คำเทศนาโดยกิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์
โรงเรียนคริสตศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์สวนพลู
วันอังคารที่ 27 ก.ค.2017
สุภาษิต24:27 เตรียมพร้อมลุย
27 “จงเตรียมงานของเจ้าที่ข้างนอก จงทำมันให้พร้อมสำหรับเจ้าที่ในนา และหลังจากนั้นก็จงสร้างบ้านของเจ้า”
คนยิวหรือคนอิสราเอลใช้ความหมายของการสร้างบ้าน เปรียบได้เหมือนการสร้างครอบครัว ซึ่งเป้าหมายของการเติบโตจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ ย่อมต้องมีการเรียงลำดับการให้ความสำคัญของเรื่องที่ต้องทำก่อน ทำหลัง
คนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้นั้น ต้องมีการวางแผน มีการ เตรียมตัว เพื่อให้มีความพร้อมสำหรับอนาคตที่ดี ที่กำลังจะเกิดขึ้น ข้อพระคัมภีร์ก่อนหน้านั้นในข้อ 3 กล่าวว่า
สภษ24: 3โดยปัญญา บ้านจึงถูกสร้างขึ้น และโดยความเข้าใจ มันก็ถูกสถาปนาไว้ 4โดยความรู้ ห้องทั้งหลายก็เต็มไปด้วย ทรัพย์ล้ำค่าและน่าชื่นชมทั้งสิ้น
ทำให้เราเข้าใจได้ว่า โซโลมอนผู้เขียนพระธรรมสุภาษิต ได้ใช้ประสบการณ์ของพระองค์เอง ก่อนที่พระองค์จะทรงสร้างพระวิหาร ก่อนที่พระองค์จะทรงสร้างราชวัง ก่อนที่พระองค์จะทรงสร้างบ้านสร้างเมือง พระองค์ท่านได้เตรียมทุกอย่างอย่างดี มีความพร้อม และลงมือสร้างได้อย่างดี
พระคัมภีร์ตอนนี้มีผลต่อชีวิตการรับใช้ของผมอย่างยิ่ง เมื่อได้ปรึกษาพี่เลี้ยง ท่านได้หนุนใจให้แสวงหาพระเจ้ามากขึ้น และในที่สุดพี่เลี้ยงก็ได้สนับสนุนให้ผม เตรียมตัวในการรับใช้พระเจ้าได้มากขึ้น ผ่านพระคัมภีร์ตอนนี้
ผมให้หัวข้อคำเทศนา สุภาษิต24:27 เตรียมพร้อมลุย
1.เตรียม (จงเตรียมงานของเจ้าอยู่ข้างนอก)
เด็กที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเปรียบเด็กเหมือนผู้ชายกำลังจะมีครอบครัว เขาก็ต้องออกไปสร้างครอบครัว เด็กผู้ชายจะถูกปลูกฝังให้มีอาชีพ หรือทำเกษตรกรรมให้เป็นก่อนมีครอบครัว เพื่อเขาจะหาเลี้ยงครอบครัวได้
ถ้าไม่มีการเตรียมดิน หรือกำจัดวัชพืชก่อน เขาก็จะไม่สามารถเพาะปลูกได้ หรือไม่ได้ผลผลิตที่ดี พระคัมภีร์บอกว่าถ้าไม่ทำ ก็จะไม่มีกิน
สภษ12:11คนที่ไถนาของตนจะมีอาหารบริบูรณ์ แต่คนที่ติดตามสิ่งไร้ค่าย่อมไม่มีสามัญสำนึก (หมายความว่าถ้าไม่ทำก็จะไม่มีกิน)
หรืออีกอาชีพหนึ่งคือ ปศุสัตว์ เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ก็ต้องทำงานให้เป็นให้พร้อมสำหรับกับการเก็บเกี่ยว
สภษ 27: 23-27 จงรู้ความทุกข์สุขของฝูงแพะแกะของเจ้าให้ดี และจงเอาใจใส่ฝูงสัตว์ของเจ้า 24เพราะความมั่งคั่งไม่ยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์ และมงกุฎก็ไม่คงทนอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์ 25เมื่อเขาเก็บหญ้าแห้งไปแล้ว หญ้าใหม่ก็ปรากฏขึ้น และผักหญ้าต่างๆ ตามภูเขาก็ถูกเก็บรวบรวมมา 26เมื่อนั้นลูกแกะจะให้เสื้อผ้าแก่เจ้า และแพะก็จะเป็นค่านา 27จะมีนมแพะพอเป็นอาหารแก่เจ้า เป็นอาหารแก่ครอบครัวของเจ้า และเป็นเครื่องยังชีพแก่สาวใช้ของเจ้า
ดังนั้นการไปเตรียมงานอยู่ข้างนอกหมายถึง การเตรียมตัวที่จะเติบโตขึ้น เพื่อจะรับผิดชอบชีวิตตนเองและคนอื่นได้ รวมไปถึงการออกไปจากภาวะการพึ่งพิงของพ่อแม่ ที่อาจจะปฎิบัติต่อเราเหมือนเราเป็นเด็กตลอดเวลา
แน่ทีเดียวว่าตอนที่เราเป็นเด็ก พ่อแม่ก็ดูแลเราตลอดเวลา เด็กจะได้รับการเลี้ยงดู ได้รับความรักความอบอุ่น ได้รับความสะดวกสบาย
แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นเด็กตลอดเวลาไม่ได้ พ่อแม่มีวันจากไป และเขาก็ต้องเติบโตขึ้น ดังนั้นถ้าจะสร้างครอบครัวของตนเองได้ดี เขาก็ต้องเตรียมตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีก่อน จึงจะสร้างครอบครัวได้
ข้อคิด คือ ผู้เชื่อทุกคนควรจะเติบโตขึ้นในการดำเนินชีวิต และการรับใช้พระเจ้า โดยเฉพาะถ้าพระเจ้ามีการทรงเรียก เราควรเตรียมตัว ด้วยการแสวงหาพระเจ้าเพื่อจะรับใช้พระองค์และผู้อื่นได้มากขึ้น
เราควรมีใจแสวงหาพระเจ้า เพื่อให้ทราบน้ำพระทัยพระเจ้าว่าพระองค์เรียกให้เราทำอะไร พระองค์มีพระประสงค์อะไรสำหรับเราในราชกิจของพระองค์
2.พร้อม (จงทำมันให้พร้อมสำหรับเจ้าที่ในนา)
สังเกตว่า เตรียมให้พร้อม ที่ในนา แสดงว่าต้องเตรียมตัวให้พร้อมในงานที่ต้องทำ เนื่องจากงานเกษตรกรรมต้องมีการเตรียมที่นาก่อนเพาะปลูก และดูแลจนเก็บเกี่ยว
การทำนาเพียงฤดูกาลเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูครอบครัวก็ได้ ดังนั้นต้องทำจนมีความพร้อม ทำจนมีความชำนาญ
ตามประเพณียิวสำหรับการแต่งงาน ฝ่ายเจ้าบ่าวจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย เพื่อใช้จ่ายสำหรับ การให้ของขวัญ การให้ของหมั้นแก่ฝ่ายเจ้าสาว ดังนั้นเขาจำเป็นต้องมีรายได้เพื่อมาจ่ายสำหรับการสร้างครอบครัว
ถ้าเรามีอาชีพ ทำจนชำนาญ หารายได้เลี้ยงตนเองได้ ก็สามารถเลี้ยงครอบครัวต่อไปได้ แต่ถ้า เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีความพร้อมทางเศรษฐกิจ ก็จะเลี้ยงดูครอบครัวด้วยความยากลำบาก
คำถามที่น่าคิด คือ สิ่งที่จำเป็นกับสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบาย สิ่งใดสำคัญกว่ากัน เราต้องรู้จักการเรียงลำดับความสำคัญ
การหาเงินกับการใช้เงิน เราควรทำอะไรก่อน แน่ทีเดียวคำตอบคือ เราต้องหาเงินให้ได้ก่อนจะใช้เงิน
การรับใช้พระเจ้ากับการมีความสัมพันธ์ที่ดี กับการมีชีวิตที่ดีกับพระเจ้า เราควรต้องทำสิ่งใดก่อน
พระเยซู มีเวลาที่เริ่มรับใช้ พระองค์มีการเตรียมตัว มีความพร้อม และเมื่อถึงเวลากำหนด พระองค์เริ่มราชกิจ
ข้อคิดที่ได้ คือ เราต้องเตรียมตัว และต้องให้พร้อม ให้ชำนาญสำหรับงานที่พระเจ้าเรียกให้ทำ ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ พัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้า พัฒนาการรู้จักพระวจนะให้ลึกซึ้ง การรักษาชีวิตบริสุทธิ์ การไม่ดำเนินชีวิตในความบาป หรือตามตัณหาเนื้อหนังตนเอง
การฝึกฝนการรับใช้ในด้านต่างๆ เช่น การประกาศ การนำกลุ่มสามัคคีธรรม การเทศน์ การสอน การนำนมัสการ หรือแม้แต่การฝึกฝนการเขียนบทเรียนคำสอนที่ถูกต้องต่างๆ
“ถ้าจะรอให้พร้อม โดยไม่ทำอะไรเลย
คุณจะไม่มีวันพร้อม
ถ้ารอให้คุณพร้อม คุณจะไม่มีวันได้ทำอะไรเลย”
ตัวอย่างของ ฟิล ไนท์ เขาเป็นนักวิ่งอเมริกาผู้ไม่มีทางเลือกยี่ห้อของรองเท้าสวมใส่สำหรับนักกีฬาวิ่งมากนัก เมื่อสมัย50 ปีที่แล้ว เขาจึงไปนำรองเท้าญี่ปุ่นมาขายเป็นเวลา 7 ปี ในปีที่8 เขาโดนบริษัทยกเลิกสัญญาไม่ส่งรองเท้าให้เขาขาย เพราะบริษัทฯจะขายเอง แต่ฟิล ไนท์มีประสบการณ์มากเพียงพอ มีการเตรียมตัว และเขามีความพร้อม เขาจึงขายรองเท้าในฐานะที่เป็นผู้ผลิตเอง ยอดขายปัจจุบันปีละ 20,000 ล้านดอลล่าร์ ประมาณ7แสนล้านบาท รองเท้านั้นยี่ห้อ NIKE
3. ลุย (หลังจากนั้นจงสร้างบ้านของเจ้า)