่อและกลัวจนตัวสั่น 

ผีก็เชื่อเหมือนกับเรา แต่ผีมันไม่บังเกิดใหม่ ถ้าคริสเตียนบังเกิดใหม่แต่มีความเชื่อเหมือนกับผี คือ ไม่ทำตามพระวจนะ เราก็ตายฝ่ายวิญญาณเช่นเดียวกันเหมือนกับความเชื่อของผี

มารไม่ทำตามพระวจนะยังไม่พอ มารยังพยายามหลอกมนุษย์ ให้ไม่เชื่อพระวจนะ ให้ไม่ทำตาม และไม่ให้ฟังพระเจ้าด้วย มารหลอกให้ละเลยพระวจนะโดยไม่ทำตาม  ไม่ใช่หลอกให้ละเลยโดยการอ่าน การศึกษา แต่เป็นการหลอกไม่ให้ทำตามพระวจนะต่างหาก ไม่ใช่หลอกให้ละเลยการที่จะรู้พระวจนะ  แต่หลอกให้มีความเชื่อแบบเดียวกับมาร แล้วหากเราทำตามมาร เราจะมีอะไรน่าเชื่อถือได้บ้าง คำตอบคือ ไม่มี 

คริสเตียนที่ไม่ทำตามพระวจนะ ก็ยังเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ คุณจะไว้ใจตัวเองได้ไหม เมื่อคุณไม่ทำตามพระวจนะ เราไว้ใจตัวเองไม่ได้ใครจะวางใจเราได้เพราะเรายังไม่ไว้ใจตัวเองเลย  หากภรรยาไม่ไว้ใจสามีแล้วชีวิตครอบครัวจะอยู่กันได้ไหม พระเยซูเรียกร้องให้เราเป็นคนน่าไว้วางใจ 

1คร4:2 ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับมอบฉันทะย่อมได้รับการคาดหวังว่าต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้

คนรับฉันทะต้องเป็นคนไว้วางใจได้ พระเจ้าให้เราไปสั่งสอนชนทุกชาติ เป็นสาวกของพระองค์  คริสเตียนเป็นผู้รับมอบฉันทะของพระเจ้า ต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ เราจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าน่าวางใจ คำพูดอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ดูที่เขาทำตามพระวจนะพระเจ้าหรือเปล่าต่างหาก

คนที่เทศน์บนธรรมาสน์เราต้องตรวจสอบให้ดีว่าเป็นคนที่ทำตามพระวจนะของพระเจ้าหรือเปล่า ไว้วางใจได้หรือเปล่า  หากไว้วางใจได้ค่อยให้เทศนา คนที่ทำตามปรัชญาหรือค่านิยมไม่เพียงพอที่จะน่าไว้วางใจ คนที่ทำตามพระวจนะต่างหาก ถึงจะเป็นคนน่าไว้วางใจ

ประการที่ถูกต้อง (8)

หมายถึง มีมาตรฐานเที่ยงตรงที่สุด มาตรฐานเดียว วัดอะไรก็ได้ไม่ใช่สองมาตรฐาน ผู้รับใช้โดนสองมาตรฐานตลอด เวลาสมาชิกทำผิดรับการยกโทษเพราะเป็นแค่สมาชิก แต่พระองค์ศิษยาภิบาลทำผิดโดนหนักกว่าสมาชิก นี่เป็นสองมาตรฐาน เพราะความจริงของพระเจ้าเป็นมาตรฐานเดียว พระคำพระเจ้าถูกต้อง ศิษยาภิบาลหรือสมาชิกทำผิด พระเจ้าต่อว่าเท่ากัน

2ทธ3:16-17 พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม 17เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง

เพื่อคนของพระเจ้าทุกคน เพื่อทำการดีทุกอย่างถ้าเราทำไม่ตรงตามพระคำ คนมาเตือนเราต้องยอมรับ

ผมชอบทำงานไม้ส่วนใหญ่ส่งครูได้แค่ 7คะแนน ประกอบงานไม้ไม่เคยตรงเลย พอขัดกระดาษทรายเยอะก็ทำให้อีกด้านเบี้ยว พอมาเป็นคริสเตียน ตั้งใจอยากทำตามพระวจนะ ตอนแต่งงานภรรยามองไกลๆคิดว่าเราเป็นนักเทศน์เราคงเป็นคนดี พอแต่งแล้วมองใกล้ๆภรรยากับผิดหวัง ภรรยาแก้ไขผมด้วยพระวจนะ ภรรยาหยุดตำหนิผมหลังจาก 10 ปีที่ได้แต่งงานกัน

ภรรยาเป็นกระจกมองหลัง นอกจากพระคัมภีร์ที่เป็นกระจกมองหน้า

เมื่อเราพบข้อบกพร่อง ก็แก้ไขจัดการตัวเอง ทำตามพระวจนะ

ประการที่ 4   บริสุทธิ์  (8)

ไม่มัวหมองคลุมเคลือคือ มีความชัดเจน ขาวบริสุทธิ์ ไม่ใช่สีเทา ไม่มีสีอื่นเจือปน ขาวเป็นมันระยับ ช่างฟอกไม่ได้

มก9:2-3 หกวันต่อมา พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นภูเขาสูงตามลำพัง แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าพวกเขา 3และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ จนไม่มีช่างฟอกผ้าคนใดในโลกจะฟอกให้ขาวอย่างนั้นได้

หากเราอยากเป็นคนบริสุทธิ์ เราต้องทำตามพระวจนะ อย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นก็จะมีสีเทา สีอื่นมาปน

1ปต1:14-16 เช่นเดียวกับบุตรที่เชื่อฟัง อย่าประพฤติตามกิเลสตัณหา อันเกิดจากความโง่เขลาของพวกท่านในอดีต 15แต่พระองค์ผู้ทรงเรียกพวกท่านนั้นบริสุทธิ์อย่างไร พวกท่านเองก็จงเป็นคนบริสุทธิ์ในชีวิตทุกด้านอย่างนั้น 16เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า พวกท่านจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเองบริสุทธิ์

เป็นคนบริสุทธิ์เพราะพระเจ้าบริสุทธิ์ ดำเนินชีวิตทำตามพระวจนะจริงจัง ทั้งสิ้น

ประการที่ 5 สัตย์จริง (9)

หมายถึง ความสัตย์จริงที่ไม่เคยเสื่อมคลาย ไม่มีการปนเปื้อนความเท็จไม่มีการโกหก ซื่อสัตย์และเป็นความจริง เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตที่ดีกับพระวจนะพระเจ้า ส่ิงเหล่านี้เป็นพื้นฐานชีวิตคริสเตียน ที่ต้องมีสิ่งเหล่านี้  ซื่อสัตย์  ความจริง ความดี เป็นพื้นฐานของ ซื่อสัตย์และความจริง

ความบริสุทธิ์ เกิดขึ้นจากความจริง พระวจนะของพระเจ้าเป็นความจริง

มธ25:21,23นายจึงตอบว่าดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ 23นายจึงตอบว่าดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ 

ซื่อสัตย์ไปสัมพันธ์กับเรื่องความดี ซื่อสัตย์ คือ ดี แก่นแท้ของความดีคือ ความซื่อสัตย์  ซื่อสัตย์ก็ไม่โกหก 

ยน17:17ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง 

แยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะเป็นความจริง ทั้งๆที่พระวจนะมีหลายมุม แต่พระเยซูใช้ในมุมที่เป็นความจริง  กุญแจ คือ คำว่า แยก พระวจนะแยกเราได้ยังไงให้แตกต่างจากคนในโลก พระวจนะทำให้เราทำตามพระวจนะต่างหากจะทำให้เราแตกต่าง  ทำตามพระวจนะที่เป็นความจริงด้วยความจริง  ซึ่งเป็นความจริง

1ปต1:23 ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากเมล็ดพันธุ์ที่เสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เสื่อมสลาย คือจากพระวจนะของพระเจ้าที่มีชีวิตและดำรงอยู่

เกิดใหม่จากพระวจนะจากความจริง ดำเนินตามความจริง ตามพระ วจนะ  ชีวิตดำเนินอยู่บนความจริงปลดปล่อยให้เราเป็นไท จากความเท็จ ความกลัว ความชิงชัง วันนี้เรากลัวอะไร เราก็เป็นทาสของความเท็จ ทำไมเราต้องโกหก เหตุผลเพราะเรากลัว

1ทธ3:15 ถ้าข้าพเจ้ามาช้า ท่านก็จะได้รู้ว่าควรประพฤติอย่างไรภายในครอบครัวของพระเจ้า ซึ่งเป็นคริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เป็นหลักและเป็นรากฐานแห่งความจริง

คริสตจักรต้องเป็นหลักและรากแห่งความจริง คริสเตียนต้องทำตาม พระวจนะมาตรฐานเดียวกัน เพราะพระเจ้าเป็นความจริง

ประการที่ 6 ชอบธรรม

หมายถึง  ความจริง ความถูกต้อง ยุติธรรม บริสุทธิ์ ซื่อสัตย์ ดีงาม คุณธรรม ฯลฯ. เป็นความหมายเดียวกับความสว่าง

1ยน1:5-7 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกกับพวกท่าน คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย 6ถ้าเราจะว่า เรามีสามัคคีธรรมกับพระองค์ขณะที่ยังเดินอยู่ในความมืด เราก็โกหก และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง 7แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง เราก็มีสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น

พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง ไม่มีความอธรรมเลย

อฟ5:8-9เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างคนของความสว่าง 9(เพราะว่าผลของความสว่างคือทุกอย่างที่เป็นความดี ความชอบธรรม และความจริง

ความดี ความชอบธรรม ความจริง อยู่ในพระวจนะ

ส่ิงที่ยิ่งใหญ่กว่าการทำให้คนตายเป็นขึ้นมา คือ การทำตามพระวจนะ ของพระเจ้า

ให้เราร่วมใจอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

บทความก่อนหน้านี้ตอนที่ 3 รักซึ่งกันและกัน รม15:1-6
บทความถัดไปรักพระคำเท่าชีวิต จะได้ชีวิต ตอนที่ 1 ยน6:60-71

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่