ก้าวที่ 30 ลก8:11-15 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระคริสต์ 

ลักษณะชีวิตผู้ที่ตอบสนองพระวจนะ ลก8:11-15 มีทั้งหมด 5 ตอน 

ก้าวที่ 29 ดำเนินชีวิตที่เป็นพระพร(เป็นประโยชน์)

ก้าวที่ 30 อย่าดำเนินชีวิตที่ไม่ตอบสนองพระวจนะ

ก้าวที่ 31 อย่าดำเนินชีวิตตามโลก

ก้าวที่ 32 อย่าดำเนินชีวิตไม่ผ่านการทดสอบทดลอง

ก้าวที่ 33 ดำเนินชีวิตตามที่ได้เรียนรู้เรื่องแผ่นดินของพระเจ้า

เขียนโดย อ.กิจขจร ลิ่วเฉลิมวงศ์ วันที่ 7 เม.ษ.2020

ตอนที่ 2 อย่าดำเนินชีวิตที่ไม่ตอบสนองพระวจนะ

1.การแสดงออกของการไม่ตอบสนองพระวจนะ (12)

2.ผลร้ายของการไม่ตอบสนองพระวจนะ (12)

พระเยซูทรงอธิบายอุปมาเรื่อง ผู้หว่านเมล็ดพืช

(มธ.13:18-23; มก.4:13-20)

11“อุปมานั้นหมายถึงอย่างนี้ เมล็ดพืชหมายถึงพระวจนะของพระเจ้า 12ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจของเขาเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด

(มธ13:19เมื่อใครได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง)

(มก4:14-15 ผู้ที่หว่านนั้นก็หว่านพระวจนะ 15ส่วนที่ตกริมหนทางนั้นได้แก่พระวจนะที่หว่านลงไป แล้วทันทีที่พวกเขาได้ยิน ซาตานก็มาชิงเอาพระวจนะที่หว่านในตัวเขาไปเสีย )

13ที่ตกบนหินหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วก็รับพระวจนะนั้นด้วยความยินดี แต่ไม่มีราก เชื่อได้เพียงชั่วคราว เมื่อถูกทดลองก็หลงไป 

14ที่ตกกลางหนามหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว และขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่ ความกังวล ทรัพย์สมบัติ และความสนุกสนานของชีวิตนี้ ก็รัดพวกเขาจนทำให้ผลไม่เติบโต 

15ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน

เบื้องหลังของพระธรรมตอนนี้ เป็นคำสอนเกี่ยวข้องกับเรื่องแผ่นดินสวรรค์ พระองค์สอนบนเรือที่ทะเลสาบกาลิลี โดยสอนเป็นคำอุปมา

มธ13:1-2ในวันนั้นพระเยซูเสด็จจากบ้านไปประทับที่ชายทะเลสาบ 

2มีมหาชนมาหาพระองค์ พระองค์จึงเสด็จลงไปประทับในเรือ และฝูงชนทั้งหมดก็ยืนอยู่บนฝั่ง

ผู้ฟังในเวลานั้นมีมหาชน ประชาชนทั่วไป และพวกสาวก เนื้อหาเป็นเรื่องแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้า โดยพระเยซูคริสต์อธิบายคำอุปมาให้สาวกเข้าใจ แสดงว่าพระเยซูคริสต์อธิบายให้คนที่เชื่อพระองค์แล้วเข้าใจ แต่ผู้ที่ฟังอุปมาแล้วไม่เข้าใจในคำสอนของพระเยซูคริสต์ พวกเขาไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องได้

ผู้ที่ฟังแล้วไม่เข้าใจก็เหมือนคนที่ไม่เชื่อ หากคนที่ฟังไม่ว่าจะเป็นคนเชื่อหรือไม่เชื่อหากพวกเขาไม่เข้าใจคำอุปมานี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามอุปมานี้ จนเกิดผลได้

คำเทศนาตอนนี้ เน้นเรื่องลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระคริสต์  ยังคงเกี่ยวข้องกับเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ผู้เชื่อควรมีลักษณะชีวิตอย่างไรในเรื่องผู้เป็นสุข มธ5:3-12 ไปแล้ว ผู้เชื่อยังต้องดำเนินชีวิตตอบสนองพระวจนะของพระคริสต์ด้วย

ที่นำลก8:11-15 เป็นตอนเทศนาหลัก เนื่องจากการดูภาษาเดิมพบว่า มธ13:23 และมก4:20 ใช้รูปการเขียน ทั้งประโยคไวยากรณ์แทบจะเหมือนกันเลย ดูเหมือนทั้งสองเล่มจะมีแหล่งอ้างอิงการเขียนจากแหล่งเดียวกัน แต่ลก8 มีความแตกต่างจากมธ และมก ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเทศนาสูงสุดจึงเลือกลูกา เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับมัทธิว และมาระโก

ผลที่พระเยซูคริสต์คาดหวังเมื่อสาวกได้ยิน ได้ฟัง ได้เข้าใจพระวจนะ คือ การที่พวกเขาไปเกิดผล แต่ในลก8:11-12 ตอนที่ 2 นี้เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับการคาดหวังของพระเยซูคริสต์เลย  เพราะจากพระคัมภีร์ 3 ตอนที่เราได้อ่านไปแล้วในตอนต้น ลูกาบอกว่ามารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจ, มัทธิว:บอกว่าได้ยินแต่ไม่เข้าใจ มารมาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจ แต่มาระโกบอกว่า ซาตานก็มาชิงเอาพระวจนะที่หว่านทันทีที่ได้ยิน

พระวจนะ ทั้งสามตอนใช้รากศัพท์อันเดียวกันGK3056:logos(n) อ่านว่า (log’-os) ในตอนนี้ เป็นหลักคำสอนเกี่ยวกับความสำเร็จผ่านทางพระเยซูคริสต์แห่งความรอดของอาณาจักรของพระเจ้า

Maclaren กล่าวว่า เมล็ดอย่างเดียวกันแต่ตกตามดินสี่ชนิดที่แตกต่างกัน ผู้หว่านในสมัยนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะหว่านเมล็ดในดินที่ไม่สามารถเกิดผลได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว

ลก8:12 มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจ GK1228:diabolos(adj) อ่านว่า(dee-ab’-ol-os) หมายความว่า ใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาเป็นเท็จ มาร

มธ13:19 มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจ GK 4190 : ponéros(adj) อ่านว่า (pon-ay-ros’) หมายความว่า ความชั่วร้าย ถูกใช้อย่างเด่นชัดของปีศาจ ซึ่งประสงค์ร้าย ปองร้าย มุ่งร้าย

มก4:15 ทันทีที่พวกเขาได้ยิน ซาตานก็มาชิงเอาพระวจนะที่หว่านในตัวเขาไปเสีย GK4567:Satanas(adj) อ่านว่า(sat-an-as’) หมายความว่า ศัตรู,ซาตาน

ไม่ว่าจะเรียกเป็นมารหรือซาตาน มันทำหน้าที่เหมือนกัน คือ ชิงเอาพระวจนะ ฉวยเอาส่ิงที่หว่าน ไปจากใจ จากตัวผู้ฟังเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด

เรื่องนี้เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่การงานฝ่ายเนื้อหนัง ถ้าเราเข้าใจว่ามาร ซาตานเป็นใคร มารเป็นผู้ล่อลวง มันเป็นผู้ใส่ร้ายป้ายสี ผู้กล่าวหาเท็จ เป็นปีศาจ เป็นศัตรู

อฟ6:10-13 สุดท้ายนี้ จงเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในอานุภาพอันทรงพลังของพระองค์ 11จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะสามารถต่อสู้กับอุบายของมารได้  12เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน 13เพราะเหตุนี้จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้

พวกมารซาตานทำหน้าที่อะไร มันใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหา เรื่องเท็จ ประสงค์ร้าย มุ่งร้าย ปองร้าย ขัดขวางคนไม่ให้เชื่อพระเจ้า ไม่ให้รับความรอด

เมื่อเรารู้ว่ามารซาตานเป็นใคร มันทำอะไร เราจะได้ทำในส่วนของเราที่จะระมัดระวัง ป้องกันชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรา และคนที่เรารักห่วงไย ระวังอย่าเป็นมิตรกับมารซาตาน อย่าอยู่ฝ่ายเดียวกับมารซาตานเพราะจะถูกพิพากษาในวันสุดท้าย 

วว20:10,15 ส่วนมารที่ล่อลวงเขาทั้งหลายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จอยู่นั้น และพวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์ 15และถ้าพบว่าใครไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต เขาก็จะถูกโยนลงไปในบึงไฟ

การตอบสนองของเราต่อคำสอนนี้ ขอให้เราทำในส่วนที่เราตัดสินใจได้ คือ การยอมรับพระวจนะ ตอบสนองต่อพระวจนะ ต้องปรับปรุงชีวิตในส่วนที่เราทำได้ เพื่อให้พระวจนะมีอิทธิพลในชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรา เพื่อเราจะเชื่อและรับความรอด

วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่องนี้ ผ่านหัวข้อคำเทศนา ลก8:11-15 ลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระคริสต์มีทั้งหมด 5 ตอน วันนี้เสนอ

ตอนที่ 2 อย่าดำเนินชีวิตไม่ตอบสนองพระวจนะ

1.การแสดงออกของการไม่ตอบสนองพระวจนะ (12)

ลก8:12ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจของเขาเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด  (เก็บรักษาพระวจนะไว้ในชีวิตไม่ได้)

มธ13:19เมื่อใครได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง (ไม่เข้าใจ)

มก4:14-15 ผู้ที่หว่านนั้นก็หว่านพระวจนะ 15ส่วนที่ตกริมหนทางนั้นได้แก่พระวจนะที่หว่านลงไป แล้วทันทีที่พวกเขาได้ยิน ซาตานก็มาชิงเอาพระวจนะที่หว่านในตัวเขาไปเสีย (เก็บรักษาพระวจนะไว้ไม่ได้)

ACTS: ในอีกแง่มุมหนึ่ง หมายความว่า พระวจนะไม่ได้เข้าไปฝังตัวในดิน ยังไม่ได้เติบโต หยั่งราก พระคัมภีร์ทั้งสามตอนบอกว่าดินนั้นแข็ง เหมือนถนนหนทาง เมล็ดพระวจนะตกลงบนริมหนทาง เปรียบเหมือนการแสดงออกของการไม่ตอบสนองพระวจนะ เป็นส่วนที่ผู้ฟังต้องรับผิดชอบ

ฮบ2:1-2เพราะเหตุนี้ เราจะต้องเอาใจใส่ในสิ่งต่างๆ ที่เราได้ยินให้มากขึ้นอีก เพื่อเราจะไม่ห่างไกลไปจากข้อความเหล่านั้น 2เพราะหากพระดำรัสซึ่งบรรดาทูตสวรรค์กล่าวไว้นั้นปรากฏเป็นความจริง และการล่วงละเมิดกับการไม่เชื่อฟังทุกอย่างได้รับโทษตามที่ควรแล้ว

บริบทลก8:12 เน้นไปที่คนที่ไม่ตอบสนองพระวจนะ  เรื่องนี้โทษมารซาตานไม่ได้ ต้องโทษคนฟังที่ไม่ตอบสนองพระวจนะ แสดงออกดังนี้

(1.1) ไม่ให้พระวจนะมีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิต

(1.2) ฟังพระวจนะแต่ไม่ทำความเข้าใจ

(1.3) ฟังพระวจนะแล้วไม่ยอมรับ(ใจแข็ง เหมือนถนนหนทาง)

(1.4) ฟังพระวจนะแล้วเก็บรักษาไว้ไม่ได้ (ไม่นำไปปฎิบัติ)

แต่ในส่วนของผู้เชื่อ เราต้องตอบสนองให้ถูกต้อง เราต้องให้พระวจนะมีอิทธิพลต่อชีวิต ด้วยการยอมรับพระวจนะ ไม่ว่าจะฟัง จะอ่าน จะเฝ้าเดี่ยว หรือด้วยการศึกษาทำความเข้าใจ เพื่อเข้าใจ ตั้งใจจะดำเนินชีวิตตามพระวจนะ เหมือนยิวที่เมืองเบโรอา

กจ17:11ยิวในเมืองนี้มีใจยอมรับมากกว่ายิวในเมืองเธสะโลนิกา เพราะพวกเขารับพระวจนะด้วยความอยากรู้และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจริงดังที่กล่าวหรือไม่ 

เราไม่รู้ว่าเมล็ดที่หว่านลงไปในทุ่งนานั้น มีหินตรงไหน มีเมล็ดหนามตรงไหน เคยเป็นดินที่มีคนเหยียบย่ำเป็นดินแน่นเหมือนถนนตรงไหน หรือเป็นดินดีตรงไหน  แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงตอนเมล็ดเกิดผล ออกมาจึงจะรู้ว่าดินบริเวณนั้นเป็นอย่างไร แต่อย่างไรเราก็ต้องหว่าน ถ้าเตรียมดินได้ก่อนหว่านก็ยิ่งดี

คนสมัยปัจจุบันเป็นคนที่จะไม่ฟังในสิ่งที่เขาไม่อยากฟัง ทำตามใจตนเอง ถือตนเองเป็นใหญ่ หาแต่ความสุขทุกข์ไม่เอา เน้นอะไรที่เร็วๆ สะดวก ราคาไม่แพงหรือฟรี  ไม่ค่อยอดทน ไม่ยอมเสียเวลา

2ทธ4:1-5ข้าพเจ้าขอเตือนท่านอย่างจริงจังเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและพระเยซูคริสต์ผู้จะทรงพิพากษาคนเป็นและคนตาย และขอเตือนโดยอ้างถึงการมาปรากฏของพระองค์และราชอาณาจักรของพระองค์ว่า 2จงประกาศพระวจนะ จงทำอย่างขะมักเขม้นทั้งในขณะที่คนสนใจและไม่สนใจ จงชักชวน ตักเตือน และหนุนใจ ด้วยความอดทนและด้วยการสั่งสอนอย่างเต็มที่ 3เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่ถูกต้องไม่ได้ แต่พวกเขาจะรวบรวมบรรดาอาจารย์ไว้สำหรับตน ตามความอยากของตัวเองเพื่อสนองหูที่คัน 4พวกเขาจะเลิกฟังความจริงและหันไปฟังนิยายต่าง 5แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคงทุกเรื่อง จงอดทนต่อความทุกข์ยาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงทำพันธกิจของท่านให้ครบบริบูรณ์

แต่สิ่งที่เราสังเกตได้เมื่อเราประกาศ แสดงผลว่าพวกเขายอมรับพระวจนะไหม คือ เขาฟังไหม เขาเชื่อไหม เขายอมรับพระเจ้าไหม เขาให้พระวจนะมีอิทธิพลต่อชีวิตไหม

พระเยซูคริสต์ใช้พระวจนะ เริ่มประกาศแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้วจงกลับใจใหม่ นั่นก็เริ่มด้วยพระวจนะ ในการสร้างชีวิตผู้เชื่อให้เกิดผลก็ใช้พระวจนะ 

หากผู้เชื่อไม่เห็นคุณค่าพระวจนะ ไม่จดจำไว้ ไม่เข้าใจ ไม่รับไว้ แล้วพวกเขาจะเชื่อได้อย่างไร จะรอดได้อย่างไร จะถูกสร้างชีวิตให้เกิดผลตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างไร

พวกอิสราเอลเป็นประชากรของพระเจ้า ก็ยังไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์ ทำให้ความรอดไปถึงคนต่างชาติ เราที่คิดว่าเชื่อพระเจ้าแล้วก็อย่าประมาท

1ปต 2:8และเป็นศิลาที่ทำให้คนสะดุดและเป็นหินที่ทำให้คนหกล้ม ที่พวกเขาสะดุดนั้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังพระวจนะ ตามที่พวกเขาถูกกำหนดให้ทำเช่นนั้น

รม11:11-12ข้าพเจ้าจึงถามว่า พวกอิสราเอลสะดุดจนหกล้มทีเดียวหรือ? เปล่าเลย แต่การที่เขาละเมิดนั้นเป็นเหตุให้ความรอดแผ่มาถึงพวกต่างชาติ เพื่อจะให้พวกอิสราเอลอิจฉา 12แต่ถ้าการที่พวกอิสราเอลละเมิดนั้นเป็นเหตุให้ทั้งโลกได้รับพรอันไพบูลย์ และถ้าการพ่ายแพ้ของเขาเป็นเหตุให้คนต่างชาติรับพรอันไพบูลย์ หากได้พวกอิสราเอลมาเพิ่มเข้าด้วย จะดียิ่งกว่านั้นอีกสักเท่าไร

ถ้าเรารู้ว่าการไม่ตอบสนองพระวจนะทำให้เกิดผลร้ายต่อชีวิตในที่สุด เราต้องทำในส่ิงที่ต้องกันข้ามกับการไม่ตอบสนองพระวจนะ คือ ตอบสนอง

เราต้องให้พระวจนะมีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา

ฟังพระวจนะและทำความเข้าใจ

ฟังพระวจนะแล้วยอมรับ (ถ่อมใจอย่าคิดว่าตนรู้ดีกว่าพระเจ้า)

ฟังพระวจนะแล้วเก็บรักษาพระวจนะให้ได้ โดยนำไปปฎิบัติ

ผู้เชื่อทุกวันนี้มั่นใจไหมยังเชื่อพระเจ้าอยู่ มั่นใจไหมว่ายังอยู่ในแผนการความรอดของพระเจ้า หรือหลงหายไปแล้วจากความเชื่อ” 

ทุกวันนี้คริสตจักรหรืออาจารย์ หรือผู้นำใช้เนื้อหาหลักอะไรในการประกาศเรื่องความเชื่อเพื่อรับความรอดใช้พระพรเป็นหลักหรือเปล่า ใช้ความสนุกสนานเป็นหลักหรือเปล่า ใช้ความต้องการของคนสมัยนี้เป็นหลักหรือเปล่า

ถ้าคริสตจักรไม่ประกาศพระวจนะอย่างถูกต้อง ในการนำผู้เชื่อกลับใจใหม่มาหาพระเจ้า เรื่องนี้จะสร้างปัญหาในระยะยาวเมื่อคนไม่ฟังพวจนะ ไม่เข้าใจพระวจนะ ไม่ศึกษาพระวจนะ ไม่ยอมให้พระวจนะมีอิทธิพลหลักในชีวิต

ยก1:21เพราะฉะนั้นจงขจัดความโสมมทุกอย่างและความชั่วที่มีอยู่ดาษดื่น และด้วยใจที่สุภาพอ่อนโยนจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้

อุปมาของผู้หว่าน

2.ผลร้ายของการไม่ตอบสนองพระวจนะ (12)

ลก8:12ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจของเขาเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด 

(2.1) เพื่อไม่ให้เขาเชื่อ

GK4100:pisteuó (v) อ่านว่า(pist-yoo’-o) หมายความ ฉันเชื่อ

ฉันศรัทธรา ฉันวางใจ ลก8:12 มีการใช้คำนี้เป็นการย้ำอย่างเด่นชัด

ในบรรดาผู้ที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด และอุทิศตนเพื่อพระองค์

รม1:16ข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกกรีกด้วย 

รม10:10 เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด 17ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์

1คร1:21เพราะตามที่ทรงกำหนดไว้ตามพระสติปัญญาของพระเจ้า โลกไม่อาจรู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน พระเจ้าจึงพอพระทัยจะช่วยพวกที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาโง่ๆ 

(2.2) เพื่อไม่ให้เขาได้รับความรอด

GK4982. sózó (v) อ่านว่า(sode’-zo) หมายถึง ฉันรอด ฉันรักษา ฉันถนอม ฉันปกป้องให้ปลอดภัย เหมือนพระเจ้าอารักขาช่วยออกจากอันตรายให้สู่ความปลอดภัย

ส่วนใหญ่ ให้ความหมาย พระเจ้าช่วยกู้ผู้เชื่อจากการลงโทษจากผลของความบาปเข้าสู่ความปลอดภัยที่พระเจ้าจัดสรรให้(หรือความรอดนั่นเอง)

ลก8:12 หมายถึง ความรอดเริ่มต้นในชีวิตนี้เมื่อเราได้รับการช่วยเหลือจากความผิดพลาด จากการคิดชั่วร้าย จากการมีจริยธรรมบริสุทธิ์ จากการยกโทษจากความผิดบาป จากการรับการอวยพร จากสันติสุขของจิตวิญญาณที่ได้คืนดีกับพระเจ้า

เราได้รับความรอด เพราะพระวจนะของพระเจ้ามีชีวิตในเรา

1ปต1:23 ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากเมล็ดพันธุ์ที่เสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เสื่อมสลาย คือจากพระวจนะของพระเจ้าที่มีชีวิตและดำรงอยู่

(มธ13:19เมื่อใครได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง)

(มก4:14-15 ผู้ที่หว่านนั้นก็หว่านพระวจนะ 15ส่วนที่ตกริมหนทางนั้นได้แก่พระวจนะที่หว่านลงไป แล้วทันทีที่พวกเขาได้ยิน ซาตานก็มาชิงเอาพระวจนะที่หว่านในตัวเขาไปเสีย )

แต่เมื่อวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาอีกครั้งจากสวรรค์ เราจะได้รับการอวยพรอย่างสมบูรณ์แบบ เราจะเข้าใจว่า ทำไมความรอด จึงถูกกล่าวถึงในเนื้อหาตอนนี้เหมือนเป็นเหตุการณ์ในปัจจุบัน แต่บางเนื้อหาเป็นเรื่องดีที่จะเกิดในอนาคต อย่างไรก็ดีพระพรได้เริ่มต้นตั้งแต่บนโลกนี้แล้ว

ลก19:10 เพราะว่าบุตรมนุษย์มาเพื่อจะแสวงหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด

ซาตานใช้อุบายชั่วทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนเชื่อในความจริง จะถูกพิพากษา

2ธส2:9-12 คนนอกกฎหมายนั้นจะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ทุกอย่าง ทั้งหมายสำคัญ และการอัศจรรย์จอมปลอม 10และอุบายชั่วทุกอย่างสำหรับพวกที่จะต้องพินาศ เพราะเขาไม่ได้รักความจริงเพื่อจะรอดได้ 11เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาถึงพวกเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ 12เพื่อทุกคนที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการอธรรม จะถูกพิพากษา

(2.3) เพื่อปิดโอกาสในการเชื่อพระเจ้า

การฉวย และชิง เป็นเหมือนการปิดโอกาสไม่ให้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะได้รับความรอด นี่เป็นเป้าหมายหลัก ยุทธศาสตร์หลัก เหมือนเมล็ดที่นกมาคาบเมล็ดไป เมล็ดก็จะไม่มีวันได้หยั่งราก เติบโตในดินได้เลย

มธ13:4 และเมื่อเขาหว่าน เมล็ดพืชก็ตกตามหนทางบ้าง แล้วนกก็มากินเสีย 

เปรียบเทียบดินเป็นชีวิต เป็นจิตใจของคน หากไม่มีพระวจนะในชีวิตเขาจะไม่เชื่อและไม่ได้รับความรอด

มารไม่ได้ทำเฉพาะขั้นตอนแรกของการเข้าแผ่นดินของพระเจ้า มันทำตลอดเวลาที่เราอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า 

แต่มันให้น้ำหนักความสำคัญกับยุทธศาสตร์การทำให้คนไม่เชื่อพระเจ้า และไม่ได้รับความรอด ด้วยการล่อลวงให้คนไปสนใจสิ่งต่างๆในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง ความมีอำนาจตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีมั่นคง การมีการศึกษาสูง ความสนุกสนาน ท่องเที่ยว อาหาร สุรา นารี ยาเสพติด บันเทิง อีกมากมายที่ทำให้คนไม่สนใจ ไม่ให้เวลา เพื่อจะมาเชื่อพระเจ้า

2คร4:4คือในกรณีของพวกเขา พระของยุคนี้ได้ทำให้ความคิดของคนที่ไม่เชื่อมืดมนไป เพื่อไม่ให้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ คือเรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้า

มารซาตานทำเหมือนเดิมคือ ปิดโอกาสให้เราไม่เข้าใจความจริงของพระเจ้า เปิดโอกาสให้เราเข้าใจความเท็จของพระวจนะ ล่อลวงให้ไม่เติบโต ล่อลวงไม่ให้รับใช้ หรือแม้แต่ข่มเหง เพื่อปลายทางคือ เพื่อให้เราปฎิเสธความเชื่อ และไม่ได้รับความรอด เพื่อให้เราถูกพิพากษาเหมือนพวกมารซาตาน

จำไว้ว่าเป้าหมายของมารซาตานไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ ให้เราไม่เชื่อและไม่ได้รับความรอด

แต่มารซานตานมีกลยุทธ์สำหรับคนที่ไม่เชื่อ และคนที่เชื่อเพื่อจะทำให้ไม่เชื่อ ไม่ได้รับความรอดต่อไป มารซาตานมีกลยุทธิ์ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ซึ่งเราจะได้ศึกษาในตอนที่ 3 และ 4 ต่อไป

เราต้องขอบคุณพระเจ้าที่ได้เชื่อในพระเจ้า และยังดำเนินอยู่ในทางแห่งความรอดพระเยซูคริสต์ อย่าลืมที่จะตอบสนองพระวจนะต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ไปอยู่กับพระองค์ เพื่อจะมั่นใจว่าเรายังเชื่อพระเจ้า และมั่นใจในความรอดที่เราได้เชื่อพระเยซูคริสต์

ถ้าเราไม่ตอบสนอง เราไม่เชื่อตามที่พระคัมภีร์สอน เราก็จะไม่ปฎิบัติตามพระวจนะเลย

เราจะไม่ดำเนินชีวิตตามพระทัยของพระเจ้าเลย เราจะมีชีวิตที่ปลายทางคือไม่เชื่อและไม่ได้รับความรอด

ความเชื่อพระเจ้า ทำให้เราเชื่อพระวจนะ ความเชื่อในพระวจนะทำให้เราดำเนินชีวิตตาม การดำเนินชีวิตตามทำให้เรารักษาความเชื่อ และความรอดที่พระเจ้าประทานให้กับเราโดยพระคุณ เพราะเราเชื่อ

เรารอดโดยพระคุณของพระเจ้าเมื่อเรารับไว้ด้วยความเชื่อ และพระคุณนั้นก็ยังรักษาเราให้สามารถดำเนินชีวิตชอบธรรมจนถึงชีวิตนิรันดร์ ความชอบธรรมนั้นไม่ได้มาจากการกระทำของเรา แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าด้วย ผ่านทางพระเยซูคริสต์เมื่อเราเข้าใกล้พระเจ้ามารจะหนีไป

ยก4:7-8เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป 8พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน พวกคนบาปเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด คนสองใจ จงชำระใจให้บริสุทธิ์

เมื่อเราประกาศพระวจนะพระเจ้า ขอให้เข้าใจว่า เป็นการนำการทรงเรียกไปยังคนที่พระเจ้ากำหนดไว้ให้เขารับความรอด เขาจะตอบสนองพระวจนะ  เราแค่ทำหน้าที่ของเรา คือ ประกาศ และอธิษฐานเผื่อผู้ฟังให้เขารับพระวจนะ

2ธส3:1พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดจงอธิษฐานเพื่อเรา เพื่อคำสอนเรื่องขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้แผ่ไปอย่างรวดเร็วและรับเกียรติอย่างที่เป็นไปในหมู่พวกท่านแล้ว 

สำหรับคนที่เราประกาศแล้วเขาไม่เชื่อ ให้อธิษฐานให้เขามาถึงความรอด โดยความเชื่อในพระเจ้า อธิษฐานเผื่อให้พระวจนะที่เขาได้ยินเขาจะเข้าใจ เขาจะเก็บรักษาไว้ เขาจะให้พระวจนะมีอิทธิพลในชีวิต และเขาจะเชื่อพระเจ้าในที่สุด และได้รับความรอดในวันสุดท้าย

พระเยซูคริสต์สอนให้เราสนใจเรื่องความรอด มากกว่าการมีชัยชนะเหนือผีมารซาตาน เมื่อสาวก 72 คน กลับมารายงานพระองค์

ลก10:19-20 นี่แน่ะ เราให้พวกท่านมีสิทธิอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และให้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรูนั้น ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกท่านได้เลย 20แต่ว่าอย่าชื่นชมยินดีในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของท่าน แต่จงชื่นชมยินดีที่ชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์

อย่าหลงลืมเป้าหมายของมารซาตานฝ่ายศัตรู คือ เพื่อไม่ให้ท่านเชื่อ และรับความรอด

ที่เกิดจากการได้ยินพระวจนะของพระเจ้า ท่านจะได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินชีวิตที่เชื่อในพระเจ้า เพื่อท่านจะมั่นใจในความรอด

ให้เราร่วมใจกันอธิษฐาน

สนใจติดต่อเรา หรือเชิญให้เทศนา ให้สอนหรือให้อบรม

www.facebook.com/FORWARD.CH.TH

Email: actsministry2017@gmail.com

รายการอ้างอิง
1https://biblehub.com/greek/3056.htm
2https://biblehub.com/commentaries/maclaren/luke/8.htm
3https://biblehub.com/greek/1228.htm
4https://biblehub.com/greek/4190.htm
5https://biblehub.com/greek/4567.htm
6https://biblehub.com/greek/4100.htm
7https://biblehub.com/greek/4982.htm
บทความก่อนหน้านี้ลก8:11-15 ตอนที่ 1 ดำเนินชีวิตที่เป็นพระพร(เป็นประโยชน์)
บทความถัดไปลก8:11-15 ตอนที่ 3 อย่าดำเนินชีวิตตามโลก

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่