ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์” (ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)

ก้าวที่ 38 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเอเฟซัส (วว2:1-7)

ก้าวที่ 39 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8-11)

ก้าวที่ 40 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:12-17)

ก้าวที่ 41 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:18-29)

ก้าวที่ 42 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1-6)

ก้าวที่ 43 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:7-13)

ก้าวที่ 44 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว:14-22)

ก้าวที่ 45 เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร

ก้าวที่ 46 เรียนรู้จาก: การรับรู้ของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร

ก้าวที่ 47 เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร

ก้าวที่ 48 เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร

ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต 

สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์ 

(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะ

คริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)

ก้าวที่ 42 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1-6)

ตอนที่ 5 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองซาร์ดิส วว3:1-6

1.เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร

2.เรียนรู้จาก:การรับรู้ของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร

3.เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร

4.เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร

โดย อ.กิจขจร  ลิ่วเฉลิมวงศ์ (15 พ.ค. 2020)

ถ้อยคำถึงคริสตจักรเมืองซาร์ดิส

1“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสว่าพระองค์ผู้ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า และทรงมีดาวเจ็ดดวงนั้น ตรัสดังนี้ว่าเรารู้จักความประพฤติของเจ้า คือเจ้าได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าตายแล้ว 

2เจ้าจงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลังให้กับส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตายแล้วนั้น เพราะว่าเราไม่พบความประพฤติที่ครบบริบูรณ์ของเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า 3เหตุฉะนั้นเจ้าจงระลึกว่าเจ้าได้รับและได้ยินอะไร จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่ เพราะถ้าเจ้าไม่ตื่นขึ้น เราจะมาเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าชั่วโมงไหน 

4แต่เจ้าก็ยังมีสองสามคนในเมืองซาร์ดิสที่ไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าของตนเป็นมลทิน และพวกเขาจะดำเนินไปกับเราในชุดสีขาว เพราะว่าเขาเป็นคนที่คู่ควร 

5เช่นเดียวกัน คนที่ชนะก็จะสวมเสื้อสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต เราจะรับรองชื่อของเขาเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ 6ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย

เบื้องหลังของพระธรรม วว3:1-6 ตอนนี้ เป็นคริสตจักรลำดับที่ 5 จาก 7

คริสตจักร ที่ยอห์นได้รับการสำแดงจากพระเยซูคริสต์ ให้เขียนไว้ในหนังสือม้วน และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด (วว1:11) เนื้อหาสำหรับคริสตจักรเมืองซาร์ดิส เป็นเรื่องตำหนิ ตักเตือน แต่มีชมบางคนบ้าง

โดยเนื้อหาส่วนใหญ่สำหรับคริสตจักรซาร์ดิสเต็มไปด้วยการเรียกร้องแบบออกคำสั่ง เพราะใช้คำว่าจงเยอะมาก ให้มีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตในทางความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ให้ดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณมีชีวิตกับพระเจ้า

การนำเรื่องคริสตจักรทั้งเจ็ดมาเทศนาสั่งสอน เพราะต้องการให้ผู้อ่านและผู้ฟัง มีลักษณะชีวิตคริสเตียน โดยดำเนินชีวิตคริสเตียน  สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์ 

หมายความว่า ท่านไม่ควรดำเนินชีวิตคริสเตียนเพียงลำพังโดยไม่ผูกพันตัวกับผู้เชื่อคนอื่น พระเจ้าต้องการให้มีการสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อในท้องถิ่น หรือสามัคคีธรรมกับชุมชนของพระเจ้าด้วย

โดยท่านสามารถเรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด เพื่อสำรวจตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตของท่านกับชุมชนของพระเจ้า หรือคริสตจักรท้องถิ่นที่ท่านผูกพันตัวให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้ยอห์นบันทึกไว้

วว3:1 จงเขียนถึง ทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิส ว่า 

ฑูตสวรรค์อาจจะหมายถึง ฑูตสวรรค์ที่เป็นวิญญาณจริงๆก็ได้หรือเป็นผู้นำผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาลของคริสตจักรก็ได้ การแปลความให้ใช้บริบทของเนื้อหาเป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจอีกที บางคนก็เชื่อว่าเป็นฑูตสวรรค์จริงๆไม่ใช่หมายถึง ผู้นำหลักของคริสตจักร แต่ไม่มีทัศนไหนบอกว่าฑูตสวรรค์ในคริสตจักรทั้งเจ็ดเป็นมนุษย์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำเท่านั้น

ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และข้อมูลเพิ่มเติมของเมืองสเมอร์นา

ที่ตั้งของเมืองซาร์ดิส เป็นเมืองการค้าที่สำคัญ ตั้งห่างจากเมืองธิยาธิราไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 30 ไมล์ และตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าสำคัญที่เชื่อมต่อทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของอาณาจักรลิเดีย

อุตสหกรรมสำคัญของเมืองนี้ได้แก่ การค้าอัญมณี การย้อมผ้า และการทอผ้า ซึ่งทำให้เมืองนี้มั่งคั่งรำ่รวย ปัญหาหลักของคริสตจักรในเมืองนี้ คือ ความเฉื่อยชาฝ่ายวิญญาณขนาดหนัก เป็นผลมาจากความอ่อนแอ และการรักความหรูหราฟุ่มเฟือยอันเป็นลักษณะของสังคมแบบชาวโลก

เมืองสร้างบนภูเขาสูง 450 เมตร ประชาชนรู้สึกว่ามั่นคงไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ แต่ในประวัติศาสตร์ศัตรูสามารถปีนขึ้นไปเปิดประตูเมืองได้ในตอนกลางคืนถึงสองครั้ง คริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสก็มีความมั่นใจในตนเองมากเกินไปเหมือนชาวเมืองเช่นกัน

ซาร์ดิสเป็นศูนย์กลางของการนมัสการพระต่างชาติ มีพระวิหารของพระแม่อาร์เทมีสเป็น 1ใน7ของพระวิหารที่ใหญ่ที่สุดของกรีก ขนาดใหญ่กว่าพระ

วิหารแพนธีออนสองเท่า ซึ่งเป็นซากปรักหักพังเหลืออยู่จนถึงทุกวันนี้อยู่ในตุรกีตะวันตก คือ ซาร์ทมุสตาฟา จังหวัดมานิสา (Sartmustafa, Manisa province)

หมายเหตุ: สามารถชมภาพปัจจุบันได้

วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่อง ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต 

สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์ 

(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)

ตอนที่เรียนรู้จากคริสตจักร

เมืองซาร์ดิส วว3:1-6

1.เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์

กับคริสตจักร

วว3:1จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสว่าพระองค์ผู้ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า และทรงมีดาวเจ็ดดวงนั้น

เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?

พระวิญญาณทั้งเจ็ด ให้ความหมายถึง พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่ตรัสกับคริสตจักรทั้งเจ็ด ซึ่งจะลงท้ายในจดหมายฝากไปยังคริสตจักรทั้งเจ็ดเสมอ วว2:7,11,17,29; 3:6,13,22 “ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณได้ตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย

วว1:4 ยอห์น ขอเรียนคริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชียขอให้ท่านทั้งหลายได้รับพระคุณและสันติสุขจากพระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมาและจากพระวิญญาณทั้งเจ็ดที่เฝ้าอยู่หน้าพระที่นั่งของพระองค์

วว5:6 และระหว่างพระที่นั่งกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น และท่ามกลางพวกผู้อาวุโส ข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกทรงยืนอยู่ เหมือนดังถูกปลงพระชนม์แล้ว พระองค์ทรงมีเขาเจ็ดเขาและมีดวงตาเจ็ดดวง ซึ่งเป็นพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า ที่พระเจ้าทรงส่งออกไปทั่วแผ่นดินโลกแล้ว

มีดาวเจ็ดดวง ให้ความหมายถึงผู้นำหลัก ศิษยาภิบาล ของทั้งเจ็ดคริสตจักร ก็อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ หรือฑูตสวรรค์ที่พระเยซูคริสต์ใช้สื่อสาร ดูและคริสตจักรของพระองค์

วว1:16,20 พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวง และมีดาบสองคมที่คมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ และพระพักตร์ของพระองค์เหมือนอย่างดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแรงกล้า 20ส่วนความล้ำลึกของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าเห็นในมือขวาของเรา และของคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด

วว2:1จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่าพระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า

การนำไปประยุกต์ใช้ ส่ิงที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็น สิ่งนั้นจะมีความสัมพันธ์ต่อผู้เชื่อและคริสตจักร พระองค์ทรงสื่อสารคริสตจักรให้กลับมามีชีวิตฝ่ายวิญญาณกับพระองค์ พระองค์ยังทรงปกครอง ทรงดูแลคริสตจักรของพระองค์ผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงประทานให้กับผู้เชื่อ และดูแลคริสตจักรของพระองค์ ผ่านผู้นำหลัก ศิษยาภิบาล ผู้ปกครองของคริสตจักรอีกด้วย

คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญกับเรื่องชีวิตฝ่ายวิญญาณ ในการสร้างชีวิตส่วนตัวกับพระเจ้า ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่แผนงานที่ประชุมโดยกรรมการบริหารคริสตจักรแต่เพียงอย่างเดียว ให้ความสำคัญกับการรู้จักพระเยซูคริสต์มากขึ้น ไม่ใช่กับกิจกรรมหรือโปรแกรมของคริสตจักรที่จัดขึ้นโดยปราศจากความคาดหวังในการเกิดผลฝ่ายวิญญาณ

2.เรียนรู้จาก: การรับรู้ของพระเยซูคริสต์

ต่อคริสตจักร

วว3:1ตรัสดังนี้ว่าเรารู้จักความประพฤติของเจ้า คือเจ้าได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าตายแล้ว 

2.1คําว่า มีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าตายแล้ว   3498. nekros (adj) อ่านว่า (nek-ros’) หมายถึง ตายฝ่ายวิญญาณ เป็นความสิ้นหวังของชีวิตในการตระหนักและทุ่มเทเพื่อพระเจ้า เพราะยอมแพ้ต่อความบาป และการละเมิด ไม่ทำไม่ให้ความเคารพในสิ่งที่ถูกต้อง

ผู้เชื่อมองว่าตัวเองมีชีวิตกับพระเจ้า แต่พระเจ้าบอกว่าพวกเขาตายแล้วไม่ได้มีชีวิตกับพระองค์ พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์ แต่พวกเขามีโอกาสตื่นขึ้นจากความตายในความสัมพันธ์ได้ มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้

อฟ5:14เพราะว่าทุกๆ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็เป็นความสว่าง ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่าคนที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้นและจงเป็นขึ้นจากตายแล้วพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน

ยก2:17 ทำนองเดียวกัน ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว

ประยุกต์ใช้ เปรียบเหมือนฝ่ายกายภาพดูดีมีความเจริญเติบโต มีชีวิตชีวาดีมาก แต่ฝ่ายจิตวิญญาณนั้นกลับตายแล้ว ไม่อยากเติบโตในความบริสุทธิ์ ในความชอบธรรมของพระเจ้า ไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่จะทำตามพระทัยของพระเจ้าอีกแล้ว ชีวิตทำบาป ขาดความสัมพันธ์กับพระเจ้าไปแล้ว

2.2 ดำเนินไปกับเราในชุดสีขาว

วว3:4แต่เจ้าก็ยังมีสองสามคนในเมืองซาร์ดิสที่ไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าของตนเป็นมลทิน และพวกเขาจะดำเนินไปกับเราในชุดสีขาว

คําว่า เสื้อผ้าของตนเป็นมลทิน  3435. molunó (v) อ่านว่า (mol-oo’-no) หมายถึง ผู้ที่รักษาชีวิตของพวกเขาให้บริสุทธิ์จากมลทินแห่งความบาป รากศัพท์มาจากคำที่มีความหมายว่า  เปื้อนดิน ทำให้สกปรก กลายเป็นวิญญาณที่สกปรกเปื้อนดิน

ดำเนินไปกับเราในชุดสีขาวเพราะว่าพวกเขาเป็นคนที่คู่ควร(ภาษาเดิมแปลว่า ที่มีคุณค่า)514. axios (adj) อ่านว่า (ax’-ee-os) หมายถึง เป็นที่โปรดปรานของการรับเชิญ

ดังนั้นเมื่อรวมความหมายของประโยคทั้งหมด น่าจะหมายถึง ผู้เชื่ออย่าเข้าใจผิดคิดว่าตนเองมีชีวิตกับพระเจ้า ทั้งๆที่ตนเองดำเนินชีวิตในความบาป นั่นหมายถึง พวกเขาตายฝ่ายวิญญาณไปแล้ว แต่พระเยซูคริสต์ โปรปรานผู้เชื่อที่ดำเนินชีวิตไปกับพระองค์โดยการรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ ชอบธรรม เพราะเขาเป็นคนที่มีคุณค่าเป็นที่โปรดปรานของการรับเชิญให้เข้าแผ่นดินของพระองค์

วว4:4 และรอบพระที่นั่งนั้นมีบัลลังก์อีกยี่สิบสี่บัลลังก์ มีผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั่งอยู่บนบัลลังก์เหล่านั้น ทุกคนสวมเสื้อผ้าสีขาวและสวมมงกุฎทองคำบนศีรษะของพวกเขา 

วว3:18 เราแนะนำเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมด้วยไฟจากเรา เพื่อเจ้าจะได้มั่งมี และให้ซื้อเสื้อผ้าสีขาว เพื่อจะได้สวมให้พ้นจากความอับอายที่ต้องเปลือยกาย และซื้อยาหยอดตาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้เห็น 

วว7:9 หลังจากนั้นมา ข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ มหาชนที่ไม่มีใครนับจำนวนได้ ที่มาจากทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกชนชาติและทุกภาษา ยืนอยู่หน้าพระที่นั่งและเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก พวกเขาสวมเสื้อผ้าสีขาว และถือใบตาลอยู่ในมือ 

วว19:14 กองทัพทั้งหลายในสวรรค์นุ่งห่มผ้าป่านเนื้อละเอียด สีขาวสะอาด ขี่ม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป

พระเยซูคริสต์สอนเป็นเรื่องอุปมาผู้รับเชิญมางานเลี้ยงสมรสต้องแต่งตัวให้เหมาะสมกับผู้เชิญมางาน ไม่ใช่แค่มาร่วมงานโดยไม่เตรียมตัว

มธ22:11-14 แต่เมื่อกษัตริย์องค์นั้นเสด็จไปทอดพระเนตรแขกทั้งหลาย ก็ทอดพระเนตรเห็นคนหนึ่งไม่ได้สวมเสื้อสำหรับงานอภิเษกสมรส 12จึงตรัสถามว่าเพื่อนเอ๋ย ทำไมท่านมาที่นี่โดยไม่สวมเสื้อสำหรับงานอภิเษกสมรส?’ คนนั้นก็นิ่งอั้นอยู่พูดไม่ออก 13กษัตริย์จึงมีรับสั่งกับพวกคนรับใช้ว่าจงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปโยนทิ้งบริเวณที่มืดข้างนอก ซึ่งเป็นที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ 14เพราะว่าคนที่ได้รับเชิญก็มีมาก แต่คนที่ได้รับการทรงเลือกก็มีน้อย

พระเยซูคริสต์ยกตัวอย่างผู้เชื่อที่คิดว่าตนเองรู้จักพระเยซูคริสต์ แต่พระองค์บอกไม่รู้จักพวกเขา เพราะเขาทำความชั่วแม้บอกว่ารับใช้พระองค์

มธ7:21-23 ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ 22เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ 23เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่าเราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา

ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า คือว่าคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิส (ไวยากรณ์รูปปัจจุบันสรรพนามบุคคลที่สองเป็นเอกพจน์ คือ you น่าจะหมายถึงชุมชนของพระเจ้า ที่เมืองซาร์ดิสซึ่งอาจจะไม่ได้หมายถึง ผู้เชื่อเพียงคนเดียวแต่หมายถึงทั้งชุมชน) คนส่วนมากในคริสตจักรเมืองซาร์ดิสต้องปรับปรุง ต้องพัฒนาชีวิตฝ่ายวิญญาณ แต่ก็มีคนส่วนน้อยคือ สองสามคนที่ทำดีอยู่แล้ว พระเยซูคริสต์หนุนใจ ให้กำลังใจ ให้รักษาชีวิตในทางบริสุทธิ์ ในทางชอบธรรมต่อไป

คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญของการดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ตามมาตรฐานของคนส่วนมาก คนสวมเสื้อสีขาวเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าผู้เชิญให้เข้าแผ่นดินของพระองค์  หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าตนเองกลับใจใหม่จากบาปเชื่อพระเยซูคริสต์แล้วตนเองรอดแล้ว แต่พระคัมภีร์ตอนนี้พระเยซูคริสต์บอกว่าต้องดำเนินชีวิตกับพระเยซูคริสต์ต่อไปด้วย รักษาเสื้อสีขาวอย่าให้มีมลทิน อย่าให้มีดินมาเปื้อนด้วย

คริสตจักร และผู้เชื่อให้ความสำคัญสำหรับการสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณ คุณภาพฝ่ายวิญญาณ จริยธรรมฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จทางฝ่ายโลก การมีวัตถุฝ่ายกายภาพมากมายเป็นต้น

3.เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์

ต่อคริสตจักร

วว3:2-3 เจ้าจงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลังให้กับส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตายแล้วนั้น เพราะว่าเราไม่พบความประพฤติที่ครบบริบูรณ์ของเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า 3เหตุฉะนั้นเจ้าจงระลึกว่าเจ้าได้รับและได้ยินอะไร จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่ เพราะถ้าเจ้าไม่ตื่นขึ้น เราจะมาเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าชั่วโมงไหน

3.1  จงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลัง

พระคริสต์ทรงตักเตือนให้คริสตจักรเมืองซาร์ดิสเปลี่ยนแปลงชีวิต

คําว่า จงตื่นขึ้นและ จงเสริมกำลัง

จงตื่นขึ้นหมายถึง ระวังให้ดีเพื่อให้พ้นจากความหายนะ จากการทำลายล้างที่เกิดขึ้นในทันทีทันใด เกรงว่าจะตกอยู่ในบาป คำเดียวกันนี้ใช้ใน

1ธส5:6 เพราะฉะนั้นเราอย่าหลับเหมือนอย่างคนอื่น แต่ให้เราเฝ้าระวังและมีสติ 

1ปต5:8 จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้

จงเสริมกำลังหมายถึง เสริมสร้าง ทำให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อทำให้ยืนยันหนักแน่น ทำให้คงที่ ความคิดจิตใจที่เป็นรากฐาน คำเดียวกันนี้ใช้ใน

1ปต5:10ตั้งมั่นคงอยู่และหลังจากพวกท่านทนทุกข์ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ผู้ได้ทรงเรียกให้พวกท่านเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ของพระองค์ในพระ[เยซู]คริสต์ พระองค์เองก็จะทรงฟื้นฟู จะทรงค้ำจุนให้มั่นคง จะทรงเสริมเรี่ยวแรง และจะทรงให้พวกท่านตั้งมั่นอยู่

2ธส3:3เสริมกำลังแต่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ จะทรงเสริมกำลังของท่าน และทรงป้องกันท่านไว้ให้พ้นจากมารร้าย

วว3:1 พระเจ้าบอกว่าพวกเขาตายแล้ว แต่วว3:2 บอกให้พวกเขาตื่นขึ้น คนที่ตายแล้วตื่นไม่ได้ แต่คนหลับตื่นได้  นี่คือโอกาสที่ผู้เชื่อสามารถรับกำลังจากพระเจ้า เพื่อจะรอดพ้นจากความหายนะที่จะเกิดขึ้นเมื่อดำเนินชีวิตในความบาป พระเจ้าอยากให้ผู้เชื่อกลับมารับการเสริมสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณ ทำให้ความเชื่อในพระเยซูคริสต์มั่นคง มีความรากฐานชีวิตที่มั่นคงแข็งแรงในพระเยซูคริสต์

3.2 จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่

คําว่า จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่

จงถือรักษา หมายความว่า  ให้สังเกต ให้ตั้งใจอย่างระมัดระวัง ให้ระวัง ให้รักษา รากศัพท์ มาจากคำว่า ยามผู้ดูแล ถนอมรักษา ดูแลให้ครบถ้วน

จงกลับใจใหม่หมายความว่า  ประพฤติอย่างคู่ควรกับจิตใจที่เปลี่ยนแปลง และเกลียดชังความบาป เป็นการเปลี่ยนแปลงจากภายในโดยทั่วไปคำนี้ใช้เจาะจงอ้างอิงกับการยอมรับน้ำพระทัยพระเจ้า

รวมความน่าจะ หมายถึง ส่วนที่ดำเนินชีวิตได้ดีอยู่แล้วให้ทำต่อไป ให้ยึดมั่นรักษาไว้ทำต่อไป แต่อะไรที่ดำเนินชีวิตไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไปผิดทาง สิ่งเหล่านั้นต้องได้รับการแก้ไข ต้องกลับใจใหม่ มาทำให้ถูกต้องเหมือนมาตรฐานที่พระเยซูคริสต์กำหนดไว้

นี่คือส่ิงที่พระเยซูคริสต์ให้เราต้องสำรวจประเมินเรามีชีวิตฝ่ายวิญญาณไหม อะไรเป็นสิ่งดีที่เราต้องรัก ต้องทำให้มั่นคงแข็งแรง อะไรเป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า อะไรเป็นส่ิงที่เราต้องกลับใจใหม่กับพระเจ้า

4.เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์

ต่อคริสตจักร

วว3:5-6 เช่นเดียวกัน คนที่ชนะก็จะสวมเสื้อสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต เราจะรับรองชื่อของเขาเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ 6ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย

พระองค์สัญญาว่าคนที่ชนะ พระองค์จะสวมเสื้อสีขาวและ

ไม่ลบชื่อออกจากหนังสือแห่งชีวิต

สวมเสื้อสีขาว เราได้อธิบายไปอย่างละเอียดแล้วในประเด็นที่ 2.2

ไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต คือ รายชื่อของบรรดาคริสตชนที่ซื่อสัตย์ พระเยซูคริสต์ทรงรับรองรายชื่อเหล่านั้นต่อพระพักตร์พระเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ หนังสือแห่งชีวิตนี้เปรียบเทียบเหมือนทะเบียนราษฎร์ของประชาชนของแต่ละประเทศนั่นเอง

มธ10:32เพราะฉะนั้นทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์

ความหมายของ ทั้งสองอย่างที่พระเยซูคริสต์ประทานให้กับผู้ชนะในตอนนี้จึงน่าจะหมายถึง พระเยซูคริสต์เป็นพยานรับรองผู้เชื่อที่สัตย์ซื่อเพื่อพวกเขาได้รับชีวิตนิรันดร์ ได้เข้าแผ่นดินของพระเจ้า เพราะพวกเขาเป็นพลเมืองของอาณาจักรพระเจ้า พวกเขาได้รับความชอบธรรมที่พระเจ้าให้เขาสวมใส่และรักษาชีวิตชอบธรรมกับพระเจ้า ไม่ดำเนินชีวิตอยู่ในความผิดบาป

กล่าวโดยสรุป เรื่องสัญลักษณ์และความหมายต่าง ที่เกี่ยวข้องจาก คริสตจักรเมืองซาร์ดิสใน วว3:1-6

1.‘พระองค์ผู้ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า และทรงมีดาวเจ็ดดวงนั้นพระเยซูคริสต์ผู้ทรงให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ และผู้ปกครอง ผู้นำ ศิษยาภิบาล ในการดูแล ปกครอง คริสตจักรของพระองค์

2.มีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าตายแล้วชีวิตอยู่ในความบาปไม่ได้มีชีวิตฝ่ายวิญญาณ กับพระเยซูคริสต์

3.จงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลังให้ระมัดระวังการดำเนินชีวิตอย่าอยู่ในความบาป แต่ให้รับการสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณให้มั่นคงแข็งแรงกับพระเยซูคริสต์

4.จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่ให้ตั้งใจอย่างระวัง ดำเนินชีวิตยอมรับน้ำพระทัยพระเจ้า

5.สวมเสื้อสีขาว รักษาชีวิตชอบธรรมกับพระเจ้า ไม่ให้บาปปนเปื้อน

6.ไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต พระเยซูคริสต์เป็นพยานในการเข้าแผ่นดินของพระเจ้า รับชีวิตนิรันดร์

การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้

สำหรับการดำเนินชีวิต

ผู้เชื่อหรือคริสตจักรของพระเจ้าแม้ดูเหมือนจะดูดีภายนอก ดูดีในสายตาของคนส่วนมาก คำถามสำคัญคือ ชีวิตของท่านดูดีจากสายพระเนตรของพระเยซูคริสต์หรือไม่ต่างหากที่มีความสำคัญ

ในท่ามกลางสภาพสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบัน  หากต้องทำให้ชีวิตมีมลทินเพื่อแลกกับชีวิตที่สุขสบาย ชีวิตที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ กับการยอมดำเนินชีวิตยากลำบาก ไม่เป็นที่ยอมรับของคนมากมาย แต่เป็นน้ำพระทัยที่พระเจ้าให้ท่านดำเนินชีวิตตามมาตรฐานจริยธรรมแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ท่านยินดี เต็มใจที่จะดำเนินตามหรือไม่

ผู้เชื่ออาจจะต้องกลับมาฉุกคิดว่าเราดำเนินชีวิตในทุกวันนี้ แล้วในวันหน้าเราจะมีชื่อบันทึกว่าเป็นพลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้าในวันสุดท้ายหรือไม่

คริสเตียนจำเป็นต้องดำเนินชีวิตมีความชอบธรรม มีชีวิตฝ่ายวิญญาณกับพระเจ้า  แน่นอนว่าคนที่เลือกเดินทางของพระเจ้า ย่อมต้องพบความขัดแย้งระหว่างจริยธรรมจากมาตรฐานพระคัมภีร์ กับค่านิยมของโลกนี้

อาจจะทำให้ผู้เชื่อดำเนินชีวิตยากลำบากขึ้น เพราะมาตรฐานของพระเจ้าสูงกว่ามาตรฐานจริยธรรมของโลก ของสังคม แต่ผู้เชื่อสามารถมีชัยชนะเหนือทุกความยากลำบาก โดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ พึ่งพาพระคุณของพระเจ้า 

อย่ารอให้ใกล้เวลาที่จะตายก่อนแล้วถึงจะมากลับใจใหม่ แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า หรือความชอบธรรมของพระเจ้า เพราะว่าหลายคนอาจจะเลิกเชื่อพระเยซูคริสต์ก่อนที่จะถูกคนส่วนมากปฏิเสธ เพราะถ้าเราแคร์คนอื่นมากกว่าพระเจ้า วันนั้นต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าเราก็จะได้รับผลที่เราตัดสินใจในวันนี้

เราต้องดำเนินชีวิตกับพระเจ้าจริงจัง เราดำเนินชีวิตร่วมกับผู้เชื่อคนอื่นๆในคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ได้ เพื่อให้รับการเสริมสร้างขึ้นในการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณกับพระเจ้าผ่านผู้เชื่อคนอื่นๆด้วย

นี่คือคำหนุนใจ ที่พระเยซูคริสต์บอกให้ยอห์นบันทึกไว้ แจ้งให้คริสตจักร ให้ผู้เชื่อได้รับทราบก่อน

เพื่อให้เขากลับใจใหม่และดำเนินชีวิตให้ถูกต้องกับพระเยซูคริสต์

ขอพระเจ้าอวยพรท่าน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

อ้างอิง:
1เกรแฮม ลีด. พระเจ้าทรงครอบครองอยู่ ศึกษาพระธรรมวิวรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ:  กนกบรรณสาร, พฤศจิกายน 1997,หน้า 44-46.
2https://biblehub.com/greek/32.htm
3จอห์น เอฟ วาลวูร์ด. แปลโดย ธนาภรณ์  ธรรมสุจริตกุล. วิวรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ศูนย์ทีรันนัส (สำนักพิมพ์ จีพี), 2001, หน้า 139-141.
4เจ. เกลน มอริส. แปลโดย ดารณี ประดับชนานุรัตน์. คู่มือศึกษาพระคัมภีร์ใหม่ วิวรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงเรียนคริสตศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์, 2019, หน้า 68.
5https://www.bibleplaces.com/sardis/
6https://biblehub.com/commentaries/meyer/revelation/3.htm
7https://biblehub.com/greek/3498.htm
8Michael Wilcock. The Message of Revelation I saw Heaven opened, 2nd Edition. Great Britain : CPI Bookmarque, Croydon. [Grand Rapids], 1991, page 51-53.
9https://biblehub.com/greek/3435.htm
10https://biblehub.com/greek/514.htm
11https://biblehub.com/greek/1127.htm
12https://biblehub.com/greek/4741.htm
13https://biblehub.com/greek/5083.htm
14https://biblehub.com/greek/3340.htm
15 ลีออน มอร์ริส. วิวรณ์. แปลโดย .ชุมแสง เรืองเจริญสุข และคณะ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ:  คริสเตียนศึกษา แบ๊บติสต์, 1997.

 

บทความก่อนหน้านี้ตอนที่ 4 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองธิยาทิรา วว2:18-29
บทความถัดไปตอนที่ 6 เรียนรู้จากคริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟียวว3:7-13

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่