ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต “สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์” (ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ก้าวที่ 38 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเอเฟซัส (วว2:1-7)
ก้าวที่ 39 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองสเมอร์นา (วว2:8-11)
ก้าวที่ 40 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (วว2:12-17)
ก้าวที่ 41 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองธิยาทิรา (วว2:18-29)
ก้าวที่ 42 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองซาร์ดิส (วว3:1-6)
ก้าวที่ 43 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองฟีลาเดลเฟีย (วว3:7-13)
ก้าวที่ 44 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย (วว:14-22)
ก้าวที่ 45 เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
ก้าวที่ 46 เรียนรู้จาก: การรับรู้ของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร
ก้าวที่ 47 เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
ก้าวที่ 48 เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคริสตจักร
ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะ
คริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ก้าวที่ 38 เรียนรู้จาก:คริสตจักรเมืองเอเฟซัส (วว2:1-7)
ตอนที่ 1 เรียนรู้จากคริสตจักรเมืองเอเฟซัส วว2:1-7
1.เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของพระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
2.เรียนรู้จาก:การรับรู้ของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
3.เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
4.เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์ต่อคริสตจักร
โดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ (27 พ.ค. 2020)
ถ้อยคำถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัส
1“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า
2“เรารู้จักความประพฤติของเจ้า รู้เรื่องการตรากตรำและความทรหดอดทนของเจ้า และรู้ว่าเจ้าไม่ยอมทนต่อพวกคนชั่ว เจ้าทดสอบพวกที่อ้างตัวว่าเป็นอัครทูต แต่ไม่ได้เป็น และเจ้าก็พบว่าพวกเขาโกหก 3เรารู้ว่าพวกเจ้ามีความทรหดอดทน และยอมทนเพราะนามของเรา และไม่ได้อ่อนระอา
4แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้า 5เพราะฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าตกลงมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามที่ประพฤติในตอนแรก มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน นอกจากว่าเจ้าจะกลับใจใหม่ 6แต่ว่าเจ้ายังมีข้อดีอยู่ คือว่าเจ้าเกลียดชังความประพฤติของพวกนิโคเลาส์ที่เราเองก็เกลียดชัง
7ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย คนที่ชนะ เราจะให้เขากินผลจากต้นไม้ที่ให้ ชีวิต ที่อยู่ในเมืองบรมสุขเกษมของพระเจ้า”
เบื้องหลังของพระธรรม วว2:1-7 ตอนนี้ เป็นคริสตจักรลำดับที่ 1 จาก 7
คริสตจักร ที่ยอห์นได้รับการสำแดงจากพระเยซูคริสต์ ให้เขียนไว้ในหนังสือม้วน และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด (วว1:11)
เนื้อหาสำหรับคริสตจักรเมืองเอเฟซัส เป็นเรื่องการชมเชยความจงรักภักดีที่แสดงออกมาเป็นการประพฤติ แบกรับยอมทนทำงานของพระเจ้าอย่างดี
มีหลักข้อเชื่อที่ดี แต่ความรักต่อพระเยซูคริสต์ถดถอยลง หย่อนยานลง ขาดความรักที่มีต่อพระเจ้าและต่อกันและกัน หากไม่รีบเยียวยาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นคริสตจักรที่เย็นชา มีความรู้แต่ปราศจากความรัก
การนำเรื่องคริสตจักรทั้งเจ็ดมาเทศนาสั่งสอน เพราะต้องการให้ผู้อ่านและผู้ฟัง มีลักษณะชีวิตคริสเตียน โดยดำเนินชีวิตคริสเตียน “สัมพันธ์สนิทกับ
คริสตจักรของพระคริสต์” หมายความว่า ท่านไม่ควรดำเนินชีวิตคริสเตียนเพียงลำพังโดยไม่ผูกพันตัวกับผู้เชื่อคนอื่น พระเจ้าต้องการให้มีการสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อในท้องถิ่น หรือสามัคคีธรรมกับชุมชนของพระเจ้าด้วย
โดยท่านสามารถเรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด เพื่อสำรวจตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตของท่านกับชุมชนของพระเจ้า หรือคริสตจักรท้องถิ่นที่ท่านผูกพันตัวให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้ยอห์นบันทึกไว้
วว2:1“จงเขียนถึง ทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า
“ฑูตสวรรค์” อาจจะหมายถึง ฑูตสวรรค์ที่เป็นวิญญาณจริงๆก็ได้หรือเป็นผู้นำผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาลของคริสตจักรก็ได้ การแปลความให้ใช้บริบทของเนื้อหาเป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจอีกที บางคนก็เชื่อว่าเป็นฑูตสวรรค์จริงๆไม่ใช่หมายถึง ผู้นำหลักของคริสตจักร แต่ไม่มีทัศนไหนบอกว่า
ฑูตสวรรค์ในคริสตจักรทั้งเจ็ดเป็นมนุษย์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำเท่านั้น
ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และข้อมูลเพิ่มเติมของเมือง
ที่ตั้งของเมืองเอเฟซัสเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของเอเซียน้อย เมืองนี้อยู่ห่างจากเกาะปัทมอสประมาณ 45 กิโลเมตร ชาวเมืองเอเฟซัสเคยนมัสการ
พระแม่อารเทมิส แต่เมื่อมาเชื่อพระเยซูคริสต์แล้วก็เอาจริงเอาจังกับพระเจ้า
เอเฟซัสเป็นเมืองที่มั่งคั่ง เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม เป็นเมืองที่ชั่วร้าย เป็นเมืองอู่ต่อเรือเป็นท่าเรือที่สวยงาม เมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของโรม
เป็นเมืองหลวงของทั้งมณฑลเอเซีย และได้รับเกียรติเป็นนครหลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเซีย และคริสตจักรที่เมืองนี้เจริญมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้ปกครอง จึงเชื่อกันว่าที่นั่นมีคริสตจักรที่ใหญ่โตและเจริญมากตั้งอยู่ ท่ามกลางลัทธิใหญ่ของวิหารแห่งอาร์ทิมิส (กจ19-20)
เมืองเอเฟซัสในปัจจุบันคือหมู่บ้านของเมือง เซลเชค( Selƈuk) ในฝั่งตะวันตกของประเทศตุรกี
(หมายเหตุ: สามารถชมภาพจำลองเมืองได้ https://youtu.be/9SGLlN18YfE
สามารถชมภาพปัจจุบันได้ที่ https://youtu.be/mvPCtrZ1K00)
วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่อง ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิต
“สัมพันธ์สนิทกับคริสตจักรของพระคริสต์”
(ชุมชนของพระเจ้า:เรียนรู้จากลักษณะคริสตจักรทั้งเจ็ด วว2:1-3:22)
ตอนที่ 1 เรียนรู้จากคริสตจักร
เมืองเอเฟซัส วว2:1-7
1.เรียนรู้จาก:ความสัมพันธ์ของ
พระเยซูคริสต์กับคริสตจักร
วว2:1 “จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า
เรามาดูรายละเอียดได้เห็นพระเจ้าอย่างไร?
“ถือดาวทั้งเจ็ดดวง” ให้ความหมายถึง บรรดาฑูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด ซึ่งได้อธิบายเรื่องฑูตสวรรค์ไว้ในคำนำตอนต้นไปแล้ว
“ไว้ในพระหัตถ์ขวา” แสดงถึง การกำไว้แน่น คริสตจักรไม่มีทางถูกฉกฉวยไปจากพระองค์ได้ การทรงครอบครองสูงสุดของพระองค์ ความหมายในตอนน้ีน่าจะหมายถึง พระเยซูคริสต์ทรงใช้สิทธิอํานาจของ พระองค์ผ่านทางผู้รับใช้ของพระองค์ในคริสตจักร
“คันประทีปทองคำทั้งเจ็ด” ให้ความหมายถึง พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินอยู่
ท่ามกลางคริสตจักรทั้งเจ็ด(คริสตจักรต่างๆ) พระองค์ทรงทราบความเป็นไปทุกอย่าง ผลที่เกิดจากการกล่าวแสดงตัวของพระองค์ คือ การให้เห็นว่าพระคริสต์ทรงปรากฎอยู่ที่นั่นท่ามกลางคริสตจักร ทรงเป็นผู้ห่วงไยใกล้ชิด และคอยเอาใจใส่พวกเขา
วว1:20 ส่วนความล้ำลึกของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าเห็นในมือขวาของเรา และของคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด
การนำไปประยุกต์ใช้ เราควรตระหนักถึงความห่วงไยของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อผู้เชื่อ และคริสตจักร พระองค์ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาภายในคริสตจักรไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตกจากความรักดั้งเดิม หรือการสอนผิดไปจากความเชื่อ หรือมีปัญหาการปกครองในคริสตจักร ทำให้ผู้เชื่อไม่รับพระพร และข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ พระมหาบัญชาไม่ถูกประกาศออกไป
คริสตจักรและผู้เชื่อควรให้ความสำคัญของพระเยซูคริสต์ในการดูแลคริสตจักร ในการปกครองคริสตจักร เพื่อให้คริสตจักรดำเนินตามพระทัยพระเจ้า
2.เรียนรู้จาก: การรับรู้ของพระเยซูคริสต์
ต่อคริสตจักร
ข้อ 2“เรารู้จักความประพฤติของเจ้า รู้เรื่องการตรากตรำและความทรหดอดทนของเจ้า และรู้ว่าเจ้าไม่ยอมทนต่อพวกคนชั่ว เจ้าทดสอบพวกที่อ้างตัวว่าเป็นอัครทูต แต่ไม่ได้เป็น และเจ้าก็พบว่าพวกเขาโกหก 3เรารู้ว่าพวกเจ้ามีความทรหดอดทน และยอมทนเพราะนามของเรา และไม่ได้อ่อนระอา 6แต่ว่าเจ้ายังมีข้อดีอยู่ คือว่าเจ้าเกลียดชังความประพฤติของพวกนิโคเลาส์ที่เราเองก็เกลียดชัง
พระเยซูคริสต์มีคำชมเชยสำหรับผู้เชื่อที่เอเฟซัสอย่างน้อย 3 เรื่อง
2.1 ไม่ยอมทนต่อคนสอนผิด
“คําว่า รู้จัก” หมายถึง การเห็นที่กลายเป็นความรู้ เปรียบเทียบเหมือนพระเยซูคริสต์ทรงเห็นความจงรักภักดีที่แสดงออกมาเป็นการปฎิบัติ การรับใช้ พระองค์เห็นการงานที่พวกเขาทำ ผ่านการใช้แรงงานของพวกเขา พระองค์เห็นทั้งชีวิตและความประพฤติทั้งหมดด้วยไม่ใช่เพียงแค่การงานที่เขาทำ
ความอดทน เป็นการยอมแบกรับภาระจนกว่างานจะสำเร็จ ความอดทนในที่นี้ เป็นลักษณะของคนที่ไม่หวั่นไหวจากวัตถุประสงค์โดยตั้งใจของเขา และความภักดีศรัทธาความนับถือ แม้ต้องพบการทดลองและความทุกข์ทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คำชมเชยนี้ถือว่ามีนำ้หนักมาก
ไม่ยอม ทนต่อพวกคนชั่ว (คือคนที่มีความคิด ความรู้สึก การแสดงออกไปในทิศทางผิด หรือชั่วร้าย ) หมายถึง การไม่ยึดมั่น ไม่ยึดถือ ไม่รับมาเพื่อแบก หรือไม่แบกบางสิ่งบางอย่างใส่ตัวเอง หรือไม่แบกสิ่งที่เป็นภาระ ในที่นี้น่าจะเป็นผู้นำที่สอนผิด “อัครฑูตโกหก” ไม่ได้หมายถึง อัครสาวก แต่หมายถึง ผู้เผยแพร่ศาสนาอันเป็นความหมายโดยทั่วไปที่ผู้เชื่อเมืองเอเฟซัสเข้าใจ สามารถแยกแยะระหว่างผู้สอนศาสนาปลอมกับพวกอัครสาวกแท้ได้
ประยุกต์ใช้ เมื่อผู้เชื่อต้องรับคำสอนจากผู้นำที่สอนผิด คงเป็นเรื่องที่นำความทุกข์ทรมานทุกข์ยากให้กับผู้เชื่ออย่างมาก เพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นการแตะต้องสิทธิอำนาจของผู้นำ แต่พระเยซูคริสต์บอกว่าผู้เชื่อทดสอบคำสอนว่าสอนผิดหรือไม่ หากสอนผิดต้องไม่นำมาปฎิบัติ
2.2 ยอมทนเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์
เพราะนามของเรา (พวกเขาทรหดอดทน ยอมทน ไม่อ่อนระอา) แสดงว่าความเชื่อของคริสเตียนในเมืองเอเฟซัสเข้มแข็งมั่นคงในความเชื่อพระเยซูคริสต์ พวกเขาไม่เลิกเชื่อพระเยซูคริสต์เพราะปัญหาอุปสรรค ความทุกข์ยาก ลำบาก และการข่มเหงที่เกิดขึ้น
2.3 ไม่ยอมทนต่อพฤติกรรมผิดๆ (เกลียดชังพฤติกรรมผิด)
“เกลียดชังพวกนิโคเลาส์” ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจคำสอนของพวกนิโคเลาส์
มีการกล่าวถึง “พวกนิโคเลาส์” ก่อนหน้านี้ในจดหมายถึงคริสตจักรเมือง
เอเฟซัสใน วว2:6 ว่าพระเยซูทรงเกลียดชังความประพฤติของพวกเขา ลักษณะคำสอนของพวกเขา คือ สอนให้ใช้เสรีภาพในพระคุณพระเจ้าในทางที่ผิดและให้ประนีประนอมกับการทำตามเนื้อหนัง มี 2 ทฤษฎีที่พยายามอธิบายเรื่องนี้คือ
(ก) นิโคเลาส์คนนี้ คือ คนเดียวกับนิโคเลาส์ชาวเมืองอันทิโอกผู้เข้าจารีตศาสนายิวที่เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะมัคนายก 7 คนที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้แจกจ่ายอาหาร (กจ.6:5 – เนื่องจากมีคนยิวที่พูดกรีกร้องเรียนไปว่าไม่ได้รับแจกจ่ายอาหารอย่างเพียงพอ และนิโคเลาส์คนนี้เป็นชาวต่างชาติที่มาเข้าจารีตยิวและพูดกรีก) เขามีพื้นเพเป็นคนต่างชาติที่กลับใจมาเข้าศาสนายิวและเป็นคริสเตียน เขาอาจตั้งลัทธินอกรีตขึ้นมาจากรากฐานเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันที่หนักแน่นนัก
(ข) เป็นไปได้ว่าพวกนิโคเลาส์ คือ กลุ่มลัทธินอกรีตที่เข้ามาในคริสตจักรแล้วก็ไปในช่วงแรกของการตั้งคริสตจักร อย่างไรก็ตามในจดหมายถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดมีการกล่าวถึงพวกสอนผิดแบบเดียวกันนี้ 3 ครั้ง (ที่สอนให้ล่วงประเวณีและกินอาหารที่บูชารูปเคารพ)
ในคำเตือนไปถึงคริสตจักรเมืองเอเฟซัส (2:6) คำเตือนถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม (2:14-16) และคำเตือนถึงคริสตจักรเมืองธิยาธิราเรื่องที่ทนฟัง
เยเซเบลผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นผู้เผยวจนะ (2:20)
มีความเป็นไปได้อย่างมากที่คนสอนผิดเหล่านี้เป็นคนกลุ่มเดียวกันและอยู่ภายในคริสตจักรเอง ไม่ใช่คนภายนอกคริสตจักร แต่อาจจะรับอิทธิพลจากโลกภายนอกเขามาบิดเบือน หรือให้ประนีประนอมกับความเชื่อแท้ก็เป็นได้
พวกเขาอ้างเสรีภาพในทางที่ผิดและสนับสนุนให้คริสเตียนประนีประนอมกับการทำบาป
แต่พระเยซูคริสต์ชมเชยผู้เชื่อที่เมืองเอเฟซัส จากลักษณะที่เด่นชัดของพวกเขา ยึดมั่นในความเชื่อที่ถูกต้องในพระเยซูคริสต์ ยึดมั่นคำสอนที่ถูกต้องในพระเยซูคริสต์ ยึดมั่นในการประพฤติถูกต้องในพระเยซูคริสต์ พวกเขาไม่ยอมทนต่อพวกคนชั่ว ที่สอนผิด และมีพฤติกรรมผิดๆ
3.เรียนรู้จาก:ทัศนคติของพระเยซูคริสต์
ต่อคริสตจักร
4แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้า 5เพราะฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าตกลงมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามที่ประพฤติในตอนแรก มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน นอกจากว่าเจ้าจะกลับใจใหม่
3.1 จงกลับใจใหม่
พระคริสต์ทรงเตือนคริสตจักรเมืองเอเฟซัส ถึง “ความรักครั้งแรก” ที่พวกเขาละทิ้ง การทรงเรียกของพระเจ้าให้คนกลับใจใหม่มักจะเริ่มต้นจากการเรียกให้พวกเขาระลึกถึงส่ิงที่พระเจ้าเคยกระทำในอดีตความทรงจำเหล่านั้นจะเป็นแรงจูงใจที่ทรงอำนาจในการนำพวกเขาให้กลับใจใหม่
พระเยซูจึงต้องบอกยอห์นให้เตือนพวกที่สอนผู้เชื่อ และเตือนผู้ฟังในเวลานั้นให้กลับมามีชีวิตที่มีความสัมพันธ์อย่างดีกับพระเจ้า คือ ความรักที่มีต่อพระเจ้า ไม่ใช่แค่มีความรู้เรื่องพระเจ้าอย่างดีเท่านั้น หรือมีแต่ความเชื่อ
การที่ผู้เชื่อเกลียดชังคำสอนผิด การประพฤติผิด ก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่ไม่ดีเพียงพอกับการกลับมามีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า คือ ความรักที่มีต่อพระเจ้า ไม่อย่างนั้นพระเยซูคริสต์จะไม่เตือนให้เขากลับใจใหม่เรื่องนี้
3.2 ย้ายคันประทีป
5เพราะฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าตกลงมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามที่ประพฤติในตอนแรก มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน นอกจากว่าเจ้าจะกลับใจใหม่
พระองค์จะมาหาพวกเขา อาจจะไม่ได้หมายถึงการเสด็จมาครั้งที่สอง แต่น่าจะหมายถึง การพิพากษาที่พระองค์จะนำมาต่อสู้พวกเขาในไม่ช้าหากพวกเขายังไม่กลับใจ หรือพระคริสต์ปฎิเสธที่ประชุมหรือคริสตจักร และโยนพวกเขาออกจากอาณาจักรของพระองค์ หากพวกเขาไม่กลับใจจากความรักที่มีต่อพระเยซูคริสต์ถดถอยลงไป
พระเยซูคริสต์เตือนว่า “จงกลับใจใหม่ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีป” ไม่ได้อยู่ต่อหน้าที่ประทับของพระเยซูคริสต์ แสดงว่า คริสตจักรจะไม่ได้รับความสนใจ ไม่ได้รับความสำคัญ และไม่ได้อยู่ในนครเยรูซาเล็มใหม่ในอนาคต นั่นหมายถึง การดับ หรือการตายฝ่ายวิญญาณนั่นเอง
โดยจะย้ายคันประทีบ ก็คือ การทรงพิพากษาโทษพวกเขาตามมาตรฐานของพระเยซูคริสต์ แต่พระองค์ไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงเตือนพวกเขาให้กลับใจใหม่
หากเราถูกตักเตือนให้กลับใจใหม่ เรายังมีโอกาสแก้ไขให้ถูกต้องตามพระทัยพระเจ้า เพราะวันที่พระเจ้าพิพากษา เราจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่วันนี้ยังมีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดได้เมื่อเรากลับใจใหม่
4.เรียนรู้จาก:พระสัญญาของพระเยซูคริสต์
ต่อคริสตจักร
วว2:7 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย คนที่ชนะ เราจะให้เขากินผลจากต้นไม้ที่ให้ ชีวิต ที่อยู่ในเมืองบรมสุขเกษมของพระเจ้า”
ต้นไม้แห่งชีวิต คือ คำสัญญาเรื่องชีวิตนิรันดร์
วว22:2,14 ไปที่กลางถนนของนครนั้น และริมแม่น้ำทั้งสองฝั่งมีต้นไม้แห่งชีวิต ที่ออกผลสิบสองชนิด มันออกผลทุกเดือน และใบของต้นไม้นั้นใช้สำหรับรักษาโรคของบรรดาประชาชาติ14คนทั้งหลายที่ชำระล้างเสื้อผ้าของตนก็เป็นสุข เพื่อว่าพวกเขาจะมีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเข้าไปในนครนั้นโดยทางประตูได้
ยอห์นอาจจะใช้ “ต้นไม้แห่งชีวิต” เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึง ชีวิตอมตะที่เกิดจากการได้รับประทานผลจากต้นไม้แห่งชีวิต ก่อนหน้านั้นในสวนเอเดนอาอัมและเอวาถูกขับไล่จากสวนและไม่ให้ใกล้ต้นไม้แห่งชีวิตอีก
ปฐก2:9แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าทรงให้ต้นไม้ทุกชนิดที่งามน่าดูและน่ากินงอกขึ้นจากพื้นดิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งอยู่กลางสวนนั้น กับต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วต้นหนึ่งด้วย
ปฐก3:22-24แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสว่า “ดูสิ มนุษย์กลายเป็นเหมือนผู้หนึ่งในพวกเราแล้ว โดยที่รู้ความดีและความชั่ว บัดนี้ อย่าปล่อยให้เขายื่นมือไปหยิบผลจากต้นไม้แห่งชีวิตมากินด้วย แล้วมีอายุยืนชั่วนิรันดร์” 23เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงไล่เขาออกไปจากสวนเอเดน ให้เพาะปลูกบนดินซึ่งใช้สร้างเขาขึ้นมา 24พระองค์ทรงขับไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งเหล่าเครูบทางด้านทิศตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงอันหนึ่งที่หมุนได้ไว้เฝ้าทางที่จะไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น
แต่ผู้มีชัยชนะในพระคริสต์จะได้รับอนุญาตให้เข้าในสวนเอเดน หรือสวรรค์ที่ประทับของพระเจ้า และรับประทานผลจากต้นไม้แห่งชีวิตเพื่อจะมีชีวิตนิรันดร์
กล่าวโดยสรุป เรื่องสัญลักษณ์และความหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจาก คริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสใน วว2:1-7
1.ถือดาวทั้งเจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์ขวา – ใช้สิทธิอำนาจผ่านตัวแทน
2.ดำเนินท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ด – ประทับอยู่กับคริสตจักร
3.พวกนิโคเลาส์ – พวกที่สอนให้ใช้เสรีภาพในทางที่ผิดและให้ประนีประนอมกับโลก ให้ทำตามเนื้อหนัง
4.ย้ายคันประทีป – พิพากษา ให้ออกจากที่ประทับของพระองค์
5.จงกลับใจใหม่ – ให้กลับมารื้อฟื้นความรักที่มีต่อพระเจ้า
6.ต้นไม้แห่งชีวิต – คำสัญญาผู้มีชัยชนะจะได้รับชีวิตนิรันดร์
การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้
สำหรับการดำเนินชีวิต
ตระหนักว่า พระเยซูคริสต์เป็นผู้ปกครองดูคริสตจักรผ่านตัวแทนของพระองค์ ผ่านฑูตของพระองค์ เราควรให้ความร่วมมือตามหลักการที่ถูกต้อง
ผู้นำ ศิษยาภิบาล หรือตัวแทนของพระเจ้า ควรสอนอย่างถูกต้อง และมีความรักดั้งเดิมในการรับใช้พระเจ้า และดูแลอภิบาลสมาชิก
กรณีพบคำสอนผิด หรือคนสอนผิด ให้ทดสอบ พิสูจน์คำสอนได้ หากพบว่าผิดจากที่พระเยซูคริสต์สอน ก็ตอบสนองโดยไม่ต้องปฎิบัติตาม
อย่าใช้เสรีภาพทำตามใจตนเอง ทำบาป แต่ให้ใช้เสรีภาพนั้นเพื่อทำตามพระทัยของพระเจ้า เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า อย่าเลือกฟังคำสอนที่ถูกใจเราแต่ให้ถูกต้องตามหลักการในพระคัมภีร์
อย่าหลงลืมเรื่องการมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า คือ มีความรักต่อพระเจ้าไม่ใช่ดำเนินชีวิตคริสเตียนแบบเป็นศาสนา เป็นพิธีกรรม หรือเคร่งธรรมบัญญัติ แต่ให้สำรวจความรักที่มีต่อพระเจ้า ความรักต่อพี่น้อง ความรักต่อผู้อื่นเพิ่มมากขึ้นทุกๆวันหรือไม่
ดำเนินชีวิตในชุมชนของพระเจ้า ในคริสตจักรของพระเจ้าที่ทำให้เรามีชัยชนะ และได้รับชีวิตนิรันดร์ นั่นหมายถึง คริสตจักรที่ดำเนินตามความรักของพระเจ้าที่มีต่อทุกคน เพื่อทุกคนจะได้รับชีวิตนิรันดร์
ขอพระเจ้าอวยพรท่าน ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน
สนใจติดต่อเรา
www.facebook.com/FORWARD.CH.TH
Email: actsministry2017@gmail.com