อ.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี Bible House “รักพระคำ”
อาทิตย์ที่ 26 ม.ค. 2019 คริสตจักรบ้านพลังรัก ครั้งที่๑
บทที่ ๒ ข้าพระองค์จะศึกษาพระธรรมของพระเจ้า
เป้าหมายของการศึกษพระคัมภีร์ในครั้งนี้ คือ เพื่อนำการเจริญเติบโตมาสู่จิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง มาสู่ชีวิตของเราทั้งหลายที่เป็นคนของพระเจ้านำมาซึ่งการเกิดผลมาจากการบังเกิดใหม่
โดยการบังเกิดใหม่จากพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีชีวิต ดำรงค์อยู่ในเราตลอดไปไม่มีวันเสื่อสลาย
(๑ปต.๑:๒๓–๒๕)ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากเมล็ดพันธุ์ที่เสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เสื่อมสลาย คือจากพระวจนะของพระเจ้าที่มีชีวิตและดำรงอยู่ 24เพราะว่า“มนุษย์ทุกคน เป็นเหมือนต้นหญ้าและศักดิ์ศรีทั้งสิ้นของเขาก็เป็นเหมือนดอกหญ้าต้นหญ้าเหี่ยวแห้งและดอกก็ร่วงโรยไป 25 แต่พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ายั่งยืนอยู่เป็นนิตย์” พระวจนะนี้คือข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศให้พวกท่านทราบแล้ว
เคยคิดไหมว่าในสวรรค์เราเป็นอมตะ แต่จริงๆเราเป็นผู้ถูกสร้างให้เจริญเติบโต แต่หลังจากตายแล้วเราจะเจริญเติบโตอีกไหม แต่ถ้าเรายังไม่ตายเราต้องมีจิตวิญญาณที่เจริญขึ้น ไม่ใช่รู้พระคำมากขึ้น
พระเจ้าได้ทรงสำแดงผ่านทางพระธรรม ๒ปต.๓:๑๘ ว่า “แต่ขอพวกท่านจงเจริญขึ้นในพระคุณและในความรู้ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ขอพระเกียรติ์จงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน”
จากเป้าหมายของการให้พระวจนะที่มีเยอะมาก เช่น ทำให้เราได้รับการเสริมสร้าง หรือทำให้เราเห็นตัวตนของตัวเอง แต่เราอาจไม่ยอมรับความบาปของตัวเองก็ได้ หรือเราศึกษาพระวจนะเพื่อให้รู้ แต่อาจไม่เข้าใจก็ได้ หรือศึกษาพระคัมภีร์เป็นคู่มือดำเนินชีวิตได้อย่างไร
การดำเนินชีวิตตามพระคำไม่ยากถ้าเรายอมจำนนต่อพระเจ้า
เช่น การรักศัตรู เราเลือกที่จะยกโทษหรือเลือกไม่ให้อภัยก็ได้ หรือจะเลือกขมขื่นก็ได้หรือเลือกที่จะชื่นชมก็ได้ แต่ความรักไม่ใช่การพยายามทำด้วยตนเอง ความรักไม่ใช่ขบวนการแต่เกิดจากที่เรามีความรักของพระเจ้าอยู่แล้วในชีวิต แต่เราเลือกจะรักใครก็ได้ ส่วนการทำให้คนรักเราอาจมีขบวนการก็ได้
เรื่องการให้อภัยคนอื่นไม่ได้ หลายคนมีเหตุผลอยู่ที่คนกระทำผิดต่อเรามากๆเป็นเวลานานๆ ทำให้เราเกลียด เราจึงให้อภัยไม่ได้ แต่ความเป็นจริงโดยพื้นฐานของพระคัมภีร์ ความเกลียดที่เปลี่ยนเป็นรักมันเป็นเสี้ยววินาทีในการตัดสินใจ มันวัดแทบไม่ได้
มันไม่ใช่กระบวนการว่าเรามีการกำหนดว่าเราชอบใคร ไม่ชอบใคร เพราะอะไร ถ้าเรารู้สึกไม่ชอบเราก็หาสาเหตุไปอีกว่าสาเหตุมาจากอะไร (mind set) ความคิดของเราทำให้เราไม่สามารถดำเนินชีวิตแบบที่เราควรเป็นได้ แต่เมื่อเรามาเชื่อพระเจ้า เราเป็นไทจากทาสความคิดแบบเดิม เมื่อพระคริสต์บอกให้เรารักศัตรูเราจึงรักได้อย่างง่ายดาย เพราะกรอบความคิดเราเปลี่ยนไปแล้ว
ยน17:17ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง
เราได้รับการชำระด้วยพระวจนะ เราได้รับการสร้างใหม่จากดินก้อนเดิม ทำให้เรามีอิสระเป็นไทที่จะทำได้ตามมาตรฐานของพระเจ้า เราต้องให้พลานุภาพของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะเปลี่ยนความคิดของเรา พระคำเป็นความสว่างที่เข้ามาในชีวิตของเรา ทำให้เราเดินไปได้อย่างมั่นใจ ขอให้เรารู้พระคัมภีร์แล้วทำ
ขอให้ที่ผ่านมาเราเป็นพวกยังไม่รู้พระคำเลยยังไม่ได้ทำตาม แต่อย่าให้เป็นพวกที่รู้พระคำแล้วแต่ไม่ทำตาม ถ้าเราทำตามพระคำของพระเจ้า เราจะรู้จักพระเจ้ามากขึ้น เราเรียนรู้พระคัมภีร์เพื่อจะทำตามพระเจ้า
ยด1:20แต่ท่านที่รักทั้งหลาย จงสร้างตัวของท่านขึ้นบนความเชื่ออันบริสุทธิ์ที่สุดของท่าน และจงอธิษฐานโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
สร้างชีวิตบนหลักคำสอนอันบริสุทธิ์ โดยไม่ต้องรอเรียนผ่านคนอื่นอย่างเดียว แต่เราสามารถเรียนรู้จากพระเจ้าผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้
เรามาเรียนรู้มุมแคบๆของพระคัมภีร์ เป็นมุมสำคัญเรื่อง รักพระคำ ลักษณะประการหนึ่งของชีวิตชีวิตที่เจริญขึ้นด้วยพระวจนะของพระเจ้า คือ การเกิดผลไม่ใช่การเติบโต แต่เกิดผลไม่ได้ถ้าไม่เติบโต จากพระธรรม
มธ.๑๓:๑๘–๒๓“เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงฟังอุปมาเรื่องผู้หว่านพืชนั้น 19เมื่อใครได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง 20และเมล็ดพืชซึ่งหว่านตกในที่ดินซึ่งมีพื้นหินนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะ แล้วก็รับทันทีด้วยความยินดี 21แต่ไม่มีรากลึกในตัวจึงทนอยู่ชั่วคราว และเมื่อเกิดการยากลำบาก หรือการข่มเหงต่างๆ เพราะพระวจนะนั้น เขาก็เลิกเสียในทันทีทันใด 22และเมล็ดซึ่งหว่านกลางหนามนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ฟังพระวจนะ แต่ความกังวลของโลก และการล่อลวงของทรัพย์สมบัติรัดพระวจนะนั้นเสีย จึงไม่เกิดผล 23ส่วนเมล็ดซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
ชี้ให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าปัจจัยที่นำไปสู่การเกิดผลตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ๒๓ คือ ชีวิตที่เกิดผลเกิดจากการเจริญเติบโต โดยพระวจนะที่ได้ยิน รับพระคำ เรียนพระคำ
ตกในหินยังไม่ทันโตก็ตาย ลงในดินไม่ลึก โตแล้วก็ตาย ลงในหนามโตไม่เต็มที่ก็ตาย แต่ลงในดินดีโตจนเกิดผล แต่เกิดผลในหลายระดับ การเจริญเติบโตวัดที่การเกิดผลจากพระวจนะของพระเจ้า
เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน เวลามันเกิดผลจะเป็นประโยชน์กับสิ่งรอบข้างตัวต้นไม้ไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้าคุณรักพระคำแล้วเติบโตเกิดผลจะเป็นพระพรกับคนรอบข้าง ต้นไม้เกิดผลไม่หวงพระพรที่พระเจ้าให้เรา เพื่อคนอื่น เหมือนนางมารีย์เอาพรหมจรรย์ของนางไปแลกกับการบังเกิดของพระคริสต์ เพื่อคนอื่น คนเห็นแก่ตัวจะไม่เกิดผลเพราะไม่เป็นประโยชน์อะไร
มธ 13 เน้น ปัจจัยที่นำไปสู่การเกิดผล จะไม่เน้นปัจจัยที่ทำให้เจริญเติบโต
1.มธ.๑๓:๓ แล้วพระองค์ก็ตรัสกับเขาทั้งหลายเป็นอุปมาหลายเรื่อง เป็นต้นว่า “นี่แน่ะ มีผู้หว่านคนหนึ่งออกไปหว่านพืช
ต้องมีคนหว่านพืช ผู้สอน ผู้เสนอคำของพระเจ้า อาจารย์ นักเทศน์
2.มธ.๑๓:๑๙ เมื่อใครได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง
เมล็ดฝ่ายวิญญาณ แผ่นดินของพระเจ้า พระคำเกี่ยวกับเรื่องจิต วิญญาณ การเกิดผลจึงเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณไม่ใช่เรื่องของวัตถุแต่เป็นการเกิดผลเรื่องฝ่ายวิญญาณเท่านั้น คริสตจักรพาคนไปหลงทางหากไปเน้น หรือให้ความสำคัญเรื่องวัตถุ ลาภยศ สรรเสริญเรื่องพระพร เรื่องหนาม เรื่องเนื้อหนัง พลาดเลย
3.มธ.๑๓:๒๐ ผู้ฟังที่เกิดความเข้าใจจะเกิดผล ไม่เข้าใจจะไม่เกิดผล การใช้พระคัมภีร์แต่ผิดบริบทก็ไม่เกิดผลฝ่ายวิญญาณ เช่นมารใช้พระคัมภีร์นอกบริบทกับพระเยซู มารรู้แต่ไม่เข้าใจพระคัมภีร์ ความเข้าใจเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การเกิดผล เช่น พระเยซูตายไถ่บาปมันสมเหตุสมผลหรือ ฆ่าตัวตายเพื่อคนอื่นมันไม่ถูก แต่พอเราเรียนพระคัมภีร์เราจะรู้ความจริง เราจะเข้าใจว่าทำไมพระองค์ต้องตายเป็นเรื่องความรักกับความยุติธรรม เข้าใจเรื่องจิตวิญญาณอย่างถูกต้อง ยอห์นบัพติสมาเข้าใจว่าพระเยซูจะมาปฎิรูปการเมือง แต่เห็นพระเยซูยังไม่ทำอะไรซักที พระเยซูพยายามตอบให้ยอห์นเข้าใจ ตามที่พระองค์เป็นพระเจ้า ไม่ใช่ตามที่ยอห์นคิด แต่ยอห์นเข้าใจในที่สุด
4.มธ.๑๓:๒๐ เมื่อเขาเข้าใจ เขารับด้วยความยินดี รู้สึกภูมิใจในทันที แต่ปัญหาคือ รากไม่ลึก ถ้ายังสงสัย จะไม่เข้าใจ ไม่ยินดี
5.มธ.๑๓:๒๑ ต้องมีรากลึกในตัวของผู้เรียน ไม่ใช่แตะพระคัมภีร์แบบผิวเผิน ความลึกซึ้งทำให้เกิดผล ไม่ใช่การอ่านแบบลวกๆ พระเยซูใช้คำอุปมาจากส่ิงที่เรารู้อธิบายเรื่องที่เราไม่รู้ได้ มีการจ่ายราคาในการเรียนรู้
ข้อ21 พร้อมที่จะเผชิญความยากลำบากและการข่มเหงด้วยความมั่นคง จากความเข้าใจและการหยั่งรากลึก ไม่เลิก ต้องใช้เวลากับพระคัมภีร์อย่างจริงจัง จริงใจ แต่ไม่กดดัน ซีเรียสแต่ไม่เครียด เกี่ยวข้องกับความเข้าใจการดำเนินชีวิตตามพระวจนะ โดยเข้าใจพระวจนะเพื่อดำเนินชีวิต ทุกๆก้าวที่เราเดินเราเห็นคุณค่าที่สูงขึ้น ของแผ่นดินของพระเจ้า ยอมจ่ายราคา ลงทุนเพื่อให้ได้แผ่นดินของพระเจ้า อย่างเสมอต้นเสมอปลาย คุณค่าที่เราเห็นเราจะรู้ว่าคุ้มค่ามากกับแผ่นดินของพระเจ้า วันนี้คริสเตียนอ่อนแอมากในการรักพระวจนะ ในการทำตามพระวจนะในชีวิตประจำวัน
6.มธ.๑๓:๒๒ ไม่จดจ่ออยู่กับทรัพย์สินและความสำเร็จรวมทั้งบันเทิงฝ่ายโลกนี้ นอกจากลาภยศ สรรเสริญ คริสตจักรสมัยนี้บวกบันเทิงเข้าไปเยอะมาก พระคัมภีร์มีการบันเทิงคือ นมัสการพระเจ้าแบบมีอารมณ์ต่อพระเจ้า อย่าดึงดูดวัยรุ่นด้วยการบันเทิง แต่ด้วยท่าทีที่เข้าใจพระเจ้า จะสัมผัสการทรงสถิตย์ของพระเจ้า ความรัก ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าอยู่ตรงนั้น ที่เรานมัสการ บรรยากาศจะเป็นคนละเรื่องกับบันเทิงด้วยเพลง รัดพระวจนะคือ ไม่ให้พระวจนะ เป็นอย่างที่ควรจะเป็นในเรื่องของฝ่ายวิญญาณ บิดเบือนพระวจนะ มุ่งที่วัตถุพลาดแล้ว ทำให้ไขว้เขวเรื่องฝ่ายวิญญาณ
7.ลก.๘:๑๕ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทนด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ซื่อสัตย์ดีงาม นำมาใช้เป็นการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย โดยความเพียร โดยความ ทรหดอดทนเพราะมันสวนกระแสของสังคม เราต้องอดทน
8.ลก.๘:๑๕ การเกิดผลมาจากการเจริญเติบโตเต็มที่
บทเรียนจากข้อความตอนท้ายของพระธรรม ๒ปต.๓:๑๘ แต่ขอพวกท่านจงเจริญขึ้นในพระคุณและในความรู้ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ขอพระเกียรติจงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมนพระเจ้าได้รับเกียรติ เกี่ยวข้องกับชีวิตสองด้าน ด้านการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
2ธส1:11เพราะเหตุนี้ เราจึงอธิษฐานเพื่อพวกท่านเสมอ ขอพระเจ้าของเราทรงให้ท่านเป็นผู้ที่สมควรแก่การทรงเรียกนั้น และขอพระองค์ทรงให้ความตั้งใจดีทุกประการ และกิจการแห่งความเชื่อทุก อย่างสำเร็จด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ ดำเนินชีวิตภายใต้การทรงเรียก ด้วยความตั้งใจที่ดีทุกประการ กิจกรรมแห่งความเชื่อมาจากความตั้งใจที่ดี โดยความเพียร เพื่อพระเยซูจะได้รับเกียรติ
คริสเตียนต้องมีแต่ความตั้งใจที่ดีเท่านั้น ไม่ใช่ดีและไม่ดีเหมือนคนไม่เชื่อ สำเร็จด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า มาจากความตั้งใจที่ดีของเรา พระเจ้าได้รับเกียรติที่ผลไม่ใช่การที่เจริญขึ้น
ด้านการเกิดผล
ยน15:8 พระบิดาของเราทรงได้รับพระเกียรติเพราะเหตุนี้ คือเมื่อพวกท่านเกิดผลมากและเป็นสาวกของเรา
การเกิดผลในชีวิตของเราเป็นการเกิดผล 30 เท่า เป็น 3000% จากเปโตร 1คน เป็น 3 พันคน นี่คือ พระเจ้าได้รับเกียรติ
ชีวิตที่เกิดผล ก็คือ ชีวิตที่เป็นพรของพระเจ้าต่อ คนที่อยู่รอบข้าง คือเป็นทั้งเกลือและแสงสว่าง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์หรือพระพรสำหรับตนเองอีกต่อไป
เคยรู้หรือไม่ว่า 2คร5:15 และพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อทุกคน เพื่อบรร ดาคนที่มีชีวิตอยู่จะไม่อยู่เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่จะอยู่เพื่อพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาเพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย
เมื่อพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเราทั้งหลายจะได้มีชีวิตใหม่นั้น พระองค์ทรงปรารถนาที่จะเห็นเราทั้งหลาย รับการอวยพรฝ่ายจิตวิญญาณตลอดไป เพื่อที่เราทั้งหลายทุกคนจะได้ดำเนินชีวิตใหม่ในเส้นทางแห่งพระวจนะ อย่างคงเส้นคงวาตลอดไปอย่างต่อเนื่อง
(๓ยน.๓–๔) ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง เมื่อพี่น้องบางคนมาหาและเป็นพยานถึงชีวิตของท่านอย่างจริงจังว่าท่านกำลังประพฤติตามความจริง 4ไม่มีอะไรทำให้ข้าพเจ้ายินดียิ่งไปกว่านี้ คือที่ได้ยินว่าลูกๆ ของข้าพเจ้าประพฤติตามความจริง
และแนวทางในการดำเนินชีวิตตามธรรมชาติของชีวิตใหม่ คือ การ ดำเนินชีวิตที่เป็นพรต่อคนอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเรา ยินดีเพราะดำเนินตามพระคำ อยู่ที่ไหนก็ใช่ หากเราทำตามพระวจนะ
ข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตกับการเกิดผล
๑. คนที่บังเกิดใหม่จากสายพันธ์แห่งพระวจนะของพระเจ้าตามพระธรรม ๑ปต.๑:๒๓ จะไม่เกิดผลไม่ได้
ยน.๑๕:๑๖ ท่านไม่ได้เลือกเรา แต่เราเลือกพวกท่านและแต่งตั้งท่านให้ไปเกิดผลและเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อพวกท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน
พระเจ้าใส่ศักยภาพเต็มร้อยในชีวิตของเรา ให้ไปเกิดผลฝ่ายวิญญาณเต็มร้อย
๒. คนที่บังเกิดใหม่จากสายพันธ์แห่งพระวจนะของพระเจ้าตามพระธรรม ๑ปต.๑:๒๓ จะต้องเกิดผลที่มีคุณภาพ
มธ.๗:๑๕–๒๐ ท่านทั้งหลายจงระวังพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในนั้นร้ายกาจเหมือนหมาป่า 16พวกท่านจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยผลของพวกเขา ผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือ? และผลมะเดื่อนั้นเก็บได้จากพืชหนามหรือ? 17ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว 18ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ 19ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ 20เพราะฉะนั้น พวกท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของพวกเขา
ผลดีต้องเกิดขึ้น
อสย.๕:๑–๖1ขอให้ข้าพเจ้าร้องเพลงเพื่อสหายรักของข้าพเจ้าเป็นเพลงของสหายรักของข้าพเจ้าเกี่ยวกับสวนองุ่นของท่านสหายรักของข้าพเจ้ามีสวนองุ่นแปลงหนึ่งอยู่บนเนินเขาอันอุดมยิ่ง2ท่านขุดแล้วเก็บก้อนหินออกหมดและปลูกเถาองุ่นอย่างดีไว้ ท่านสร้างหอเฝ้าอยู่ท่ามกลางและสกัดบ่อย่ำองุ่นไว้ในสวนนั้นด้วย ท่านคาดหวังว่ามันจะเกิดผลองุ่นหวาน แต่มันกลับเกิดผลเปรี้ยว 3บัดนี้ ชาวเยรูซาเล็มและคนยูดาห์เอ๋ย จงตัดสินระหว่างเรากับสวนองุ่นของเรา 4มีอะไรที่จะทำได้อีกเพื่อสวนองุ่นของเราซึ่งเรายังไม่ได้ทำให้ เมื่อเราคาดหวังว่ามันจะเกิดผลองุ่นหวานทำไมมันจึงเกิดผลเปรี้ยว?
5บัดนี้เราจะบอกเจ้าทั้งหลายว่า เราจะทำอะไรกับสวนองุ่นของเรา เราจะรื้อรั้วกั้นของมันออก แล้วมันก็จะถูกทำลายเราจะพังกำแพงของมันลง แล้วมันก็จะถูกเหยียบย่ำ 6เราจะทำให้มันเป็นที่ร้าง จะไม่มีใครลิดแขนงหรือพรวนดิน
หนามย่อยหนามใหญ่ก็จะงอกขึ้นและเราจะบัญชาเมฆไม่ให้โปรยฝนรดมัน
ไม่เกิดผลที่มีคุณภาพดีไม่ได้ พระเจ้าเรียกมา และชำระเราด้วยพระโลหิตพระองค์
๓. คนที่บังเกิดใหม่จากสายพันธ์แห่งพระวจนะของพระเจ้าตามพระธรรม ๑ปต.๑:๒๓ จะเกิดผลที่มีปริมาณ
ยน.๑๕:๕,๘ เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย 8พระบิดาของเราทรงได้รับพระเกียรติเพราะเหตุนี้ คือเมื่อพวกท่านเกิดผลมากและเป็นสาวกของเรา
เกิดผลมาก เป็นภารกิจของพระเจ้า พระองค์ริดให้เกิดผลมาก
ยน15:1,2 “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา 2แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนง ทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น
ศักยภาพเต็มร้อยเกิดผลอยู่กับเรา