กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ เขียนวันที่  18 มิ.ย. 19 

ปฐก1:31-2:1 ความสมดุลของชีวิตกับการรับใช้พระเจ้า

โครงร่างเนื้อหา

1. ค้นหาความสมดุลผ่านการทรงสร้างของพระเจ้า

2. ค้นหาความสมดุลผ่านการสร้างสิ่งต่างๆของมนุษย์

3. นิยามของความสมดุล และผลลัพธ์

4. แนวทางการประยุกต์ใช้เรื่องความสมดุล

ปฐก1:31พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก

ปฐก2:1 ฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งสิ้นที่มีอยู่ในนั้นก็ถูกสร้างเสร็จ

หัวข้อเรื่องที่จะศึกษาในตอนนี้คือ ความสมดุลของชีวิตกับการรับใช้ 4  ประการ

1.ค้นหาความสมดุลผ่านการทรงสร้างของพระเจ้า

วันที่ 1 เกิดความสว่าง ทรงแยกความสว่างออกจากความมืด

ปฐก1:5 “พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันแรก

วันที่ 2 มีภาคพื้นในระหว่างน้ำแยกออกจากกัน มีฟ้า

ปฐก1:8 “พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สอง

วันที่ 3 น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าเรียกว่าทะเล พื้นแห้งเรียกว่าแผ่นดิน มีพืชผลเป็นแหล่งอาหารให้ส่ิงมีชีวิต

ปฐก1:11-13“พระเจ้าตรัสว่าแผ่นดินจงเกิดพืช คือ ธัญพืชที่ให้เมล็ด และต้นไม้ผลที่ออกผลตามชนิดของมัน และมีเมล็ดในผลบนแผ่นดินและก็เป็นดังนั้น 12แผ่นดินก็เกิดพืช คือธัญพืชที่ให้เมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 13มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สาม

วันที่ 4 สร้างดวงสว่าง ดวงดาว มีวัน มีปี มีฤดู

ปฐก1:14-19พระเจ้าตรัสว่าจงมีดวงสว่างต่างๆ ของภาคพื้นฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้เป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี 15และให้เป็นดวงสว่างต่างๆ บนภาคพื้นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่นดินก็เป็นดังนั้น 16พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงที่ใหญ่กว่าครองวัน ดวงที่เล็กกว่าครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย 17พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนภาคพื้นฟ้า ให้ส่องสว่างเหนือแผ่นดิน 18ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 19มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สี่

วันที่ 5 สร้างสัตว์น้ำ สัตว์ปีก

ปฐก1:20-23 20พระเจ้าตรัสว่าน้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และให้นกบินไปมาในภาคพื้นฟ้าเหนือแผ่นดิน” 21พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตทุกชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำเป็นฝูงๆ ตามชนิดของมัน และสัตว์ปีกทุกชนิดตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 22พระเจ้าจึงทรงอวยพรสัตว์เหล่านั้นว่าจงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดินโลก” 23มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า

ปฐก1:31วันที่ 6 สร้างสัตว์บก สัตว์ป่า มนุษย์ชายและหญิง

ปฐก2:2  วันที่ 7 ทรงหยุดพัก ทรงอวยพร ทรงตั้งเป็นวันบริสุทธิ์

พระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้หรือสร้างธรรมชาติ รวมทั้งทรงสร้างมนุษย์ด้วย พระเจ้าทรงสร้างอย่างดียิ่งนัก ไม่มีความบาป ไม่มีผิดพลาด ไม่มีผลเสียหายหรือผลกระทบตามมา

พระเจ้าสร้างโลกนี้ด้วยพระวาทะ และพระวาทะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์

ยน1:1-3,14 1ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า 2ในปฐมกาลพระองค์ทรงอยู่กับพระเจ้า  3พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ

14พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริ ของพระองค์ คือ พระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง

คส1:15-17 พระคริสต์ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้าผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง 16เพราะว่าโดยพระองค์ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์แห่งพวกภูตผี หรือพวกภูตผีที่ปกครอง หรือพวกภูตผีที่ครอบครอง หรือพวกภูตผีที่มีอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ 17พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนทุกสิ่ง และทุกสิ่งถูกยึดเข้าด้วยกันโดยพระองค์ 

พระเจ้าทรงสร้างทุกๆอย่างมีแบบแผน วันที่1-3 สร้างสิ่งแวดล้อม (มีแหล่งอาหาร) วันที่ 4 สร้างจักรวาล วันที่ 5-6 สร้างสิ่งมีชีวิต และวันที่ 7 พระเจ้าทรงหยุดพักการงานที่ทรงสร้าง

พระเจ้าทรงสร้างทุกๆอย่าง ดียิ่งนัก นี่คือ ความสมดุล สมดุลโดยการ สร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ส่ิงมีชีวิตจะดำรงชีวิตได้ เช่น ปลาอยู่ในน้ำ นกอยู่บนฟ้า สร้างสัตว์บกอยู่บนดิน ทุกๆอย่างมีความเหมาะสมลงตัว มีพืชเป็นอาหารให้กับสัตว์ ทำให้ส่ิงมีชีวิตทุกอย่างดำเนินชีวิตร่วมกันได้ มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันได้

มีฤดูกาลต่างๆ มีวาระเปลี่ยนแปลง มีกาละ (เหมาะกับเวลา) มีเทศะ (เหมาะกับสถานที่) มีความเหมาะเจาะ เหมาะสม มีสัดส่วนของการทรงสร้างแต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่ทรงสร้างไม่ได้มีปริมาณเท่ากันในทุกอย่าง แต่ไม่มาก หรือไม่น้อยเกินไป ทุกอย่างลงตัวกันอย่างพอดี ส่ิงมีชีวิตอยู่ร่วมกันได้ 

นี่เป็นข้อสังเกตจากการทรงสร้าง ยังมีการสมดุลของสิ่งย่อยๆ ต่างๆส่งผลให้สิ่งใหญ่ๆมีความสมดุลเช่นกัน เช่น  อ๊อกซิเจนเป็นก๊าซที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด หากสร้างไม่สมดุลส่ิง มีชีวิตทั้งหมดอาจจะตายหมดได้

2. ค้นหาความสมดุลผ่านการสร้างสิ่งต่างๆของมนุษย์

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น ตามพระฉายาของพระเจ้า พระเจ้าให้ครอบครองสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างทั้งหมด มนุษย์จึงมีความสามารถ ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เช่นกัน การทรงสร้างของพระเจ้าต่างกับการสร้างของ มนุษย์ตรงที่มนุษย์เป็นคนบาป จึงไม่สามารถสร้างได้อย่างดียิ่งนักเหมือนพระเจ้า การสร้างของมนุษย์นั้นมีผลเสียหาย มีความผิดพลาดตามมาจากการสร้างเสมอๆไม่มากก็น้อย

ตัวอย่าง สิ่งที่มนุษย์สร้าง จักรยาน รถยนต์ เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน ตึก อาคาร การทำอาหาร เครื่องดนตรี อื่นๆอีกมากมาย ถูกสร้างมาเพื่อเป็นประโยชน์กับมนุษย์แต่ก็มีผลเสียกับสิ่งแวดล้อม 

แต่ละสิ่งที่มนุษย์สร้างมาถ้าใช้การได้ก็เป็นสมดุลของส่ิงนั้นๆ ที่มนุษย์สร้าง แต่อาจไม่สมดุลในภาพใหญ่หรือสมดุลทั้งหมดในภาพรวม เช่น สร้างรถยนต์ใช้น้ำมันปล่อยก๊าซคาร์บอนออกมา ถ้ามีจำนวนมากๆ สิ่งมีชีวิตก็ตายหมด การสร้างของมนุษย์ที่ไม่สมดุล ไม่เหมือนที่พระเจ้าทรงสร้างดียิ่งนัก

3. นิยามของความสมดุล และผลลัพธ์

ความสมดุลของพระเจ้า หมายถึง การทำให้ส่ิงต่างๆดำเนินไปด้วยกันได้ดี มีปฎิสัมพันธ์ระหว่างกันและต่อกันอย่างดี ถูกกาละ ถูกเทศะ ทำให้เกิดประโยชน์ มีการผสมผสานส่ิงต่างๆด้วยสัดส่วนลงตัว ไม่มาก ไม่น้อย พอดี เหมาะสมลงตัว เหมาะเจาะ กลมกล่อม  ความสมดุลไม่จำเป็นต้องมีปริมาณเท่ากันในทุกเรื่องทุกอย่าง ความสมดุลมีมาตรฐานที่มีความถูกต้องชอบธรรม ความบริสุทธิ์และไม่มีความบาปเข้ามาเจือปนในแต่ละขั้นตอน หรือในทุกๆขั้นตอน

ผลลัพธ์ของความสมดุลของพระเจ้า คือ ส่ิงต่างๆที่พระเจ้าทรงสร้างจะดำเนินไปด้วยกันอย่างดี ทำให้เกิดประโยชน์ มีมาตรฐานความถูกต้องชอบธรรมของพระเจ้า มีความบริสุทธิ์และไม่มีความบาปเข้ามาเจือปน

คนที่มองว่าความสมดุลเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง พวกเขามองว่าพวกสอนเรื่องความสมดุล ใช้เรื่องความสมดุลเป็นคำอ้างของคนที่ไม่จริงจังในการรับใช้พระเจ้า ไม่ทำอะไรทุ่มเทเหมือนพวกเขา

พวกเขามองว่าพวกสอนเรื่องความสมดุล เป็นพวกไม่แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อน แต่ทำเป็นพูดดีเรื่องความสมดุลให้ตนเองดูดีเพื่อจะไม่รับใช้พระเจ้าร้อนรนเหมือนพวกเขา

ผมขอให้ดูชีวิตของคนที่โจมตีเรื่องความสมดุลนี้ ในเรื่องชีวิตครอบครัวของเขา การรับใช้ของเขา หน้าที่การงานของเขา เศรษฐกิจของพวกเขา รวมไปถึงคนที่เห็นด้วยกับคำสอนของคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องความสมดุล ชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างไร 

แต่เมื่อมนุษย์ล้มลงในบาป ทำให้ความสมดุลในส่ิงที่พระเจ้าทรงสร้างเสียไป สิ่งต่างๆไม่สามารถดำเนินไปได้ด้วยดี พระเจ้าจึงมีแผนการรื้อฟื้นนำทุกส่ิงกลับมาสมดุล ผ่านทางพระเยซูคริสต์ และคริสตจักร

อฟ1:22-23พระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และประทานพระคริสต์แก่คริสตจักรให้เป็นเจ้านายเหนือทุกๆ สิ่ง 23คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์ ซึ่งเป็นความบริบูรณ์ของพระองค์  ผู้ทรงเติมทุกอย่างในทุกแห่งให้เต็มบริบูรณ์

คส.1:16 เพราะว่าโดยพระองค์ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์แห่งพวกภูตผี หรือพวกภูตผีที่ปกครอง หรือพวกภูตผีที่ครอบครอง หรือพวกภูตผีที่มีอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ 

โดยมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ให้พระคริสต์เป็นอันดับในทุกเรื่องทุกด้าน แต่ให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลางในทุกเรื่องทุกด้านของชีวิต ให้ความสำคัญกับพระคริสต์เป็นจุดเน้นย้ำสำคัญ

ดังนั้นคนที่จะเรียนรู้เรื่องความสมดุลของพระเจ้า ต้องเป็นคนที่มีความเชื่อในพระเจ้า

(หมายเหตุ : อาจจะมีคำอื่นๆที่ให้ความหมายใกล้เคียงกับคำว่า สมดุล เช่น คำว่า ดุลยภาพ สมมาตร ถ่วงดุล องค์รวม แต่ในบทเรียนนี้เราไม่ได้เน้นคำเหล่านี้)

4. แนวทางการประยุกต์ใช้เรื่องความสมดุล

4.1 ความสมดุลแท้ไม่สามารถแยกเป็นส่วนที่เท่าๆกันได้ หรือแบ่งแยกเด็ดขาด

เราไม่สามารถแยกเรื่องชีวิตกับการรับใช้เป็นสัดส่วนที่เท่าๆกัน หรือแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด แต่ทั้งชีวิตและการรับใช้ ต้องดำเนินไปด้วยกันให้ดี ให้ทั้งสองอย่างนี้สมดุลไปด้วยกัน

การดำเนินชีวิตคริสเตียนที่แท้จริงแล้วเป็นชีวิตที่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าตลอดเวลา  ตลอดทุกบทบาท หน้าที่ ทุกสถานการณ์ บทบาทหน้าที่ทางครอบครัวการงานการเรียนหรือสังคมเป็นบทบาทย่อย  ของบทบาทหน้าที่ผู้รับใช้ของพระเจ้า

วัตถุประสงค์การดำเนินชีวิตของคริสเตียน คือ การมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตตามพระทัยของพระเจ้า มีใจเดียวกันกับพระเจ้า คิดอย่างเดียว กันกับพระเจ้า ทำอย่างเดียวกันกับพระเจ้า เหมือนพระเยซู กับพระเจ้า ยินดีทุ่มเท จ่ายราคา ยินดีทนทุกข์เพื่อพระคริสต์เช่นกัน ตามที่พระเจ้าทรงเรียก

ยน.10:30 เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ยน17:11, 21-23 บัดนี้ข้าพระองค์จะไม่อยู่ในโลกนี้อีก แต่พวกเขายังอยู่ในโลกนี้ และข้าพระองค์กำลังจะไปหาพระองค์ ข้าแต่พระบิดาผู้บริสุทธิ์ ขอพระองค์ทรงพิทักษ์รักษาบรรดาคนที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ไว้โดยพระนามของพระองค์ เพื่อเขาจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเหมือนอย่างข้าพระองค์กับพระองค์ 21เพื่อพวกเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังเช่นพระองค์ผู้เป็นพระบิดาสถิตในข้าพระองค์และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อพวกเขาจะได้อยู่ในพระองค์และในข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา 22เกียรติซึ่งพระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์นั้น ข้าพระองค์มอบให้แก่พวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังเช่นพระองค์กับข้าพระองค์ 23ข้าพระองค์อยู่ในพวกเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์ เพื่อพวกเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา และพระองค์ทรงรักพวกเขาเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์

กท.3:28 จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไท จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระเยซูคริสต์

โรม.12:4-5 เพราะว่าในร่างกายเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆ มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร 5เราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันอย่างนั้น

คริสเตียนจึงควรรับใช้พระเจ้าด้วยชีวิต รับใช้ตามตะลันฑ์ของประทานความสามารถ ในขอบเขตทิศทางและวาระเวลาที่พระเจ้าประทานให้ แต่ละคนจึงมีบทบาทหน้าที่ต่างกัน การเกิดผลต่างกันไม่สามารถวัดหรือเปรียบเทียบในมุมมองของแต่ละคนได้ พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้เดียวที่จะประทานบำเหน็จรางวัล

ฟป3:17-19พี่น้องทั้งหลาย จงร่วมกันทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า  ท่านมีเราเป็นตัวอย่างแล้ว จงสังเกตดูคนเหล่านั้นที่ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างที่เราวางไว้ให้พวกท่านนั้น 18เพราะว่ามีหลายคนที่ดำเนินชีวิตเป็นศัตรูต่อกางเขนของพระคริสต์ ซึ่งข้าพเจ้าเคยบอกท่านถึงเรื่องของพวกเขาเสมอ และเวลานี้บอกอีกด้วยน้ำตาไหล 19ปลายทางของพวกเขาคือความพินาศ พระของเขาคือกระเพาะอาหาร เขาโอ้อวดในสิ่งที่น่าอับอายของพวกเขา พวกเขาคิดแต่เรื่องทางโลก 

1คร11:1ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์

ยน13:14-15เพราะฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ ยังล้างเท้าของพวกท่าน ท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย 15เพราะว่าเราวางแบบอย่างแก่พวกท่านแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนอย่างที่เราทำกับท่านด้วย

อฟ 5:1-2เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบของพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก 2และจงดำเนินชีวิตในความรักเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักเรา และประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่ทรงโปรดปรานแด่พระเจ้า

1ทธ4:12,16 อย่าให้ใครหมิ่นประมาทความอ่อนวัยของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้เชื่อ ทั้งในด้านวาจาและการประพฤติ ทั้งในด้านความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์16 จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน จงประพฤติสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ เพราะเมื่อทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสามารถช่วยทั้งตัวท่าน และทุกคนที่ฟังท่านให้รอดได้

เราไม่สามารถรับใช้พระเจ้าโดยแยกหน้าที่การรับใช้กับลักษณะชีวิตออกจากกันได้ เพราะการรับใช้มาจากลักษณะชีวิตที่ดี

4.2 ความสมดุลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน

คนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้นความสมดุลของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน เป็นผลให้แต่ละคนต้องหาสมดุลของตัวเองให้เจอ เพื่อทำให้ชีวิต ของตนเองกับการรับใช้สามารถเกิดผลไปด้วยกันได้

อฟ4:11-13 และพระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ 12เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติและการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ 13จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์ 

1คร 12:4-7ของประทานนั้นมีต่างๆ กัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน 5การปรนนิบัติมีต่างๆ กัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน 6กิจกรรมมีต่างๆ กัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นต้นเหตุแห่งกิจกรรมทั้งหมดในทุกคน 7การสำแดงของพระวิญญาณนั้น พระองค์ประทานแก่แต่ละคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน 

ข้อคิด เราสามารถประเมินความสมดุลของชีวิตกับการรับใช้ได้จาก

) ประเมินจากส่ิงที่เราใช้ไปกับอะไร เช่น เวลา เงินทอง ทรัพย์สิน ความสามารถ ตะลันต์ ท่าที ความตั้งใจ ความคิด

) ประเมินจากผลลัพธ์ที่เราได้มาจากสิ่งที่เราใช้ไป

) ปรับปรุงแก้ไขผลลัพธ์ที่ไม่ปรารถนา เพิ่มแรงสำหรับผลลัพธ์ที่ปรารถนา

ง) อย่าเปรียบเทียบการรับใช้ของตนเองกับผู้อื่น เพราะเราจะโดนหลอกให้หลงตัวเอง ให้หยิ่งในเรื่องที่เรามีของประทานความสามารถแต่จะดูหมิ่นคนอื่นที่พระเจ้าก็ใช้พวกเขาเหมือนกัน แต่ทำคนละบทบาทหน้าที่ รับใช้คนละตำแหน่งแห่งหนก็ได้ 

4.3 ความสมดุลต้องควบคู่ความมีวินัย

การจัดระเบียบวินัยทำให้ชีวิตกับการรับใช้ดำเนินไปได้ด้วยดี การสม ดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวกับความเป็นส่วนร่วม ยังเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น ผ่านการจัดการให้สมดุล  ตัวอย่างของการนมัสการร่วมกัน

1คร14:26,33,39-40 เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลายจะว่าอย่างไร? เมื่อพวกท่านมาชุมนุมกัน แต่ละคนก็มีเพลงสดุดี มีคำสอน มีคำวิวรณ์ มีการพูดภาษาแปลกๆ มีการแปลภาษาแปลกๆ จงทำทุกสิ่งเพื่อให้เขาเจริญขึ้น 33เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติดังที่เป็นอยู่ในคริสตจักรทุกแห่งของธรรมิกชน 39ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงขวนขวายการเผยพระวจนะ ส่วนการพูดภาษาแปลกๆ นั้นก็อย่าห้ามเลย 40ต่จงให้ทุกสิ่งมีความเหมาะสมและเป็นระเบียบเถิด

2คร4:7-12,13-15 แต่เรามีของล้ำค่านี้อยู่ในภาชนะดิน เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง8เราเผชิญความยากลำบากรอบด้าน แต่ก็ไม่ถูกบดขยี้ เราสับสนแต่ก็ไม่หมดหวัง 9เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีให้ล้มลง แต่ก็ไม่ถูกทำลาย 10เราแบกความตายของพระเยซูไว้ในร่างกายเสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในร่าง กายของเราด้วย 11เพราะว่าเราที่มีชีวิตอยู่นั้น ถูกมอบไว้กับความตายอยู่เสมอเพราะเห็นแก่พระเยซู เพื่อชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในร่างกายเนื้อหนังที่ต้องตายของเรา 12ฉะนั้นความตายจึงกำลังทำการอยู่ในเรา แต่ชีวิต กำลังทำการอยู่ในท่านทั้งหลาย

13และเรามีใจเชื่อเช่นเดียวกับที่เขียนไว้ว่าข้าพเจ้าเชื่อฉะนั้นข้าพเจ้าจึงพูด”  เราก็เชื่อฉะนั้นเราจึงพูดด้วย 14เรารู้ว่าพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นขึ้นมานั้น จะทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระเยซูด้วย และจะทรงพาเราเข้าเฝ้าพร้อมกับท่านทั้งหลาย 15เพราะว่าทุกๆ สิ่งก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน เพื่อว่าเมื่อพระคุณมาถึงคนจำนวนมากขึ้น การขอบพระคุณก็จะมีมากยิ่งขึ้น อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

 

4.4 ความสมดุลของชีวิตกับการรับใช้ เป็นเรื่องที่ฝึกฝนพัฒนาได้

1ทธ4:7-8,16 7อย่าเกี่ยวข้องกับนิยายของพวกไม่นับถือพระเจ้า และเรื่องเล่าที่ไร้สาระ แต่จงฝึกตนในทางพระเจ้า 8เพราะถ้าการฝึกทางกายมีประโยชน์อยู่บ้าง ทางพระเจ้าก็มีประโยชน์ทุกด้าน เพราะมีพระสัญญาสำหรับชีวิตปัจจุบันและอนาคต16 จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน จงประพฤติสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ เพราะเมื่อทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสามารถช่วยทั้งตัวท่าน และทุกคนที่ฟังท่านให้รอดได้

2 ปต1:4-114โดยสิ่งเหล่านี้พระองค์จึงได้ประทานพระสัญญาอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่แก่เรา เพื่อว่าโดยพระสัญญาเหล่านี้ พวกท่านจะพ้นจากความเสื่อมทรามที่มีอยู่ในโลกอันเกิดจากความปรารถนาชั่ว และจะมีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า 5ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านจงพยายามอย่างที่สุดที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อของพวกท่าน เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม 6เอาการควบคุมตัวเองเพิ่มความรู้ เอาความทรหดอดทนเพิ่มการควบคุมตัวเอง และเอาความยำเกรงพระเจ้าเพิ่มความทรหดอดทน 7เอาความรักฉันพี่น้องเพิ่มความยำเกรงพระเจ้า และเอาความรักเพิ่มความรักฉันพี่น้อง 8ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของพวกท่านและเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้พวกท่านเป็นคนไม่ไร้ประโยชน์ และไม่ไร้ผลในการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 9เพราะว่าผู้ใดที่ขาดคุณลักษณะเหล่านี้ก็เป็นคนตาบอดหรือตาสั้น และลืมไปว่าตนได้รับการชำระให้สะอาดจากบาปแล้ว 10เพราะเหตุนั้น พี่น้องทั้งหลาย จงพยายามมากขึ้นที่จะยืนยันการทรงเรียกและการทรงเลือกพวกท่านนั้น เพราะว่าถ้าพวกท่านทำเช่นนั้น ท่านจะไม่มีวันล้มลง 11เพราะโดยวิธีนี้ ทางที่จะเข้าอาณาจักรนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา จะถูกจัดเตรียมอย่างพร้อมมูลให้กับพวกท่าน

4.5 ความสมดุลของมนุษย์ ต้องไม่ขัดแย้งกับความสมดุลของพระเจ้า

กท5:13-14 พี่น้องทั้งหลาย เพราะว่าท่านถูกเรียกให้มีเสรีภาพ ขอแต่เพียงอย่าถือโอกาสใช้เสรีภาพเพื่อทำตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด 14เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งสิ้นนั้นสรุปได้เป็นคำเดียว คือว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

กท5:24-25 ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อม กับราคะและตัณหาแล้ว25ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย

มธ4:4,7,10พระองค์ตรัสตอบว่ามีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่ามนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ ”7พระเยซูจึงตรัสตอบว่าพระคัมภีร์มีเขียนไว้อีกว่า ‘อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน’ ” 10พระเยซูจึงตรัสตอบว่าจงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่าจงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว’” 

ข้อพระคัมภีร์มากมายเหล่านี้สนับสนุนหลักการที่ว่า สิ่งที่ดีสำหรับเรา สมดุลสำหรับเรา ต้องไม่ใช่ความบาป ไม่ใช่การงานของเนื้อหนัง ไม่ใช่การเดินทางสายกลาง(ตามความเชื่อตะวันออก)

ถ้าคุณต้องการให้ชีวิตดำเนินไปได้ด้วยดี ถ้าคุณต้องการให้การรับใช้ของคุณเกิดผลดี คุณต้องเรียนรู้เรื่องความสมดุลตามหลักการของพระคัมภีร์

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

บทความก่อนหน้านี้ความเชื่อเท่านั้น ปฐก22:1-19
บทความถัดไปรม1:1-7   ความสัมพันธ์ของพระเยซูกับเรา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่