หน้าแรก คำเทศน์ พันธสัญญาใหม่ มธ17:20-21 “ส่ิงใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย”

มธ17:20-21 “ส่ิงใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย”

2791
0

.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี   

มธ17:20-21 “ส่ิงใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย

อาทิตย์เช้าที่ 31 มี.. 2019  คริสตจักรร่มเย็น

คำนำ

มธ17:20-21 พระเยซูตรัสตอบว่าเพราะว่าพวกท่านมีความเชื่อน้อย เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ด    มัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสั่งภูเขานี้ว่าจงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่นมันก็จะเคลื่อนไป และสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย” 

การศึกษาพระคัมภีร์เพื่อทำให้เรารู้จักพระเจ้าดีขึ้น ความจริงประการหนึ่ง คือ พระเจ้าเปิดเผยว่าพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ถ้าเรามีชีวิตยาวนาน มากพอเราจะรู้จักพระองค์ได้ครบทุกประการ

แต่ความจริงชีวิตเราสั้นนิดเดียว พระเจ้าสำแดงสิ่งที่จำเป็นเพื่อเราจะรู้จักพระองค์ได้ รู้จักเจตนา รู้พระทัย รู้ว่าพระเจ้ากำหนดอะไรให้เราดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเหมาะสม

แต่ละวันเรามั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราทำลงไปจะก่อให้เกิดผลดีกับเราในวันข้างหน้าในอนาคต เรามักจะคิดถึงอนาคตของเราและคนที่เรารักห่วงไยเสมอๆ และเมื่อเรามีชีวิตมาถึงอนาคตที่เคยคิดหวังไว้ เราจะได้พบกับส่ิงที่เราคาดไม่ถึงหรือไม่

ในวันนี้ขอนำเสนอมุมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการอธิษฐาน ทุกคนรู้จักการ อธิษฐาน โดยพื้นฐานลักษณะของศาสนาในไทยก็สอนให้เรารู้จักการอธิษฐานกับส่ิงศักดิ์สิทธิ์

แต่พระคัมภีร์สอนให้เราอธิษฐานต่อพระเจ้าไม่ใช่ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเรามาเชื่อพระเจ้า พระองค์เป็นผู้ตอบคำอธิษฐาน การ อธิษฐานเป็นสิทธิ์ที่พระเจ้ามอบให้กับเราที่จะอธิษฐานต่อพระองค์ได้ ดังนั้นเมื่อเรามีความจำกัดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เช่น จำกัดในเรื่องความคิด ความสามารถ โอกาส เวลา ปัจจัย อุปกรณ์ บุคลากร หรือแม้แต่ความจำกัดในทุกด้าน แต่หากเรามีความใฝ่ฝันจะประสบความสำเร็จ แม้มีความจำกัดในทุกด้าน ทุกเรื่อง พระเจ้าให้ความใฝ่ฝันของเราสำเร็จได้ พระเจ้าให้สิทธิ์กับเราในความจำกัด โดยการอธิษฐานต่อพระองค์

เราเคยอธิษฐานให้ได้ทำอะไรเพื่อพระเจ้าก่อนตายบ้างไหม พระเจ้า ให้ความสำเร็จก่อนเราตายได้แค่ไหน

ขอให้เราฝันตามน้ำพระทัยพระเจ้า ให้เรารับสิทธิ์นั้นในการอธิษฐานต่อพระองค์ 

พระคัมภีร์ตอนนี้เป็นคำพูดของพระเยซู เพื่อตอบข้อความที่สาวกของพระองค์ ได้ถาม จากข้อ19ภายหลังสาวกทั้งหลายของพระเยซูมาหาพระองค์เป็นการส่วนตัว ทูลถามว่าทำไมพวกข้าพระองค์ขับผีนั้นออกไม่ได้?” 

คำถามของพวกสาวก ทำไมพวกข้าพระองค์ ขับผีออกไม่ได้ และนี่คือคำตอบของพระเยซู ข้อ21 ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด ภูเขาก็จะเคลื่อน

ส่ิงใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านไม่มีเลย

พระเจ้าตรัสและมอบสิทธิอำนาจให้กับเรา ปัญหาเปรียบเหมือนการมีภูเขาเป็นอุปสรรค เราเคลื่อนภูเขาไม่ได้ แต่พระเจ้าให้สิทธิ์ในการอธิษฐาน

ส่ิงใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านไม่มีเลย

ก่อนมาเชื่อพระเจ้าชีวิตเราเจอแต่ความเป็นไปไม่ได้คุกคามตลอดชีวิต แต่ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้า สิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเราไม่มีเลย ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม ถ้าท่านเป็นคนของพระเจ้า เป็นไปได้ทุกสิ่ง ทุกสิ่งเป็นไปได้

การดำเนินชีวิตในเรื่องการอธิษฐานนี้ ข้อ20-21 หากท่านมีความเชื่อน้อยเคลื่อนภูเขาไม่ได้ แต่ถ้ามีความเชื่อจะเคลื่อนภูเขาได้ พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงเรื่องการอธิษฐาน หากเราสังเกตจาก คำว่าการอธิษฐาน การขับผี ความเชื่อ การอดอาหาร ภูเขา เมล็ด ส่ิงเหล่านี้รวมเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน คือ เรื่องการอธิษฐาน

โดยเฉพาะเรื่องการขับผีออกจากเด็ก การขับผีไม่ออกเปรียบเหมือน ภูเขาของสาวก แต่พระเจ้าเตรียมเคลื่อนภูเขาให้แล้ว ภูเขามากมายที่ทับถมในชีวิตของผู้เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเวลาไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาของคนอื่นปัญหาของคนอื่นก็เคลื่อนได้ด้วย  สิทธิอำนาจที่พระเจ้า ให้ยิ่งใหญ่มาก เพื่อแก้ไขปัญหาเพื่อคนอื่น

ภูเขาเป็นสิ่งเปรียบเทียบกับปัญหาหรือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในเวลานั้น และปัญหาชีวิตเราในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นคน หรือจะเป็นอะไรก็ได้ ที่ขัดขวางการดำเนินชีวิตของเราในเส้นทางของพระเจ้า  ขัดขวางเราในการทำตาม น้ำพระทัยพระเจ้า ขัดขวางการรรับใช้ ไม่ให้บรรลุเป้าหมาย 

ส่ิงใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับท่านไม่มีเลย” 

ชายที่เป็นคุณพ่อ ภูเขาของเขา คือ ปัญหาการป่วยของลูกจากผีสิง ข้อ 14-15 เมื่อพระเยซูกับพวกสาวกเสด็จมาถึงฝูงชนแล้ว มีชายคนหนึ่งมาหาพระองค์คุกเข่าลง ทูลว่า 15องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงพระเมตตาลูกของข้าพระองค์เถิด เพราะเขาเป็นโรคลมบ้าหมู มีความทุกข์ทรมานมาก เคยตกไฟตกน้ำบ่อยๆ 

ความเจ็บป่วยของลูกเป็นภูเขาลูกใหญ่ของเขา สาวกรักษาพวกเขาไม่ได้ วันนี้เราสำรวจดูว่าเรามีภูเขากี่ลูกในชีวิตของเรา พระเยซูเชี่ยวชาญการเคลื่อนย้ายภูเขา เราสะสมภูเขากี่ลูกแล้ว เราไม่สามารถผลักมันออกไปได้ 

ขอให้เราเข้าใจความจริงเรื่องนี้เพื่อเราจะรับสิทธิ์และรับฤทธิ์เดชของพระเจ้า ในการเคลื่อนย้ายภูเขาออกจากชีวิตเรา ออกจากสมองของเรา ออกจากจิตใจของเรา

ประการที่ 1

ไม่มีที่สำหรับภูเขาลูกไหนจะมาตั้งได้ในชีวิต ในจิตใจ ในความคิดของเรา

ประสบการณ์ส่วนตัวพบว่าภูเขามาจาก สามแหล่ง มารชอบสร้างภูเขาให้เราไม่เข้าใจพระเจ้า ไม่สามารถสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าได้ ไม่อยากให้เราฟังเสียงพระเจ้า ฟังคำสอนของพระเจ้า  แหล่งที่สองคือ ตัวเราเองชอบหาเรื่องให้ตัวเอง ทำบาปเอง เวลามีคนมาชวนให้ลองหน่อยน่า แหล่งที่สามคือ คนรอบข้างเป็นภูเขา มีคนเข้าใจผิด คนอิจฉา หรือสารพัดเหตุผลที่ทำให้เกิดปัญหา

ภูเขาเหล่านั้นจะมีแหล่งที่มาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พวกท่านสั่งภูเขาออกไปได้ ไม่ว่าจะมาจากแหล่งใด

เราต้องจำ ต้องจด ภูเขาในชีวิตของเราทำให้ชีวิตเราผิดปกติ ทำให้เราไม่สามารถนมัสการพระเจ้าได้อย่างที่เราควรจะเป็น ทำให้เราไม่สามารถดำเนินชีวิตที่ควรจะเป็นหลังการนมัสการ หลายคนหากมาคริสตจักร แล้วไม่สนุก ไม่ตลก ไม่ชื่นชมก็จะไม่อยากมา คริสเตียน ที่มีภูเขาในชีวิต จะไหลไปไหลมา ตามคริสตจักรต่างๆในการนมัสการ

ประการที่ 2

ภูเขาไม่ว่าจะมาจากใคร ไม่ว่ามากหรือน้อย พระเจ้ามีน้ำพระทัยให้ย้ายภูเขาออกไปทุกลูก

ไม่ต้องเก็บภูเขาเอาไว้ หากเราทนทุกข์ร่วมกับพระคริสต์ได้ไม่เป็นไร แต่อย่าให้ความทุกข์เกิดจากสาเหตุอื่น การทนทุกข์เพื่อพระคริสต์ไม่ใช่ภูเขา แต่เป็นส่ิงที่จะต้องเกิดขึ้นเมื่อเราดำเนินชีวิตกับพระองค์

ประการที่ 3 

หากเจอปัญหา อย่าอยู่กับภูเขา หรือความจำกัด เพราะจะทำให้เราไม่เชื่อว่าภูเขามันจะเคลื่อนไปได้

คนไทยชอบไปติดที่คน มากกว่าพระเจ้า การมองที่คนทำให้เห็นภูเขา เช่น มองว่าอาจารย์คนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า อาจารย์คนนี้ไม่ได้มาจากการเจิมพิเศษ  เมื่อมาอธิษฐานแล้วภูเขาก็ไม่เคลื่อน จริงๆแล้วพระเจ้า ไม่ได้ให้เราดูที่ภูเขาแต่ให้ดูที่พระเจ้า เราจะรู้ว่าชีวิตของเราไม่ใช่ที่ตั้งของภูเขา แต่เป็นที่ทรงสถิตย์ของพระเจ้าต่างหาก

ประการที่ 4

ภูเขาในชีวิตทุกลูกในชีวิต ไม่มีวันถูกเคลื่อน หากเราไม่ได้ติดต่อกับพระเยซูโดยตรง

เพราะมีแต่พระเยซูผู้เดียวเท่านั้นที่จะเคลื่อนภูเขาไปได้ พระเยซูมอบสิทธิอำนาจนั้นให้เราด้วย เมื่อเรารับมอบสิทธิอำนาจนั้นมา เราถึงจะเคลื่อนภูเขาได้

ประการที่ 5  ปัจจัยการเคลื่อนภูเขา

หนึ่ง คือ พระเยซูเป็นคนเคลื่อน

สอง คือ สาวกที่พระองค์ทรงเลือก ที่เป็นตัวแทนของพระองค์

เวลาที่พระเจ้า ถามอิสยาห์ เราจะใช้ผู้ใดและใครจะไปแทนเรา อิสยาห์ตอบว่าขอให้เป็นเขา วันนี้พระเยซูถามคนที่พระองค์ได้ให้ผลจากตายและเป็นขึ้นมาของพระองค์ เพื่อเขาทั้งหลาย ใครจะเป็นตัวแทนของพระองค์ เราได้รับสิทธิอำนาจของพระเจ้าบนพื้นฐานความเชื่อ ผ่านการอธิษฐาน พระเจ้าแต่งตั้งคนเป็นตัวแทน

สาม คือ การอธิษฐาน ข้อ 21 นอกจากการอธิษฐาน ยังมีการอดอาหาร

คริสตจักร ถูกกำหนดเพื่อเป็นช่องทางไปสู่ความรอดของมนุษย์ชาติ การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยหลังจากที่เจอภูเขาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สุขภาพ ส่ิงแวดล้อม เรื่องทางเพศ เรื่องความแตกแยกของคน ของนักการเมือง ของคริสเตียน ของคริสตจักร การพนัน ปัญหาครอบครัว การทุจริตคอรัปชั่น การผิดศิลธรรม ยาเสพติด มิจฉาชีพ ภูเขาเหล่านี้กำลังถาถมในประเทศไทย

ไม่มีใครจะเคลื่อนภูเขานี้ได้ นอกจากพระเยซู พระองค์กำหนดสิทธิ์นี้ให้คริสตจักร 

อย่ามัวแต่ดูทีวีว่าใครจะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ให้อธิษฐานเผื่อ นอกเหนือจากเปิดเพลงโปรดอวยพรประเทศไทย การอธิษฐานจะช่วยเคลื่อนภูเขาประเทศไทยออกไปได้ แต่ว่าใครจะเป็นคนทำ ใครจะอธิษฐาน ส่ิงหนึ่งสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ สำหรับประเทศไทยจะไม่มีเลย ทำไมคริสเตียนได้รับสิทธิ์ ที่ไม่มีอะไรสามารถจะขัดขวางเราได้ แต่ทำไมเราไม่ทำตามหัวใจของพระเยซู ที่มาตายไถ่บาปเพื่อคนไทย

เราต้องอธิษฐาน ด้วยความเชื่อ มาตรฐานต้องตามพระเจ้า   พระองค์ กำหนดเรื่องความเชื่อ เรื่องการอธิษฐานให้จดจ่อที่พระเจ้า ไม่ใช่ที่ภูเขา ภูเขามันไม่ได้สำคัญว่าจะใหญ่แค่ไหน เยอะแค่ไหน พระเจ้าเคลื่อนภูเขาได้ ขอให้อธิษฐานด้วยความมุ่งมั่น

ลก18:1 อธิษฐาน อยู่เสมอไม่อ่อนระอาใจ มุ่งมั่นอธิษฐาน วันนี้คริสตจักรของพระเจ้าทั่วประเทศ ได้อ่อนระอาใจในการอธิษฐาน ภูเขาก็จะไม่เคลื่อน คริสตจักรเราควรจะฟื้นฟูเรื่องการอธิษฐาน ขอให้มีคนมาอธิษฐาน มากกว่าคนมานมัสการมาพบพระเจ้า  คริสเตียนนั่งฟังเทศน์ไม่อ่อนระอาใจ ทั้งๆที่พระคัมภีร์ไม่ได้สอน แต่อธิษฐานอย่าอ่อนระอาใจเป็นเรื่องที่พระคัมภีร์สอนแต่ทำไมไม่ทำ

คริสตจักร คือ คำตอบของปัญหาสังคม การเมือง

1ธส5:17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ขอให้การอธิษฐานอย่างเฉพาะเจาะจงชัดเจน

ความจริงเรื่องการอธิษฐาน มีผู้รับใช้ที่เจอความกดดัน มีภูเขาเยอะ ในชีวิตคนของพระเจ้า เพราะพวกเขาไปนมัสการอยู่กับรูปเคารพ

1พกษ18:20ดังนั้น อาหับทรงส่งข่าวไปยังคนอิสราเอลทั้งหมด และชุมนุมผู้เผยพระวจนะที่ภูเขาคารเมล 

อาหับนมัสการพระบาอัลแต่เอลียยาห์นมัสการพระยาเวห์ แต่ประชาชนไม่ตอบท่านซักคำเดียว ข้อ22แล้วเอลียาห์พูดกับประชาชนว่าข้าพเจ้าผู้เดียวเป็นผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่เหลืออยู่ แต่ผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลมี 450 คน

ผู้เผยวจนะ 1:450 คน เอลียาห์ชวนเขามาอธิษฐาน ท้าให้มีข้อตกลงพระองค์ไหนตอบ ด้วยไฟ พระองค์นั้นเป็นพระเจ้า คนของพระบาอัลอธิษฐานก่อน  แต่ไม่มีการตอบอะไรเลยจากพระบาอัด ถึงคราวเอลียาห์อธิษฐานแล้วพระเจ้าตอบด้วยไฟ ทั้งๆที่เติมน้ำที่เป็นศัตรูกับไฟ ทำสามครั้งให้เปียก

ข้อ36-38 และต่อมาเมื่อถึงเวลาถวายบูชา เอลียาห์ผู้เผยพระวจนะก็เข้ามาใกล้ ทูลว่าข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล ขอให้เขาทราบเสียทั่วกันในวันนี้ว่า พระองค์คือพระเจ้าในอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และข้าพระองค์ได้ทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นตามพระดำรัสของพระองค์ 37ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ ทรงตอบข้าพระองค์ เพื่อชนชาตินี้จะทราบว่าพระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์ทรงหันจิตใจของเขาทั้งหลายกลับมาอีก” 38แล้วไฟของพระยาห์เวห์ก็ตกลงมาและเผาเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และฟืน หิน และผงคลี และลามเลียน้ำในร่องจนแห้ง

ไฟลงมาเพราะการอธิษฐาน ใจของเอลียาห์ไม่ได้อธิษฐานเพื่อขอให้ไฟลงมา แต่เขาทนไม่ได้ที่คนของพระเจ้าลืมพระเจ้าไปได้

หัวใจของเอลียาห์แบกคนของพระเจ้าทั้งประเทศไว้ในใจของเขา นี่คือแบบอย่างการอธิษฐาน

ขอให้เริ่มที่คริสตจักรที่จะอธิษฐานด้วยท่าทีอย่างนี้ เริ่มที่นี่

ผมเคยเป็นนักวิ่ง เมื่อมีการวิ่งผลัดถ้าต้องการให้ชนะต้องวิ่งเต็มที่ตั้งแต่ไม้แรกตอนส่งไม้ผลัดต้องส่งให้ดี เราจะชลอไม่ได้แต่ต้องวิ่งเต็มที่ หัวใจของผู้รับใช้พระเจ้าต้องเต็มไปด้วยคนทั้งประเทศ ไฟลงมาจากฟ้าไม่ใช่เรื่องยาก แต่การแบกชีวิตของคนของพระเจ้าไว้ในคำอธิษฐานของเราเป็นเรื่องที่ยาก กว่า  พระเจ้าสร้างคนไทย พระเยซูมาตายเพื่อคนไทย หากเราไม่มีหัวใจแบบ เอลียาห์นั้นเราจะไม่อธิษฐาน ถ้าเราไม่อธิษฐานแบบนี้ เมื่อไหร่ภูเขาถึงจะ เคลื่อนออกไป เมื่อไหร่ประเทศไทยจะรับการฟื้นฟูจากพระเจ้า 

ผมเคยร่วมรับใช้พระเจ้า กับอ.วีรชัยตั้งแต่รุ่นวัดดงเหล็ก ผมพบความจริงว่า ตลอดการรับใช้มา 40 ปี คริสตจักรเชี่ยวชาญในการประกาศเยอะ มีงานประกาศใหญ่ๆ เต้นท์ยักษ์  คริสตจักรได้เปลี่ยนระบบการบริหาร และการรับใช้ภายในคริสตจักร เป็นการขับเคลื่อนคริสตจักรด้วยกลุ่มเซลล์ (cell church) เพื่อให้คนไทยพบความรอด มาถึงวันนี้มองย้อนกลับไป การเกิดผลในงานรับใช้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เราทำงานเหนื่อยแทบตาย กว่าจะเรียนบทเรียนเรื่องการอธิษฐาน เป็นเวลาสี่สิบปี คริสตจักรของพระเจ้า ในไทยได้ทำทุกอย่างแล้วจริงๆ แต่ไม่ได้ทำต่อเนื่องจริงจังด้วยการอธิษฐานเผื่อคนไทย ด้วยใจแตกสลาย ด้วยสิทธิอำนาจ

คริสตจักรยังไม่ทำจริงๆ ในการซบหน้าลงคร่ำครวญกับพระเจ้า แบกภาระใจ ส่งเสียงคร่ำครวญดังก้องไปทั่วประเทศไทย

คริสเตียนเราไม่ค่อยตื่นเต้นกับเรื่องการอธิษฐาน แต่ตื่นเต้นกับเรื่องการประกาศใหญ่ๆ ประกาศแบบใหม่ๆ

พระเจ้ามีวิธีไหนให้เราเคลื่อนภูเขาออกไปโดยที่เราไม่ต้องอธิษฐาน คำตอบ คือ ไม่มีเลย

พระเจ้าให้เรามีวิธีเพียงอย่างเดียว คือ การอธิษฐาน ก่อนที่ภูเขามันจะล้มคว่ำลง เราต้องอธิษฐานอย่างจริงจัง ขอให้พระลักษณะพระเจ้าจะปรากฎในชีวิตของเรา ขอให้เรามีใจแบบพระเจ้า ขอให้คนไทยทั้งประเทศอยู่ในใจเรา คนไทยไม่รู้จักพระเจ้า  ถ้าคนไทยไม่ได้ยินเรื่องของพระเจ้า  ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเรา

ไม่มีวิธีอื่นแล้วที่จะเคลื่อนภูเขา แล้วเรารออะไร นี่คือ วิธีพระเจ้า นำเสนอให้กับเราไปทำ

คริสตจักรควรจัดวันอธิษฐาน ให้มีการร่วมใจกันอธิษฐาน ทำตามแนวทางพระคัมภีร์ อธิษฐานเพื่อประเทศชาติของเราอย่างแท้จริง เราจะทำสม่ำเสมอไหม ให้เราตอบสนองพระคำ ด้วยการอธิษฐานด้วยความเชื่อส่ิงใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย

ให้เราร่วมใจอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

 

บทความก่อนหน้านี้หว่านตอนที่ 7 (จบ) “หว่านอย่างไรไม่หยุดที่จะหว่าน”
บทความถัดไป2คร5:17 ชีวิตถูกสร้างด้วยความสัมพันธ์

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่