หน้าแรก คำเทศน์ พันธสัญญาใหม่ คริสตจักร สวรรค์บนแผ่นดินโลก 1คร3:16-17

คริสตจักร สวรรค์บนแผ่นดินโลก 1คร3:16-17

3011
0
ภาพจาก http://www.thomaschristianson.com/blog/2012/10/16/church-and-the-local-community

.ประยูร ลิมะหุตะเศรณี เทศนาเช้า คริสตจักร สวรรค์บนแผ่นดินโลก

อาทิตย์ที่ 10 มี.. 2019  คริสตจักรพระสัญญาสมุทรปราการ 

คำนำ

ชีวิตเราอาจมีความกังวลหลายเรื่องหลายอย่างในการดำเนินชีวิต ส่ิงเหล่านี้ที่เรากังวลจะครอบงำวิถีการดำเนินชีวิตของเรากับพระเจ้า  เมื่อเราเข้ามาถึงพระเจ้า เราก็จะเรียกร้องให้พระเจ้าเมตตาในเรื่องเหล่านี้ที่เรากังวลอยู่ โดยเราได้ลืมไปว่าพระเจ้าที่มาตายไถ่บาปเพื่อช่วยเราจากความตาย ความบาป มาสู่ชีวิตนิรันดร์ พระองค์ทำสิ่งที่ดีเพื่อเรามากกว่าเรื่องที่เรากังวลอยู่นั้น

วันนี้เราควรจะละความกังวล ละความกระวนกระวายทั้งหมดไว้ที่พระเจ้า ตามที่พระองค์บอกไว้ในพระวจนะ

องค์ประกอบที่เราสามารถละความกังวลได้นั้นเราต้องมีความเชื่อในพระเยซู เพราะพระองค์แบกปัญหาความกังวลาแทนเราแล้ว แต่เราต้องเชื่อในพระวจนะ แล้วเดินในน้ำพระทัยของพระเจ้า

พระเจ้าทรงเรียกเราด้วยจุดประสงค์ของพระองค์ โดยเฉพาะเมื่อเราที่เป็นผู้เชื่อมารวมตัวกัน มธ11:28 บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก

มาหาเรา เราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยและเป็นสุข วันนี้เมื่อเรามาเชื่อพระเจ้าแล้วเรายังเหนื่อยอยู่หรือไม่ เราได้เรียนรู้จะไว้วางใจพระเยซู พระองค์หรือไม่ พระองค์ตรัส พระองค์รับผิดชอบ เราแค่เชื่อวางใจ

ขอให้วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าจะตรัสกับพวกเราอีกสักวันหนึ่ง ให้มีคำที่ใช่จากพระเจ้าเพื่อพวกเรา

ขอให้เราอ่านพระธรรม มธ16:18-19 เราบอกท่านว่าท่านคือ เปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้ 19เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์

พระธรรมตอนนี้เกี่ยวข้องกับกับเรื่องที่พระเยซู

) เรียกเรามาเชื่อวางใจพระองค์ 

) เพื่อช่วยชีวิตเราไว้

) เพื่อใช้เราต่อไปในวันข้างหน้า (เรื่องนี้บางคนไม่ค่อยชอบ)

พระเยซูพูดกับเปโตรบนศิลานี้ (เภตรา) เป็นการเล่นคำสองคำเปโตรกับคำว่าศิลาประเด็น คือ พระเยซูเป็นเจ้าของคริสตจักร ความคิดเรื่อง คริสตจักรพระเยซู พระองค์เป็นผู้ริเริ่ม พระเยซูสร้างจากคนที่พระเจ้าเปลี่ยนแปลง พระองค์ไม่ได้สร้างคริสตจักรจากอิฐ หิน ดิน ทราย

ข้อ 19 เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์

พระเยซูมอบสิทธิอำนาจให้คริสตจักร เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับแผ่นดินสวรรค์ เราที่เป็นคริสตจักรของพระเจ้า  เราถูกกำหนดให้เป็นเครื่องมือของพระเจ้า เพื่อการสถาปนาแผ่นดินสวรรค์

เมื่อเราเป็นคริสเตียนเรามีชีวิตอยู่เพื่อแผ่นดินสวรรค์ ไม่ใช่คริสตจักร

ภายใต้น้ำพระทัยของพระเจ้า พระองค์ให้สิทธิอำนาจแก่เรา แก่ผู้เชื่อ แก่คริสตจักร หากเรากล่าวห้ามสิ่งเลวร้ายทั้งหลายส่ิงเหล่านั้นเกิดขึ้นไม่ได้ หากเรากล่าวให้สิ่งดีเกิดขึ้น สวรรค์จะร่วมมือกับเรา เรื่องบางอย่างเรากล่าวในโลก คนในโลกไม่ฟังหรอก แต่พระเจ้าให้สิทธิอำนาจในส่ิงที่เรากล่าวห้าม สิ่งเลวร้าย ปัจจุบันนี้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นเต็มเมืองใครบ้างที่ลุกขึ้นกล่าวห้าม สิ่งดีที่เรากล่าวอนุญาต สวรรค์จะร่วมมือกับเรา เราสามารถกล่าวห้ามส่ิงร้ายไม่ให้เกิดขขึ้นได้ เรากล่าวอนุญาตสิ่งดีให้เกิดขึ้นได้

มธ6:9-10 เพราะฉะนั้นพวกท่านจงอธิษฐานเช่นนี้ว่าข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ10ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก

พระเยซูสอนให้เราอธิษฐาน ไม่ว่าจะอธิษฐานเรื่องอะไร ขอให้เรื่องที่เราอธิษฐานสอดคล้องกับคำอธิษฐานของพระเยซู รวมเข้าไปด้วย

พระเยซูมีน้ำพระทัยให้นามพระเจ้าเป็นที่เคารพสักการะ สาเหตุเพราะมนุษย์หลงไปจากพระเจ้าเที่ยงแท้ ทั้งๆที่ความเป็นจริงมนุษย์อยากจะนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ ปัญหาคือ พวกเขาไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นองค์เที่ยงแท้

เราสังเกตยุคนี้มีความเจริญทางเทคโนโลยีมาก อะไรๆก็เป็นดิจิตอล แต่คนเราก็ยังหาส่ิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะอยู่ดี เมืองไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะแยะมากมาย บางครั้งก็อุปโลกน้ำที่ผุดขึ้นมาจากดินเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้น้ำนั้นจะสกปรกก็ยังเอามาดื่มกิน

แต่สำหรับพระเจ้าเที่ยงแท้กลับมีคนนมัสการน้อยมาก พระเจ้าอยากให้เราช่วยมนุษย์ ให้กลับมารู้จัก ให้กลับมานมัสการพระเจ้าที่เที่ยงแท้ โดยเริ่มจากคริสเตียนต้องรู้จัก และนมัสการพระเจ้าก่อน

คนไทยมีคติพจน์ว่าถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ดังนั้นคนไทยจึงให้เกียรติสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย แต่ไม่ให้เกียรติพระเจ้า เรื่องพระเจ้าไม่ได้ถูกรวบเข้าไปอยู่ในความคิดของคนไม่เชื่อด้วย นี่เป็นความรับผิดชอบของคริสตจักร ที่ต้องทำให้คนเหล่านั้นรู้ความจริงเรื่องพระเจ้าเที่ยงแท้ อธิษฐานขอให้พระนามพระเจ้าเป็นที่เคารพสักการะ

ขอให้คริสตจักรของพระเจ้ารู้หน้าที่ว่าคริสตจักรต้องทำอะไร เพื่อให้คนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ให้มารู้จักพระเจ้า ให้เข้ามาสักการะพระเยซู ผ่านความรับผิดชอบของเรา ผ่านการที่เรามีส่วน

ส่วนใหญ่คริสเตียนอธิษฐานขอ ในส่ิงที่พระเยซูไม่ได้สอนให้อธิษฐาน  แต่เรากลับอธิษฐานแต่ส่ิงที่ตนอยากได้ ไม่ใช่อธิษฐาน เพื่อพระนามพระเจ้าจะเป็นที่สักการะ

แผ่นดินของพระเจ้า มาตั้งอยู่” (10) แผ่นดินของพระเจ้า ไม่ได้ผ่านเครื่องมืออื่นๆของโลกนี้  หรือผ่านกระบวนการสร้างของมนุษย์ แต่แผ่นดินของพระเจ้า เกิดขึ้นผ่านคนที่พระเจ้าเลือก  เพื่อให้ออกไปตามน้ำพระทัย เพื่อให้แผ่นดินพระเจ้ามาตั้งอยู่ หลายคนทำงานรับใช้กิจกรรมมากมายของ  คริสตจักร แต่กิจกรรมเหล่านั้นไม่สอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้า ให้เราระวัง

เมื่อเราได้รับชีวิตใหม่จากพระเจ้า พระองค์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราจากคนเกเรเป็นคนสุภาพอ่อนโยน เราก็อยากจะรับใช้พระเจ้า มีอะไรที่เราช่วยทำได้บ้างที่คริสตจักร ท่าทีเหล่านี้เป็นส่ิงที่ดี แต่ส่ิงที่ดีกว่านั้น คือ แทนที่จะทำอะไรให้พระเจ้า แต่ไปทำสิ่งที่พระเจ้าให้ทำดีกว่า

แผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้มาตั้งอยู่เพราะเหตุก่อนหน้านี้ พระเจ้าเป็นเจ้าของโครงการแผ่นดินของพระเจ้า พระองค์ใช้ให้เราทำงานที่พระองค์เรียกให้ทำ ไม่ใช่ทำให้พระเจ้าทำให้กับให้ทำทำงานที่พระเจ้าให้ผลลัพธ์แตกต่างกันมากกับทำให้พระเจ้า ลองกับไปสำรวจงานที่เราทำดู

เราลองอธิษฐานกับพระเจ้า พระองค์ให้เราทำอะไรบ้าง ความจริงเรามีค่ามากกว่านั้นแต่เราไม่รู้  แผ่นดินพระเจ้ามาตั้งอยู่เมื่อเราอยู่ภายใต้แผนการของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าเป็นแม่แบบ (10) ขอให้เป็นไปตามพระทัยพระองค์ คริสตจักรต้องทำในส่ิงที่พระเจ้าให้ทำ ไม่ใช่ทำตามที่เรานึก

ต่อมาบอกว่าในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลกแปลว่า พระเจ้า ต้องการให้สวรรค์ของพระองค์ เข้ามาตั้งในโลกเพื่อเราจะได้ชิมสวรรค์จริง เพราะสวรรค์ดีกว่าที่เราคิดเยอะ แต่เราเพียงแต่ไม่รู้

แต่วันนี้คริสตจักรไหนเป็นสวรรค์ในแผ่นดินโลกบ้าง คนของพระเจ้า รวมตัวกันต้องเป็นสวรรค์ไม่ใช่ร้อนเป็นนรก ขอให้สวรรค์เกิดขึ้นในคริสตจักร เรากล้าพูดอย่างนั้นไหม บางคนออกไปจากคริสตจักร เพราะร้อน คริสตจักรเป็นนรกชัดๆ

วันนี้คนไม่มาเชื่อพระเจ้า  เพราะไม่ได้ชิมสวรรค์ในคริสตจักร ไม่มีชุมชนไหนที่เป็นแบบจำลองของสวรรค์เท่ากับคริสตจักรพระเจ้า พระเจ้า  สถิตที่ไหนที่นั่นเป็นสวรรค์  สวรรค์ของจริงจะประกาศตัวของมันเอง อย่างน้อย 4 ประการ

1คร3:16-17 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน?  17ถ้าใครทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายคนนั้น เพราะว่าวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ และพวกท่านเป็นวิหารนั้น

วิหารของพระเจ้า เป็นที่ประทับของพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นวิหารของพระเจ้า เป็นที่ประทับของพระเจ้า หากพระเจ้า ประทับอยู่กับเรา สวรรค์จะเกิดขึ้นในชีวิตเรา สวรรค์ที่ไม่มีพระเจ้าเราไม่เรียกว่าสวรรค์ พระเยซูทรงถ่อมพระทัยลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์จากสวรรค์ เพื่อยกเราให้ขึ้นไปสวรรค์ ดังนั้นเมื่อเรารวมกัน คริสตจักรต้องเป็นที่ประทับของพระเจ้า เป็นสวรรค์ของพระองค์ในแผ่นดินโลก 

พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์อยู่กับเรา ดังนั้นสวรรค์ต้องเกิดขึ้น แต่หากไม่เกิดก็เป็นเพราะเราไม่ได้ทำอย่างที่พระเจ้า เรียกให้เราทำ เรียกให้เราเป็น วันนี้ขอให้พระเจ้าช่วยเรา ให้เป็นได้ตามพระทัยพระองค์

 

1.คริสตจักรต้องสะท้อนบรรยากาศสวรรค์

1 คร3:16 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน?

พระเจ้า อยู่กับเราทุกๆคน บรรยากาศสวรรค์ก็ต้องเกิดขึ้นท่ามกลางเรา

1ยน2:5-6 แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์ ความรักของพระเจ้าก็บริบูรณ์อยู่ในผู้นั้นอย่างแท้จริง เพราะเหตุนี้แหละเราจึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์ 6ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นก็ควรดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์

เหตุที่พระเจ้าให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในพระองค์ เพราะเราจะดำเนินชีวิตเหมือนอย่างพระองค์ มีความรักของพระองค์ในชีวิต

1ยน 3:14 รารู้ว่าเราได้พ้นจากความตายไปสู่ชีวิตแล้ว ก็เพราะเรารักพี่น้อง ผู้ที่ไม่รักก็ยังอยู่ในความตาย

พ้นจากความตายไปสู่ชีวิตเพราะรักพี่น้อง

คริสตจักรของพระเจ้า มีบรรยากาศของความมีชีวิตชีวา มีความรักสดใส ไม่มีการอิจฉา ใส่ร้าย ไม่เบียดเบียน สร้างความเดือดร้อน พูดทับทมกัน ท่านว่าที่ไหนที่เป็นแบบนั้นบ้าง คำตอบคือ ที่ป่าช้าเป็นแบบนั้น ต่างคนต่างนอน หนอนใครหนอนมัน ไม่เบียดเบียนสร้างความเดือนร้อน

การรักซึ่งกันและกันเกิดขึ้นบนพื้นฐานของพระเจ้า ไม่ใช่บนความดีของเรา หรือความน่ารักของคนอื่น ต่อให้คนอื่นไม่น่ารักเราก็รัก เพราะเป็นสวรรค์ของพระเจ้า อย่าทำให้คริสตจักร เป็นป่าช้า ไม่มีใครสนใจใคร

2.คริสตจักรต้องสะท้อนบรรยากาศความยำเกรงพระเจ้า

1ปต1:17 และถ้าพวกท่านร้องเรียกพระองค์ว่าพระบิดา ผู้ทรงพิพากษาอย่างไม่มีอคติตามการกระทำของแต่ละคน พวกท่านก็จงดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงในเวลาที่พวกท่านอยู่ในโลกนี้

ร้องเรียกพระบิดา จงดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้าในโลกนี้ เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน วันนี้ถามตัวเองว่าเรายำเกรงพระเจ้าไหม เวลาที่เราด่าคน สวรรค์เป็นความหวานชื่น อ่อนหวาน ผ่อนคลาย ให้อภัย อ่อนสุภาพ

คุณจะเป็นใครก็ตามต้องต้อนรับคนที่ไม่น่ารัก คนที่เข้ามาใหม่ ต้อน รับให้อบอุ่น ชวนกินข้าว เพราะคนๆนี้พระเยซูได้ตายเพื่อเขา เพียงแต่เขายังไม่รู้จักพระเยซู  ทุกคนที่เชื่อต้องทำอย่างนี้  พระองค์ต้องการให้แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ เรื่องแบบนี้ศิษยาภิบาลคนเดียวทำไม่ได้ ทุกคนใน  คริสตจักรต้องช่วยกัน  ต้องร่วมมือกัน

3.คริสตจักรต้องสะท้อนธรรมชาติสวรรค์

1คร3:17ถ้าใครทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายคนนั้น เพราะว่าวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ และพวกท่านเป็นวิหารนั้น

วิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ คริสเตียนไม่อะลุ่มอลวยไม่ประนีประนอมความบาป แต่ให้โอกาสคนบาปในการกลับใจใหม่

1ปต1:15-16 แต่พระองค์ผู้ทรงเรียกพวกท่านนั้นบริสุทธิ์อย่างไร พวกท่านเองก็จงเป็นคนบริสุทธิ์ในชีวิตทุกด้านอย่างนั้น 16เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า พวกท่านจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเองบริสุทธิ์

แต่พระองค์ที่เรียกเราบริสุทธิ์อย่างไร เราก็ต้องบริสุทธิ์อย่างนั้น  แปลความว่า สวรรค์บริสุทธิ์อย่างไร เราก็ต้องบริสุทธิ์ด้วย ตามมาตรฐานสวรรค์ด้วย

มีกี่คนที่กลัวผี ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัว เพราะผีกลัวความบริสุทธิ์ของพระเยซู ในพระนามของพระเยซู ไม่ใช่หมายถึงนามที่เป็นตัวอักษร ไล่ผีมันไม่ไป ต่อให้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน แต่เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ของพระเยซูต่างหากที่ไล่ผีออก เมื่อผีโสโครกเจอกับพระเยซู มันถามว่า มาทำลายเราก่อนเวลาหรือ พระเยซู สั่งผี ผีมันก็ออกไป แต่ถ้ามันไม่ออก ต้องถามว่าพระนามบริสุทธิ์ของพระเยซูอยู่กับคุณหรือเปล่า ถ้าคุณบริสุทธิ์ผีมันอยู่ไม่ได้ มันต้องถูกไล่ออกไป คริสตจักรต้องสะท้อนบรรยากาศธรรมชาติของพระเจ้า คือ ความบริสุทธินั่นเอง

4.คริสตจักรต้องสะท้อนเอกภาพของสวรรค์

1คร3:16-17 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน?  17ถ้าใครทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายคนนั้น เพราะว่าวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ และพวกท่านเป็นวิหารนั้น

พวกท่าน ท่านทั้งหลายเ(ป็นพหูพจน์) เป็นวิหารเดียว (เอกพจน์) สวรรค์เป็นเอกพจน์ เป็นสวรรค์เดียว

หลายคนเวลาคุยเรื่องการเมือง การเมืองไม่นิ่ง ไม่ดี มีความแต่แยก บางคนก็เลือกพรรคพิง (เลือกพักพิง)ในพระเจ้า 

พี่น้องที่รักเราเป็นตัวแทนของสวรรค์ เราไม่ควรทะเลาะเบาะแว้งกัน เราไม่ควรแตกแยก วันนี้ถ้าใครตั้งใจมานมัสการที่คริสตจักรนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้จะไม่มาแล้ว วันนี้ขอให้กลับใจใหม่ เพราะไม่ขึ้นอยู่กับคนอื่นที่จะเป็นอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับเราต่างหาก ที่ตั้งใจดำเนินชีวิตเป็นแบบที่พระเจ้ากำหนด ไม่ใช่ให้คนอื่นมาปรับเข้าหาเรา

พระเจ้าเรียกให้เรารับผิดชอบงานของพระเจ้า เพื่อให้คนได้รับความรอดไปสวรรค์  ชวนคนมาคริสตจักรก็คือชวนคนมาชิมสวรรค์ของพระเจ้าในโลก ขอให้ลักษณะคริสตจักร  บรรยากาศของคริสตจักร  ธรรมชาติของคริสตจักร  มีความเป็นเอกภาพ เขาก็จะสัมผัสสวรรค์ได้ในคริสตจักร ขึ้นอยู่กับผู้เชื่อทุกคนจะร่วมมือกัน

มีคนอีกมากที่จะรอไปสวรรค์ การรับใช้ของเราไม่เกี่ยวกับว่าเราต้องเรียนจบพระคัมภีร์ก่อน หรือเรียนพระคัมภีร์มาแล้วหรือยัง แต่การรับใช้คือ การไปหาเขาด้วยพระลักษณะของพระเจ้า คนหนุ่มสาวไปหาคนหนุ่มสาว คนแก่ไปหาคนแก่ คนที่ไม่สะดวกไปหาใครช่วยสนับสนุน ช่วยอธิษฐานเผื่อด้วย

ให้เราร่วมใจอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

บทความก่อนหน้านี้“เติบโตเพื่อรับพระพร” 3ยน1:2
บทความถัดไปท่านมีค่าเพราะพระเจ้าเห็นคุณค่า 1ปต1:1-3

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่